แน่นอนว่า หลังจากที่ Apple ได้ประกาศเปิดตัว iPhone SE 3 5G แล้ว ก็มีกระแสบนโลกออนไลน์เยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดีไซน์, ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยและราคาขายที่แตกต่างกันไม่มากเท่าไหร่ สำหรับราคาขายในประเทศไทยอยู่ที่ 15,900 บาท ซึ่งก็แตกต่างจากราคาไอโฟน SE 2 ที่เปิดตัวอยู่ที่ 1,000 บาท

หลักๆ 3 เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ ไอโฟน SE 3 5G (อ้างอิงจาก gizchina)
- หน้าจอขนาดเล็ก
ก่อนอื่นในแง่ของการใช้ชีวิตประจำวัน ที่หลายคนมักจะชอบหน้าจอขนาดใหญ่ แต่สิ่งที่ทาง Apple ให้กับไอโฟน SE 3 5G นั้นอยู่ที่ 4.7 นิ้ว ซึ่งก็ต้องเลื่อนหน้าจอมากกว่าหน้าจอขนาดใหญ่ และหลายคนก็คาดหวังว่ารุ่นใหม่จะมาพร้อมกับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม อีกทั้ง เมื่อดูวิดีโอ, อ่านคอนเทนต์และเล่นเกมก็อาจจะมีความรู้วึกไม่สบายตาเท่ากับหน้าจอขนาดใหญ่

- ไม่เหมาะกับการเล่นเกม
สำหรับใครที่ชอบเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจแล้วก็….คงจะไม่เลือก ไอโฟน SE 3 5G อย่างแน่นอน เพราะด้วยขนาดของหน้าจอ 4.7 นิ้ว ซึ่งก็ทำให้การถือจับตัวเครื่องนั้นไม่สะดวกสบาย และเมื่ออยู่ในสถานะการเล่นเกม นิ้วหัวแม่มือทั้ง 2 ข้าง จะครอบครองไปมากกว่าครึ่งหนึ่งของหน้าจอไปแล้ว

- แบตเตอรี่ที่ไม่สามารถใช้งานได้ยาวนาน
แม้ว่าจะมาพร้อมกับชิป A15 Bionic ที่ให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ต่ำมาก แต่อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ไม่รองรับการใช้งานภายในวันเดียว ยิ่งถ้าหากใช้งานหนักๆ แล้วล่ะก็…ครึ่งวันคือโชว์ไอคอนแบตแดงทันที ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องแบตเตอรี่สำรอง (Power Bank)ติดไปด้วย เผื่อแบตหมดกลางทาง

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่เหตุผลเฉพาะบุคคลเท่านั้น บางคนก็ชื่นชอบหน้าจอขนาดเล็ก สะดวกในการพกพา อีกทั้ง iPhone SE 3 5G ยังรองรับ 5G, ยัดชิป A15 Bionic ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น, กล้องถ่ายภาพที่ได้รับการอัปเกรดและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่นานมากขึ้น รวมไปถึง ราคาขายที่ย่อมเยาใน iPhone ที่รองรับ 5G