สวัสดีครับ ตามที่ทีมงาน StepGeekTV ได้สัญญากับท่านผู้อ่านเอาไว้ว่าจะนำเสนอบทความรีวิว Samsung Galaxy Note 9 ซึ่งวันนี้ก็ถือเวลาอันสมควรแล้วที่ทางทีมงานของเราจะนำเสนอบทความรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ให้ทุกท่านได้ทราบกันแบบเจาะลึกว่า Samsung Galaxy Note 9 นั้นมีดีไซน์ตัวเครื่องเป็นอย่างไร สวยงามขนาดไหน, กล้องดิจิทัลทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง สามารถถ่ายภาพได้ดีขนาดไหน, ปากกา S-Pen เวอร์ชันใหม่ จะตอบสนองต่อการใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ต่างๆ ได้ดีเพียงใด, หน้าจอแสดงผลสามารถแสดงผลรายละเอียดต่างๆ ได้คมชัดหรือไม่ และมื่อเล่นเกมต่อเนื่องนานๆ ระบบระบายความร้อนนั้นจะทำงานได้ดีเพียงใด บทความนี้ มีทุกคำตอบให้ทุกท่านครับ ถ้าหากทุกคนพร้อมแล้วให้ดีดนิ้วพร้อมกันทั้งประเทศ 1 2 3 Intro มา!
คุณสมบัติตัวเครื่องของ Samsung Galaxy Note 9 อย่างเป็นทางการ
– ตัวเครื่องใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Glass
– หน้าจอแสดงผล Super AMOLED แบบ Infinity Display ความละเอียดระดับ 2960×1440 ในอัตราส่วน 18.5:9 บนขนาด 6.4 นิ้ว
– ใช้ชิปเซ็ต Exynos 9810 กับชิปกราฟิกแบบ Mali-G72 MP18
– มีหน่วยความจำแรมขนาด 6 GB
– มีหน่วยความจำรอมขนาด 128 GB พร้อมสามารถเพิ่มการ์ดแบบ microSD ได้สูงสุด 512 GB
– ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo
– กล้องถ่ายภาพด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล ซึ่งมีระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ Dual OIS (Dual Optical Image Stabilization), รองรับระบบโฟกัสภาพแบบ Super Speed Dual Pixel Autofocus, รองรับเทคโนโลยี Dual Aperture ที่สามารถปรับค่ารูรับแสงระหว่าง F/2.4 กับ F/1.5, รองรับเทคโนโลยี Scene Optimizer สำหรับตรวจจับวัตถุ พร้อมปรับค่าให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพมากที่สุด โดยสามารถตรวจจับได้มากถึง 20 หมวดหมู่, ไฟแฟลช LED
– กล้องถ่ายภาพด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/3.6 นิ้ว ที่มีเม็ดพิกเซลขนาด 1.22 ไมครอน กับขนาดรูรับแสง F/1.7
– รองรับการใช้งานร่วมกับปากกา S-Pen รุ่นใหม่สามารถเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth เพื่อสั่งงานถ่ายภาพ หรือเล่น/หยุด วิดีโอบน Youtube ได้
– มีระบบสแกนใบหน้า, ระบบสแกนม่านตา, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
– ลำโพงเสียงภายนอกแบบคู่ที่ปรับแต่งโดย AKG และรองรับระบบเสียง Dolby Atmos
– ตัวเครื่องรองรับเทคโนโลยีป้องกันน้ำ หรือกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68
– แบตเตอรี่มี 4000 mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จความเร็วสูง
ดีไซน์ ตัวเครื่อง และการออกแบบ
Samsung Galaxy Note 9 มาในแพ็กเกจสีดำที่ดูพรีเมียมเป็นอย่างมาก
ซึ่งภายในแพ็กเกจก็มีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้ครบครัน ซึ่งประกอบไปด้วย อะแดปเจอร์รองรับชาร์จเร็ว, เคสใส, คู่มือที่เราใช้งานกันเป็นประจำ, เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด, หูฟัง AKG แบบ 3.5 มิลลิเมตร และสายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
พร้อมกับหน้าจอแสดงผล Super AMOLED แบบ Infinity Display ความละเอียด 2960×1440 พิกเซล ที่มีอัตราส่วน 18.5:9 บนขนาด 6.4 นิ้ว โดยตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 161.9×76.4×8.8 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 201 กรัม
ด้านหน้าส่วนบนมีกล้องถ่ายภาพความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/3.6 นิ้ว ที่มีเม็ดพิกเซลขนาด 1.22 ไมครอน กับขนาดรูรับแสง F/1.7, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา พร้อมทำหน้าที่เป็นลำโพงเสียงภายนอก และปรับแต่งค่าเสียงโดย AKG, มีระบบสแกนใบหน้า Iris Scanner และเซ็นเซอร์ต่างๆ
ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบ On Screen ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ
ด้านบนมีถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot ซึ่งในช่องที่สองต้องเลือกใช้งานระหว่างใส่ซิมการ์ดที่สอง หรือเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ซึ่งเพิ่มได้สูงสุด 512 GB และไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน
ด้านล่างของเครื่องมีปากกา S-Pen, ลำโพงเสียงภายนอก ปรับแต่งโดย AKG, ไมโครโฟน, ช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านขวามีปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง
ด้านซ้ายมีปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง และปุ่มเรียกใช้งาน Bixby
โดยปากกา S-Pen นั้นมีขนาดหัวปากกาเพียง 0.7 มิลลิเมตร และรองรับการกดน้ำหนักที่ปากกาได้ 4,096 ระดับ อีกทั้งยังถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ได้แก่ รองรับการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ พร้อมทั้งสามารถสั่งงานถ่ายภาพ, เล่น/หยุด วิดีโอบน Youtube หรือเลื่อนสไลด์บน Power Point
ด้านหลังมีกล้องถ่ายภาพด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล ซึ่งมีระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ Dual OIS (Dual Optical Image Stabilization), รองรับระบบโฟกัสภาพแบบ Super Speed Dual Pixel Autofocus, รองรับเทคโนโลยี Dual Aperture ที่สามารถปรับค่ารูรับแสงระหว่าง F/2.4 กับ F/1.5, รองรับเทคโนโลยี Scene Optimizer สำหรับตรวจจับวัตถุ พร้อมปรับค่าให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพมากที่สุด โดยสามารถตรวจจับได้มากถึง 20 หมวดหมู่, ไฟแฟลช LED, มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้ ยังมีการจัดวางเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านล่าง ซึ่งช่วยให้สแกนนิ้วได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม
โดยกล้องตัวที่หนึ่งมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบบ Wide-Angle ที่มีมุมมองกว้าง 77 องศา ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Super Speed Dual Pixel ที่มีขนาด 1/2.55 นิ้ว, มีเม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน, และรองรับเทคโนโลยี Dual Aperture ที่สามารถปรับค่ารูรับแสงระหว่าง F/2.4 กับ F/1.5 / ส่วนกล้องตัวที่สองมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบบ Telephoto ที่มีมุมมองกว้าง 45 องศา ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/3.4 นิ้ว โดยมีรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.4 และมีเม็ดพิกเซลขนาด 1 ไมครอน
ตัวเครื่องใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Glass นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh และรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง กับรองรับการชาร์จไร้สายได้ ไม่เพียงเท่านั้น ตัวเครื่องรองรับเทคโนโลยีป้องกันน้ำ หรือกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68
เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์
Samsung Galaxy Note 9 รันระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 8.1.0 Oreo
รองรับการใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE ทั้ง 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC ซึ่งรวมถึงรองรับการใช้งาน Tap And Play ผ่าน Samsung Pay ด้วยเช่นกัน
มีหน่วยความจำแรมขนาด 6 GB พร้อมหน่วยความจำรอมขนาด 128 GB
มีบริการต่างๆ จาก Google ให้ใช้งานอย่างครบครัน
สามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์, การเปลี่ยนธีม, การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮสกรีน และสามารถเพิ่มจำนวนหน้าจอโฮมกสรีนได้
Samsung Galaxy Note 9 รองรับการแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน และสามารถปรับเป็นฟังก์ชัน Popup Windows ได้ อีกทั้งยังรองรับโหมดถนอมสายตาด้วยการลดแสงสีฟ้า
เว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งานแบบหลายหน้าต่างได้อย่างไหลลื่น และด้วยความที่มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ถึง 6.4 นิ้ว จึงช่วยให้สามารถแสดงเนื้อหาต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน
อีกหนึ่งความหน้าสนใจบน Samsung Galaxy Note 9 คือมีฟังก์ชัน Edge Screen ให้ใช้งาน เช่น Apps Edge, People Edge นอกจากนี้ ยังมี Edge Lighting ในการแจ้งเตือน ซึ่งมีแสงสีให้เลือกหลายรูปแบบ
มีฟังก์ชัน Always On Display สำหรับแสดงการแจ้งเตือน และวัน กับเวลา โดยผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบการแสดงผลของ Always On Display ที่ชื่นชอบได้
นอกนากนี้ Samsung Galaxy Note 9 ยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชัน Secure Folder ซึ่งก่อนเข้าใช้งานนี้จะต้องทำการตั้งล็อกด้วยการตั้งรหัสผ่านเพื่อปกป้องข้อมูลให้ปลอดภัย นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถล็อกอิน Google Play Store เพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาใช้งานเพิ่มเติมได้ เช่น Line หรือ Facebook
รองรับการโคลนนิ่งแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่าง facebook หรือ Line นั่นหมายความว่า Samsung Galaxy Note 9 สามารถล็อกอินเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Facebook หรือ Line ได้พร้อมๆ กัน 3 แอคเคานท์
ฟังก์ชันโทรศัพท์ก็ใช้งานได้ง่าย สามารถเข้าดูรายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้ทันที
สามารถใช้บริการสำรองข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, วิดีโอ และรายชื่อโทรศัพท์ ได้ผ่านบริการของ Samsung Cloud
ใน Samsung Galaxy Note 9 มีระบบรักษาความปลอดภัยบนเครื่องถึง 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ ระบบสแกนใบหน้า, ระบบสแกนม่านตา (Iris Scanner) และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบทั้ง 3 ระบบก็ตรวจจับได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งปลดล็อกหน้าจอได้อย่างรวดเร็วทันใจ นอกจากนี้ Samsung Galaxy Note 9 ยังมีความชาญฉลาดที่สามารถสแกนใบหน้า พร้อมสแกนม่านตาในเวลาเดียวกันได้
รองรับแอปพลิเคชันผู้ใช้ในการดูแลเรื่องสุขภาพอย่าง Samsung Health ไม่ว่าจะเป็น การแสดงการนับก้าว, แสดงอัตราการเต้นของหัวใจ และการนับก้าวเดิน ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ที่รักสุขภาพเป็นอย่างมาก
สามารถปรับโหมดการแสดงผลของหน้าจอให้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุดได้ อีกทั้งยังรองรับการใช้งาน Bixby ได้แก่ Bixby Home ซึ่งเป็นการรวมสิ่งที่ผู้ใช้นั้นใช้งานบ่อยเอามาแสดงไว้ที่หน้าเดียวกัน
Samsung Galaxy Note 9 รองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้ เช่น การปัดมือเพื่อถ่ายภาพหน้าจอ หรือการเอาฝ่ามือบังที่หน้าจอเพื่อปิดเสียง และรองรับการสั่งงานด้วยมือเดียวได้
มี Face Widget สำหรับแสดงโปรแกรมควบคุมเพลง, กำหนดการ หรือสภาพอากาศได้ผ่านฟังก์ชัน Always On Display
รองรับฟังก์ชัน Smart Switch ในการโอนย้ายข้อมูลจากสมาร์ทโนเครื่องอื่นมายัง Samsung Galaxy Note 9 ได้ง่ายๆ ผ่านสาย USB Type-C
มีฟังก์ชัน Game Launcher สำหรับรวมรวบเกมไว้ในที่เดียวกัน พร้อมทั้งสามารเปิด-ปิด เสียง หรือการแจ้งเตือน รวมถึงสามารถเปิดการรีดเร้นฮาร์ดแวร์เพื่อให้ทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพ
มีแอปพลิเคชันไมโครซอฟต์ให้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Word, Excel หรือ Power Point
มีเซ็นเซอร์ให้ใช้งานหลากหลาย ซึ่งรวมถึงเซ็นเซอร์ Gyroscope ก็มีให้ใช้งาน
มีแอปพลิเคชันฟังเพลงให้ใช้งาน พร้อมทั้งสามารถเปิดใช้งานระบบเสียง Dolby Atmos ได้
สามารถเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ 2K ได้อย่างไหลลื่น
Samsung Galaxy Note 9 ใช้ชิปเซ็ต Exynos 9810 ที่มีความเร็วในการประมวลผล 2.7 GHz, ชิปกราฟิกแบบ Mali-G72 MP18, หน่วยความจำแรมขนาด 6 GB และหน่วยความรอมขนาด 128 GB
ด้วยความที่มีคุณสมบัติตัวเครื่องในระดับท็อป จึงทำให้สามารถเล่นเกมอย่าง PUBG Mobile ได้อย่างไหลลื่น และสามารถเล่นต่อเนื่องได้นานเพราะมีระบบ Water Carbon Cooling System ช่วยในเรื่องของระบายความร้อน และจากการทดสอบก็พบว่ามีความร้อนสะสมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีผลต่อการใช้งานให้เกิดอาหารหน่วง หรือกระตุกแต่อย่างใด
และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ Samsung Galaxy Note 9 สามารถเล่นเกม Fortnite ได้แบบ Exclusive ก่อนใคร ซึ่งจากการทดสอบก็สามารถเล่นได้อย่างไหลลื่นเช่นกัน
ผลทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark จะได้คะแนนอยู่ที่ 242758 คะแนน ส่วนการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน Geekbench 4 จะได้ 3757 คะแนน (Sinlge-Core) กับ 9075 คะแนน (Multi-Core)
ฟีเจอร์ของปากกา S-Pen บน Samsung Galaxy Note 9
มาเริ่มกันที่ฟีเจอร์แรกที่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ ดึงปากกา S-Pen ออกมาจากตัวเครื่องอย่าง Screen of Memo โดยผู้ใช้สามารถจดบันทึก หรือวาดเขียนสิ่งต่างๆ ได้ในทันที และสามารถบันทึกได้หลายหน้า พร้อมทั้งตั้งค่าให้โชว์ที่หน้า Always On Displays เพื่อกันหลงลืมได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ปากกา S-Pen ยังทำหน้าที่ในการปลดล็อกหน้าจอ เพียงแค่กดที่ปุ่ม 1 ครั้ง ขณะที่เครื่อง Samsung Galaxy Note 9 อยู่ในโหมดสลีป
รองรับฟังก์ชัน Air View ซึ่งเป็นการดูตัวอย่างข้อมูลต่างๆ เช่น ดูรูปภาพ, ข้อความ, ข้อมูลเว็บไซต์ หรือวิดีโอ
รองรับการเขียนด้วยปากกาผ่านทางข้อความ โดยการจ่อหัวปากกาไปที่หน้าจอ หรือช่องข้อความ จากนั้นเลือกที่ไอคอน T เพื่อทำการเขียน อีกทั้งยังสามารถเขียนชื่อ เพื่อหารายชื่อโทรศัพท์ที่ต้องการได้อีกด้วย
เลือกเปิด-ปิด การโชว์ฟังก์ชัน Air Command พร้อมทั้งจัดเรียงฟังก์ชัน หรือแอปพลิเคชันใน Air Command ด้วยต้นเองได้ อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าได้ว่าเมื่อดึง ปากกา S-Pen จะเป็นการเรียกใช้งานฟังก์ชันใด ซึ่งเลือกได้ 3 แบบ ได้แก่ เรียกใช้งานฟังก์ชัน Air Command, เรียกใช้งาน Samsung Note และปิดการทำงานคือไม่เรียกใช้งานฟังก์ชันใดเลย
สามารถเปิด-ปิด การแจ้งเตือนเมื่อปากกา S-Pen อยู่ไกลจากตัวเครื่องในระยะที่ขาดการเชื่อมต่อ, เปิด-ปิด การตรวจจับปากกา S-Pen เพื่อประหยัดพลังงานแบตเตอรี่, เปิด-ปิด เสียงการดึงปากกา S-Pen ออกจากเครื่อง หรือเสียงการเขียนของปากกา S-Pen และสามารถเปิด-ปิดการสั่นเตือนขณะดึงปากกา S-Pen ออกมาใช้งาน หรือเสียบปากกา S-Pen กลับที่ช่องเก็บ
ในส่วนของฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อรองรับการทำงานผ่านบลูทูธก็มีให้ใช้งานหลากหลายฟีเจอร์ อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้หลากหลายเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ การกดปุ่มค้างที่ปากกา S-Pen เพื่อสั่งงาน ในเบื้องต้นจะเป็นการเรียกใช้งานกล้องถ่ายภาพ ซึ่งผู้ใช้สามารถตั้งค่าด้วยตนเองได้ว่าต้องการกดปุ่มค้างเพื่อเรียกใช้งานฟังก์ชันไหน หรือแอปพลิเคชันใด
นอกจากนี้ ปากกา S-Pen ยังสามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันต่างๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น การกด 1 ครั้งเพื่อสั้งงานถ่ายภาพ เลื่อนดูภาพถ่าย เล่น/หยุด เพลง บันทึกเสียง หรือเปลี่ยนสไลด์ Power Point, กดดับเบิ้ลคลิกเพื่อสลับกล้องถ่ายภาพ เลื่อนดูภาพถ่าย ดับเบิ้ลคลิกเพื่อย้อนกลับภาพถ่ายก่อนหน้า หรือดับเบิ้ลคลิกเพื่อข้ามเพลง ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ใช้งานยังสามารถตั้งค่าด้วยตนเองได้ว่า กด 1 ครั้ง หรือกดแบบดับเบิ้ลคลิก เพื่อใช้งานอะไรตามต้องการ
ในส่วนของฟังก์ชัน Air Command ก็จะเหมือนกับบน Samsung Galaxy Note 8 แทบทั้งสิ้น เริ่มกันที่แอปพลิเคชัน Samsung Note ซึ่งผู้ใช้สามารถจดบันทึกสิ่งต่างๆ ที่ต้องการได้ พร้อมทั้งสามารถเลือกรูปแบบของหัวปากกา, สีหัวปากกา หรือแม้แต่การแนบภาพถ่าย ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนเป็นโหมดของการวาดภาพ
ต่อมาคือแอปพลิเคชัน Smart Select ซึ่งจะเป็นการบันทึกสิ่งที่น่าสนใจบนหน้าจอด้วยปากกา S-Pen พร้อมทั้งเขียนข้อความที่ต้องการลงไปได้ ซึ่งจะมีรูปแบบให้เลือก 4 อย่างด้วยกัน คือ แบบสี่เหลี่ยม, แบบบ่วง, แบบวงรี และแบบไฟล์ GIF ซึ่งผู้ใช้จะต้องทำการเปิดวิดีโอที่ต้องการขึ้นมา แล้วกดบันทึก เพียงเท่านี้ ก็จะได้ไฟล์ GIF สนุกๆ ไว้ใช้งาน
ถัดมาจะเป็นแอปพลิเคชัน Screen Write ซึ่งจะเป็นการจับภาพหน้าจอที่ต้องการ หลังจากนั้นผู้ใช้ก็นำมาเขียน หรือไฮไลท์ข้อความสำคัญ โดยจะเหมาะกับการอ่าน E-book ซึ่งผู้ใช้สามารถไฮไลท์ข้อความที่ต้องการได้
มาต่อกันที่ฟังก์ชัน Live Message ซึ่งจะเป็นการสร้างข้อความด้วยการเขียน หรือวาดผ่านปากกา S-Pen พร้อมทั้งบันทึกเป็นภาพเคลื่อนไหว นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกเอฟเฟกต์การเขียน, รัศมีของปากกา, สีปากกา, สีภาพพื้นหลัง, การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง และการใส่สติกเกอร์ หรืออิโมจิ เรียกได้ว่า คุณสามารถสร้างข้อความที่มีเพียง 1 เดียวในโลกได้ด้วยมือของคุณเองผ่าน Samsung Galaxy Note 9
ฟังก์ชัน Translate จะเป็นการแปลภาษาข้อความบนหน้าจอที่ต้องการผ่านปลายปากกา S-Pen โดยมีภาษาให้เลือกใช้งานมากมาย อีกทั้งยังสามารถเลือกการแปลเป็นคำ หรือแปลเป็นประโยคได้ เรียกได้ว่าเป็นฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายไม่น้อยเลยทีเดียว
ใน Samsung Galaxy Note 9 ยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชันใหม่อย่าง PENUP ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสำหรับคนที่ชื่นชอบการวาดภาพ โดยผู้ใช้สามารถวาดภาพต่างๆ ผ่านปากกา S-Pen พร้อมโพสต์โชว์ในแอปพลิเคชันนี้ผ่าน Samsung แอคเคานท์ เพื่อให้ผู้ใช้ท่านอื่นได้มาชื่นชมผลงานของคุณได้ ไม่เพียงเท่านั้น ในแอปพลิเคชัน PENUP ยังมีโครงสร้างภาพเพื่อให้มือใหม่ฝึกการระบายสี หรือวิดีโอตัวอย่างการระบายสี หรือการลงสี (Colouring) แล้วเราก็ฝึกระบายสี หรือแรงเงาสีตาม เรียกได้ว่า อีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่สร้างสรรค์มากๆ จากทาง Samsung
ยังมีในส่วนของแอปพลิเคชัน Magnify หรือแว่นขยาย สำหรับขยายข้อความ หรือตัวหนังสือขนาดเล็ก โดยสามารถขยายได้ตั้งแต่ 150% – 300% เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นได้
สุดท้ายคือฟังก์ชัน Glance ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถย่อแอปพลิเคชันที่ใช้งานล่าสุดเป็นหน้าต่างเล็ก เพื่อใช้งานฟังก์ชัน หรือแอปพลิเคชันอื่นๆ ต่อได้ในทันที หากต้องการใช้งานแอปพลิเคชันที่ย่อไว้ตอนแรกเพียงแค่เอาปากกา S-Pen มาจ่อเท่านั้น แอปพลิเคชันก็จะขยายกลับมาเต็มจอ และใช้งานต่อได้ทันที
อีกหนึ่งความน่าสนใจคือปากกา S-Pen สามารถทำงานร่วมกับฟังก์ชัน Bixby ได้ เช่น หากผู้ใช้ต้องการหาข้อมูลในรูปภาพที่ต้องการ เพียงแค่เป็นรูปภาพดังกล่าวขึ้นมาแล้วนำปากกา S-Pen ไปชี้ฟังก์ชัน Bixby ก็จะทำการค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตให้กับเรา พร้อมแสดงข้อมูลทีเกี่ยวข้องกับภาพถ่าย เรียกได้ว่า สะดวกสบายเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ปากกา S-Pen ยังมาพร้อมกับ เทคโนโลยีกันน้ำ-กันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 จึงสามารถใช้งานได้ทุกสถานการณ์อย่างแน่นอน แม้ในวันฝนตกก็ตาม ไม่เพียงเท่านั้น ในตัวปากกา S-Pen ยังมีแบตเตอรี่เฉพาะ ซึ่งรองรับการชาร์จจนเต็มได้ภาพในเวลา 40 วินาที และสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสูงสุด 30 นาที
กล้องถ่ายภาพ และถ่ายวิดีโอ
สำหรับกล้องดิจิทัลด้านหลังของ Samsung Galaxy Note 9 ได้นั้นได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยการใส่เทคโนโลยี Scene Optimizer สำหรับตรวจจับวัตถุ พร้อมปรับค่าให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพมากที่สุด โดยสามารถตรวจจับได้มากถึง 20 หมวดหมู่
โดย Interface กล้องถ่ายภาพนั้นมีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย ซึ่งจะแสดงฟังก์ชัน และโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานได้ทันที
สำหรับโหมดถ่ายภาพโปรจะสามารถปรับค่าได้หลากหลาย เช่น ความเร็วชัตเตอร์ หรือการโฟกัส นอกจากนี้ รองรับเทคโนโลยี Dual Aperture ที่สามารถปรับค่ารูรับแสงระหว่าง F/2.4 กับ F/1.5
ในส่วนของโหมดถ่ายภาพ Live Focus นั้นสามารถปรับค่าการเบลอฉากหลังได้ 7 ระดับ และเปิดใช้งานการปรับค่าผิวเนียนได้ 8 ระดับ
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีโหมด AR Emoji กับโหมดถ่ายวิดีโอ Super Slow Motion ให้ใช้งานอีกด้วย
ทางด้านกล้องถ่ายภาพด้านหน้าก็มีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน แสดงฟังก์ชัน และโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานได้ทันที โดยในโหมดถ่ายภาพเซลฟี่นั้นสามารถปรับค่าสีผิวให้ดูมีเลือดฝาด กับค่าผิวเนียนได้สูงสุด 8 ระดับ
มีโหมดเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอให้ใช้งาน พร้อมทั้งสามารถปรับค่าผิวเนียนได้ 8 ระดับ
มี AR Emoji ให้เลือกใช้งานหลากหลาย
สามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วน พร้อมทั้งสามารถเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพด้านหลังได้สูงสุดที่ 12 ล้านพิกเซล และสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดระดับ Ultra HD (60fps)
ส่วนกล้องถ่ายภาพด้านหน้าสามารถเลือกความละเอียดได้สูงสุดที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 2K
สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน HDR, การโฟกัสตามวัตถุ, ตารางเก้าช่อง, การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, การสั่งงานถ่ายภาพด้วยเสียง และสามารถคืนการตั้งค่าได้
ตัวอย่างภาพจากกล้องถ่ายภาพของ Samsung Galaxy Note 9
ในส่วนนี้เราจะใช้โหมดถ่ายภาพแบบ Live Focus เพื่อใช้เลนส์ทั้ง 2 ตัว ในการวัดระยะ เพื่อให้เราได้ภาพที่ฉากหลังละลาย อย่างสวยงาม เป็นธรรมชาติมากขึ้น โดย Samsung Galaxy Note 9 จะมีโหมด Dual Capture เพื่อให้กล้องนั้นเก็บภาพได้ทั้งมุมกว้างและมุมแคบ เพื่อให้เรานำไปใช้ได้ตามแต่ต้องการ

เนื่องจากว่าเราเห็นว่ากล้องของ Samsung Galaxy Note 9 นั้นสามารถทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ทางทีมงานมีความต้องการที่จะท้าทายความสามารถของกล้อง Samsung Galaxy Note 9 ให้มากขึ้น ด้วยการนำ โหมด Live Focus ไปถ่ายในที่ที่มีความซับซ้อนในการจำแนกพื้นหลัง ผลที่ได้ดังนี้

ต่อไปเราลองไปถ่ายวิวทิทัศน์กันบ้าง เพื่อ ทดสอบการทำงานของกล้องในการถ่ายภาพวิวต่างๆ ผลลัพธ์ที่ได้ ทำออกมาได้น่าประทับใจเหมือนเดิม สำหรับ Galaxy Note 9

กล้องของ Samsung Galaxy Note 9 มีค่ารูรับแสงที่กว้างถึง 1.5 (ยิ่งน้อยยิ่งดี) ทำให้สามารถเก็บภาพกลางคืนได้น่าประทับใจจนสมราคาเรือธงของค่าย Samsung ได้อย่างภาคภูมิใจ การถ่ายภาพในที่แสงน้อยที่ AI ช่วยประมวลผลให้ภาพนั้น ไม่มี Noise ให้เห็นมากมายเลย ทำออกมาได้ดี จนเรียกได้ว่า คนไม่มีพิ้นฐานก็สามารถกดถ่ายได้ โดยไม่ต้องกังวลกับการใช้งานเลย เพียงหามุมสวยๆ แล้วกดชัตเตอร์เท่านั้นก็จะได้ภาพอย่างที่เห็นกันเลยครับ
ต่อมาเป็นโหมดการ Zoom แบบ 10x ที่เราได้ทำการทดสอบถึงการใช้งาน


ภาพจากกล้องถ่ายภาพด้านหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล


วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
รีวิว Samsung Galaxy Note 9 ที่สุดแห่งมือถือที่ครบที่สุด มีทุกอย่างที่โลกนี้มี
เกม Fornite มือถือ Android มาแล้วว เล่นก่อนใครบน Galaxy Note 9 และ S9/S9+
สรุปผลการทดสอบ
จบลงไปแล้วนะครับ สำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของแบรนด์ Samsung อย่าง Samsung Galaxy Note 9 อันดับแรกต้องยอมรับในเรื่องของปากกา S-Pen เวอร์ใหม่ ด้วยความที่มีความสามารถเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การสั่งงานระยะไกลทั้งถ่ายภาพ, เลื่อนดูภาพถ่าย เล่น/หยุด เพลง บันทึกเสียง หรือเปลี่ยนสไลด์ Power Point, กดดับเบิ้ลคลิกเพื่อสลับกล้องถ่ายภาพ เลื่อนดูภาพถ่าย เป็นต้น ซึ่งความสามารถเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้มีความสะดวกสบายต่อการใช้งานเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมาแอปพลิเคชัน PENUP เอาไว้วาดภาพ อีกทั้งเรายังโพสต์โชว์ในแอปพลิเคชันนี้ผ่าน Samsung แอคเคานท์ เพื่อให้ผู้ใช้ท่านอื่นได้มาชื่นชมผลงานของคุณได้ ไม่ใช่แค่เพียงผู้ที่วาดภาพเป็นแล้วเท่านั้น เนื่องด้วยบนแอปพลิเคชัน PENUP ยังมีภาพลาดเส้นให้ผู้ใช้สามารถฝึกวาดวาดภาพ หรือฝึกลงสีได้เช่นกัน นอกจากนี้ ทางด้านฟังก์ชัน Air Command ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเหมือนเช่นเคย สามารถจดบันทึก หรือจดความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ในด้านของกล้องถ่ายภาพด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) บน Samsung Galaxy Note 9 ก็ได้รับการพัฒนาให้ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI นั้นก็สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของการได้ดี สามารถแยกแยะวัตถุได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งปรับค่าต่างๆ ให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพ ณ ขณะได้ดี ภาพถ่ายที่ได้มีความคมชัด สีสันสมจริง นอกจากนี้ ในโหมด Live Focus ก็สามารถตัดขอบได้อย่างเนียนตา และสามารถเบลอฉากหลังได้เป็นธรรมชาติ ช่วยให้ตัวแบบดูมีความโดดเด่นขึ้นได้ อีกหนึ่งความพิเศษของกล้องถ่ายภาพด้านหลัง คือ สามารถถ่ายภาพได้ดีแม้ในสภาวะแสงน้อย หรือแสงจ้า เนื่องจากสามารถปรับค่ารูรับแสงระหว่าง F/2.4 กับ F/1.5 ได้นั่นเอง ทางด้านของกล้องถ่ายภาพด้านหน้าก็สามารถถ่ายภาพได้ดี โหมดถ่ายภาพหน้าสวยก็สามารถปรับค่าผิวเนียนได้หลายระดับตามใจชอบ นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน HDR จึงทำให้สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ได้ดี และเห็นรายละเอียดอย่างครบถ้วนแม้ในสภาวะแสงจ้า อีกทั้งยังมีโหมด AR Emoji ให้ใช้งาน ซึ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์การถ่ายภาพแบบใหม่ๆ แก่ผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี
ทางด้านสเปกเครื่องไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต Exynos 9810 พร้อมชิปกราฟิกแบบ Mali-G72 MP18 และหน่วยความจำแรม 6 GB ที่ทาง Samsung ใส่มาให้บน Samsung Galaxy Note 9 ก็ตอบโจทย์การใช้งานที่มีการประมวลผลเยอะๆ ได้ดี ซึ่งจากการทดสอบด้วยการเล่นเกมสามมิติต่างๆ ทั้งเกม PUBG Mobile กับ Fortnite สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ก็ตอบสนองต่อการเล่นได้อย่างไหลลื่น และด้วยความที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4000 mAh จึงทำให้สามารถเล่นต่อเนื่องได้นานดั่งใจ ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยความที่มีหน้าจอแสดงผล Super AMOLED แบบ Infinity Display ความละเอียดระดับ 2K บนขนาด 6.4 นิ้ว ช่วยให้แสดงผลภาพได้อย่างคมชัด บวกกับลำโพงเสียงแบบคู่ที่ถูกปรับแต่งโดย AKG พร้อมทำงานร่วมกับระบบเสียง Dolby Atmos ซึ่งเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว แต่การเล่นต่อเนื่องเป็นเวลานาน Samsung Galaxy Note 9 ก็มีอาการสะสมความร้อนที่ตัวเครื่องอยู่บ้าง แต่ด้วยระบบ Water Carbon Cooling System ทำให้สามารถระบายออกไปได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับดีไซน์ของ Samsung Galaxy Note 9 จะไม่ได้เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนหน้านี้มากนัก แต่ก็ถือว่าออกแบบมาได้สวยงามหรูหรา และมีความพรีเมียมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีการปรับตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่มาอยู่ด้านล่างกล้องถ่ายภาพแทน ซึ่งเดิมอยู่ด้านข้างของกล้องถ่ายภาพ โดยการเปลี่ยนตำแหน่งตรงนี้ จะช่วยตัดปัญหาเรื่องนิ้วมือไปโดนกล้องเวลาสแกนนิ้วอีกต่อไป นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีการป้องกันน้ำ-กันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ทั้งบนตัวเครื่อง Samsung Galaxy Note 9 และบนปากกา S-Pen จึงทำให้สามารถใช้งานต่างๆ ได้ในทุกสถานการณ์แม้ในวันฝนตกก็ตาม
หากกล่าวโดยสรุปแล้ว Samsung Galaxy Note 9 ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องต่อการใช้งานในทุกๆ ด้านเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ดีไซน์สวยหรูระดับพรีเมียม แถมกันน้ำได้, จอใหญ่คมชัด, กล้องดิจิทัลดีถ่ายภาพสวยทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง, แบตเตอรี่อึดใช้งานได้ยาวนาน, สำโพงคู่สุดกระหึ่ม, มีปากกาให้ขีดๆ เขียนๆ ได้หลากหลาย และสเปกเครื่องที่สามารถประมวลผลระดับสูงได้อย่างสบายๆ สำหรับท่านใดที่สนใจก็เตรียมเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้กันได้เลย โดย Samsung Galaxy Note 9 จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยวันที่ 24 สิงหาคม 2561 ในราคา 33,900 บาท ที่ Samsung Brand Shop หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในบทความรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นถัดไป สวัสดีครับ