เป็นครั้งแรกที่ OnePlus 9 Series จะได้พัฒนาร่วมกับแบรนด์กล้องยักษ์ใหญ่ของวงการจากสวีเดนอย่าง Hasselblad อีกด้วยเพื่อช่วยเรื่องประสิทธิภาพของกล้องหลังให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยทาง OnePlus ได้ทุ่มเงินได้กว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,600 ล้านบาท
เพื่อทำการวิจัยและพัฒนากล้องสมาร์ตโฟนร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของวงการกล้องถ่ายรูป Hasselblad เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งทำให้วันพลัสนั้นสามารถนำระบบ Natural Color Calibration มาเพื่อช่วยเรนเดอร์สีได้อย่างแม่นยำมากขึ้นที่กล้องหลังของ OnePlus 9 Series

พร้อมทั้งยังมีโหมด Hasselblad Pro ที่ทาง Hasselblad ได้พัฒนาร่วมกับสมาร์ตโฟน เพื่อให้ได้สีและภาพที่แม่นยำมากขึ้น อีกทั้งยังติดตั้งซอฟตแวร์ประมวลผลภาพของ Hasselblad ที่จะช่วยให้ควบคุมการถ่ายภาพในระดับมืออาชีพได้เป็นอย่างดี รวมถึง OnePlus 9 Series นั้นจะมาพร้อมกับการถ่ายภาพโหมด RAW แบบ 12-bits อีกด้วย เพื่อให้ได้สีสันที่แท้จริงและไดนามิกเรนจ์ที่มากขึ้น

หลังจากเปิดตัวไปแล้ว ทางซีอีโอก็อวดยอดจองวันแรกสำหรับซีรี่ส์นี้ผ่านบนทวิตเตอร์ว่า OnePlus 9 Series ที่สามารถทำยอดจองวันแรกที่สูงกว่า OnePlus 8 Series ถึง 8 เท่า ทั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกที่ซีรี่ส์นี้จะได้พัฒนาร่วมกับแบรนด์กล้องยักษ์ใหญ่ของวงการจากสวีเดนอย่าง Hasselblad อีกด้วยเพื่อช่วยเรื่องประสิทธิภาพของกล้องหลังให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งในรุ่น OnePlus 9 Pro นั้นเป็นสมาร์ตโฟนที่ทรงพลังและได้รับความสนใจมากที่สุด ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่มีความโดดเด่นมากมายและมีสีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ Stellar Black, สี Morning Mist และสี Pine Green
แต่ทั้งหมด 3 สีนี้ ล้วนเกิดรอยนิ้วมือติดฝาหลังทั้งนั้น จึงทำให้บางคนอาจจะไม่ชอบและต้องเช็ดฝาหลังอยู่บ่อยๆ (ถ้าหากไม่ใส่เคส)

ล่าสุด Liu Fengshou ซึ่งเป็น COO ของ OnePlus ได้โชว์ตัวเครื่อง OnePlus 9 Pro ที่มาพร้อมกับตัวเครื่องสีขาวเป็นแบบ Matte White ที่หมดปัญหาเรื่องรอยนิ้วมือที่จะเปรอะเปื้อนอยู่ที่ฝาหลังให้รู้สึกต้องรำคาญใจ แต่ก็น่าเสียดายเพราะทาง OnePlus ไม่ได้ผลิตออกมาเยอะ มีในจำนวนจำกัด

OnePlus 9 Pro ได้รับการดีไซน์หน้าจอขอบโค้งถือจับสะดวกได้ง่าย หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว แบบ LTPO ความละเอียด QHD+ (3120 X 1440 พิกเซล) จอรีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างของจอ 1300nits รองรับ HDR10+ ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass และยังได้รับการรับรองจาก DisplayMate ระดับ A+ อีกต่างหาก

ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 888 ของ Qualcomm, RAM 8GB/12GB แบบ PLDDR5 และ ROM 128GB/256GB แบบ UFS 3.1
แบตเตอรี่ขนาด 4,500 mAh ที่มีขนาดแบตที่ใหญ่กว่า OnePlus 8 Pro รองรับการชาร์จเร็วแบบมีสาย 65 วัตต์ที่ถูกเคลมว่าสามารถชาร์จจาก 0-100% ภายในระยะเวลาเพียง 29 นาทีเท่านั้น และจะมีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้นที่จะรองรับการชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50 วัตต์ และกันน้ำกันฝุ่นตามมาตฐาน IP68

กล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว โดยกล้องหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX789 และมีระบบกันสั่น OIS + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX766 สามารถถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา + เลนส์ Telephoto ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 และมาพร้อมกับระบบกันสั่น OIS + เลนส์ Monochrome ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้า ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX471 และมีระบบกันสั่น EIS

นำเสนอข่าวโดย : StepGeek.TV
ที่มา : gizchina