• แอปพลิเคชัน
  • เกม
  • Tips & Tricks
  • โปรโมชัน
StepGeek
  • หน้าแรก
  • ข่าว
  • รีวิว
  • พรีวิว
  • บทความ
  • Tips & Tricks
  • ดูวิดีโอ StepGeek
No Result
View All Result
StepGeek
  • หน้าแรก
  • ข่าว
  • รีวิว
  • พรีวิว
  • บทความ
  • Tips & Tricks
  • ดูวิดีโอ StepGeek
No Result
View All Result
StepGeek
No Result
View All Result
Home รีวิว

รีวิว Samsung Galaxy Note 10+ สมาร์ทโฟนระดับท็อปที่ขีดๆ เขียนๆ ได้ กับฟีเจอร์ใหม่เพียบ!

ต้องบอกเลยกระแสตอบรับของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ค่อนข้างดีไม่น้อย วันนี้ก็ถึงคิวรีวิวให้ทุกท่านได้รับชมกัน หากทุกท่านพร้อมกันแล้ว ขอเชิญรับชมกันได้เลยครับ

Admin G by Admin G
วันอังคารที่ 3 กันยายน 2019 เวลา 01:35 น.
in รีวิว
586
SHARES
5
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterLINE

สวัสดีครับ หลังจากที่ Samsung Galaxy Note 10 Series ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ก็ต้องบอกเลยกระแสตอบรับของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ค่อนข้างดีไม่น้อย ซึ่งทางเราก็ได้ทำพรีวิวให้ได้รับชมกันไปบ้างแล้ว และในวันนี้ก็ถึงคิวรีวิว Samsung Galaxy Note 10+ ให้ทุกท่านได้รับชมกัน หากทุกท่านพร้อมกันแล้ว ขอเชิญรับชมกันได้เลยครับ

 

สเปกเครื่องแบบคร่าวๆ ของ Samsung Galaxy Note 10+

– ตัวเครื่องแบบกระจก (Metal-Glass)
– ตัวเครื่องกันน้ำ-กันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
– รองรับ 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับเทคโนโลยี VoLTE
– ชิปเซ็ต Exynos 9825 ใหม่ล่าสุด
– หน่วยความจำภายในขนาด 256GB กับ 512GB และสามารถเพิ่มการ์ด microSD ได้สูงสุด 1TB
– หน่วยความจำแรมขนาด 12GB
– ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 9.0 Pie
– หน้าจอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED HDR10+ Infinity O-Display ความละเอียด 3040×1440 พิกเซล บนขนาด 6.8 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกแบบ Gorilla Glass 6
– กล้องถ่ายภาพด้านหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/2.2 พร้อมระบบโฟกัสภาพแบบ Dual Pixel และถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD
– กล้องถ่ายภาพด้านหลัง 4 เลนส์ (Quad-Camera) โดยกล้องตัวแรกมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (Wide) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/1.5, กล้องตัวที่สองความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (Telephoto) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/2.4 โดยซูมได้ 2X, กล้องตัวที่สามความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (Ultra-Wide) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/2.2 กับมุมมองกว้าง 123 องศา นอกจากนี้ ยังมีระบบกันสั่นแบบ Dual OIS, รองรับ AI Scene, ระบบโฟกัสภาพแบบ Super Speed Dual Pixel, รองรับระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ Super Steady สำหรับถ่ายวิดีโอ, รองรับ AR Doodle สำหรับวาดภาพผ่าการถ่ายวิดีโอ, ไฟแฟลช LED และเพิ่มเลนส์ TOF สำหรับช่วยวัดระยะอีกด้วย
– รองรับฟังก์ชัน Zoom in Mic ช่วยบันทึกเสียงแม้ขณะซูมภาพได้อย่างชัดเจน
– มีระบบสแกนใบหน้า (Face Recognition) และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแบบ Ultrasonic
– รองรับฟังก์ชัน Dex Mode ผ่านสาย USB Type-C ได้ทันที
– ระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos 3D
– แบตเตอรี่ขนาด 4300 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูงแบบ 45W

 

ดีไซน์ตัวเครื่อง และการออกแบบ

Samsung Galaxy Note10+ มากับแพ็กเกจสีดำสุดพรีเมียม

ภายในมีอุปกรณ์พื้นฐานให้ใช้งานอย่างครบครัน

แต่อย่างไรก็ดีชุดชาร์จแบตเตอรี่ภายในแพ็กเกจนั้นรองรับการชาร์จเร็วแบบ 25W เท่านั้น หากต้องการใช้เทคโนโลยีการชาร์จเร็วแบบ 45W จะต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม

Samsung Galaxy Note10+ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED HDR10+ Infinity O-Display ความละเอียด 3040×1440 พิกเซล บนขนาด 6.8 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกแบบ Gorilla Glass 6 นอกจากนี้ ยังมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 162.3×77.2×7.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 196 กรัม

ด้านหน้าส่วนบนมีกล้องดิจิทัลความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/2.2 พร้อมระบบโฟกัสภาพแบบ Dual Pixel และถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD

ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบ On Screen ด้านหน้าส่วนล่างยังมีการฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic เอาไว้ให้ใช้งานด้วยเช่นกัน และที่พิเศษไปกว่านั้นคือทาง Samsung ได้ย้ายตำแหน่งของเซ็นเซอร์มาวางให้สูงขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้สแกนลายนิ้วมือได้สะดวกสบายกว่าเดิม ซึ่งสาเหตุที่ย้ายตำแหน่งเนื่องจาก Feedback จะผู้ใช้ในรุ่น Galaxy S10+ ที่เซ็นเซอร์อยู่ค่อนข้างต่ำ ทำให้สแกนลายนิ้วมือไม่ค่อยสะดวกนั่นเอง เรียกได้ว่า รับฟัง เข้าใจ และใส่ลูกค้าเป็นอย่างมาก

ด้านบนของเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะบันทึกวิดีโอ หรือบันทึกเสียง และถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot

ด้านล่างของเครื่องมีไมโครโฟน, ช่องเชื่อมต่อกับสาย USB Type-C, ลำโพงเสียงภายนอก

นอกจากนี้ด้านล่างยังเป็นที่เก็บปากกา S-Pen อีกด้วย

โดยปากกา S-Pen มีขนาดอยู่ที่ 105.08×5.8×4.35 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 3.04 กรัม

โดยปากกา S-Pen บน Samsung Galaxy Note 10+ ได้ถูกอัปเกรดขึ้นใหม่ ซึ่งมีการฝังเซ็นเซอร์ Gyroscope เอาไว้ด้านใน ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยท่าทางผ่านปากกา S-Pen ได้ทันทีผ่านฟังก์ชัน Air Action เช่น การเพิ่ม-ลด เสียง, การเปลี่ยนโหมดถ่ายภาพ, การสลับใช้งานกล้องถ่ายภาพ หรือการวาดตัวอักษร O เพื่อทำการซูมภาพ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานควบคู่กับแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้อีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ผู้ใช้ยังสามารถเขียนข้อความต่างๆ ด้วยปากกา S-Pen พร้อมสั่งงานแปลงเป็นตัวพิมพ์ได้ทันที เรียกได้ว่า สะดวกสบายเป็นอย่างมาก

ด้านขวาไม่มีปุ่มฟังก์ชันใดๆ ให้ใช้งาน

ด้านซ้ายมีปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง

ด้านหลังของเครื่องมีกล้องถ่ายภาพด้านหลัง 4 เลนส์ (Quad-Camera) โดยกล้องตัวแรกมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (Wide) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/1.5, กล้องตัวที่สองความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (Telephoto) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/2.4 โดยซูมได้ 2X, กล้องตัวที่สามความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (Ultra-Wide) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/2.2 กับมุมมองกว้าง 123 องศา นอกจากนี้ ยังมีระบบกันสั่นแบบ Dual OIS, รองรับ AI Scene, ระบบโฟกัสภาพแบบ Super Speed Dual Pixel, รองรับระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ Super Steady สำหรับถ่ายวิดีโอ, รองรับ AR Doodle สำหรับวาดภาพผ่าการถ่ายวิดีโอ, ไฟแฟลช LED และเพิ่มเลนส์ TOF สำหรับช่วยวัดระยะอีกด้วย

โดยตัวเครื่องของ Samsung Galaxy Note 10+ นั้นใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Glass และแน่นอนว่าตัวเครื่องก็มีความอึดถึกทนไม่น้อย เนื่องด้วยตัวเครื่องสามารถกันน้ำ-กันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 เรียกได้ว่า สามารถใช้งานได้ในทุกสถานการณ์เลยทีเดียว

 

เปรียบเทียบตัวเครื่อง Galaxy Note 10 กับ Galaxy Note 10+

Samsung Galaxy Note 10 มาพร้อมกับSamsung Galaxy Note10+ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED HDR10+ Infinity O-Display ความละเอียด 3040×1440 พิกเซล บนขนาด 6.3 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกแบบ Gorilla Glass 6

Samsung Galaxy Note10+ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED HDR10+ Infinity O-Display ความละเอียด 3040×1440 พิกเซล บนขนาด 6.8 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกแบบ Gorilla Glass 6

Samsung Galaxy Note 10 มีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 151×71.8×7.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 168 กรัม โดยตัวเครื่องของ Samsung Galaxy Note 10 นั้นใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Glass

Samsung Galaxy Note 10+ มีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 162.3×77.2×7.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 196 กรัม โดยตัวเครื่องของ Samsung Galaxy Note 10+ นั้นใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Glass

กล้องดิจิทัลด้านหลังด้านเหมือนกันทั้ง 2 รุ่น คือ กล้องถ่ายภาพด้านหลัง 3 เลนส์ (Triple-Camera) โดยกล้องตัวแรกมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (Wide) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/1.5, กล้องตัวที่สองความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (Telephoto) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/2.4 โดยซูมได้ 2X, กล้องตัวที่สามความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (Ultra-Wide) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/2.2 กับมุมมองกว้าง 123 องศา นอกจากนี้ ยังมีระบบกันสั่นแบบ Dual OIS, รองรับ AI Scene, ระบบโฟกัสภาพแบบ Super Speed Dual Pixel, รองรับระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ Super Steady สำหรับถ่ายวิดีโอ, รองรับ AR Doodle สำหรับวาดภาพผ่าการถ่ายวิดีโอ และไฟแฟลช LED โดยเลนส์ TOF สำหรับช่วยวัดระยะ จะมีให้ใช้งานเฉพาะบน Samsung Galaxy Note10+ เท่านั้น!

ปากกา S-Pen มีฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ เหมือนกัน และมีสีสันด้ามปากกาตามสีสันของเครื่อง

สีเครื่องของ Samsung Galaxy Note 10 ที่เข้ามาวางจำหน่าย คือ Aura Black, Aura Pink และ Aura Glow

สีเครื่องของ Samsung Galaxy Note 10+ ที่เข้ามาวางจำหน่าย คือ Aura Black, Aura White และ Aura Glow

 

หน้าจอ Dynamic AMOLED HDR10+ ดีไหม?

สำหรับ Samsung Galaxy Note 10+ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED HDR10+ Infinity O-Display โดยจะมีติ่งกล้องดิจิทัลด้านหน้าอยู่ตรงกลางหน้าจอเล็กน้อย นอกจากนี้ ยังมีความละเอียด 3040×1440 พิกเซล บนขนาด 6.8 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกแบบ Gorilla Glass 6 สำหรับปกป้องหน้าจอจากการโดนสิ่งต่างๆ ขีดข่วน

ภาพตัวอย่างการเปิดวิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (60fps) บน Samsung Galaxy Note 10+

โดยจากการทดสอบก็พบว่าสามารถแสดงคอนเทนท์ต่างๆ ได้ดี คมชัดเป็นอย่างมาก ทำให้เพลินเพลินต่อการใช้งานไม่น้อย ด้วยความที่มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ทาง Samsung ก็เล็งเห็นถึงความสำคัญในการปกป้องหน้าจอ จึงได้ครอบทับหน้าจอด้วยกระจกแบบ Corning Gorilla Glass 6 เพื่อป้องกันแรงกระแทก หรือสิ่งของมากระทบจนเกิดรอยขีดข่วน ไม่เพียงแค่นั้น  ตัวหน้าจอแสดงผลยังรองรับเทคโนโลยี HDR10+ ซึ่งช่วยให้แสดงผลสีสันต่างๆ นั้นสมจริงดั่งตาเห็นเลยก็ว่าได้

และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ Samsung Galaxy Note 10+ ยังรองรับฟังก์ชันการลดแสงสีฟ้า สำหรับใช้งานในสภาวะแสงน้อยได้ ทำให้สามารถใช้นอนอ่าน E-Book หรือรับชมซีรี่ส์ ก่อนนอนได้อย่างสบายๆ

 

ประมวลผลเร็วแรงด้วยชิปเซ็ต Exynos 9825 ใหม่ล่าสุด

สำหรับ Samsung Galaxy Note 10+ นั้นขับเคลื่อนการทำงานด้วยชิปเซ็ตระดับท็อปอย่าง Exynos 9825 ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ดีกว่ารุ่นเดิมเป็นอย่างมาก

โดยจากการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 348018 คะแนน ส่วนการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน GeekBench 4 พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 4463 คะแนน สำหรับการประมวลผลแบบ Single-Core และ 10213 คะแนน สำหรับการประมวลผลแบบ Multi-Core

ภาพตัวอย่างการเล่นเกม PUBG Mobile บน Samsung Galaxy Note 10+

ซึ่งจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาก็พบว่า ชิปเซ็ต Exynos 9825 สามารถตอบโจทย์การใช้งานต่างๆ ได้ดี ไหลลื่น รวมถึงการเล่นเกมก็ทำได้ดีเดียวกัน และถึงแม้ว่าคะแนนผลทดสอบอาจจะสู้ชิปเซ็ต Snapdragon ไม่ได้ แต่บอกเลยว่าการใช้นั้น หรือการเล่นเกมนั้นแทบจะไม่เห็นความแตกต่างเลย อย่างไรก็ดี ด้านชิปเซ็ต Exynos ก็ขึ้นชื่อในเรื่องของการประมวลผลที่ดีเยี่ยม จึงมั่นใจในเรื่องของการใช้งานโดยรวมได้อย่างแน่นอนรวมถึงการประมวลผลสูงด้วย

 

มาพร้อม RAM 12GB + ROM 256GB

Samsung Galaxy Note 10+ ถือเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับหน่วยความจำแรมที่สูงสุดรุ่นนึงคือ มีหน่วยความแรมมากถึง 12GB ซึ่งเป็นหน่วยความจำแบบ LPDDR4X เป็นรุ่นใหม่ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน เรื่องการใช้งานคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย ด้วยหน่วยความจำแรมมากถึง 12GB สามารถใช้งานต่างๆ ได้ดีแน่นอน

RAM 12GB + ROM 256GB

ไม่เพียงแค่นั้น Samsung Galaxy Note 10+ ยังมีหน่วยความจำภายในขนาด 256GB ซึ่งเป็นเวอร์ชัน UFS 3.0 ที่มีความสามารถในการอ่าน หรือเขียนได้รวดเร็วกว่ารุ่น UFS 2.1 มากถึง 80% เรียกได้ว่า การบันทึกภาพ หรือการอ่านไฟล์ต่างๆ รวดเร็วทันใจอย่างแน่นอน และสมาร์ทโฟนในตลาดบ้านเรายังไม่มีแบรนด์ไหนที่ใช้หน่วยความจำรอม UFS 3.0 นับว่า Samsung Galaxy Note 10+ ถือเป็นสมาร์ทโฟนมีภาษีที่ดีกว่าสมาร์ทโฟนในระดับเดียวกัน และจากการทดสอบการติดตั้งแอปพลิเคชัน หรือการดาวน์โหลดไฟล์ หรือส่งไฟล์ ก็พบว่าทำได้เร็วทันใจ

 

มีกล้อง 4 เลนส์ อันดับ 1 ของโลก ณ ตอนนี้

ทางด้านกล้องดิจิทัลของ Samsung Galaxy Note 10+ จะเป็นแบบกล้องถ่ายภาพด้านหลัง 4 เลนส์ (Quad-Camera) โดยกล้องตัวแรกมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (Wide) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/1.5, กล้องตัวที่สองความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (Telephoto) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/2.4 โดยซูมได้ 2X, กล้องตัวที่สามความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (Ultra-Wide) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/2.2 กับมุมมองกว้าง 123 องศา นอกจากนี้ ยังมีระบบกันสั่นแบบ Dual OIS, รองรับ AI Scene, ระบบโฟกัสภาพแบบ Super Speed Dual Pixel, รองรับระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ Super Steady สำหรับถ่ายวิดีโอ, รองรับ AR Doodle สำหรับวาดภาพผ่าการถ่ายวิดีโอ, ไฟแฟลช LED และที่พิเศษไปกว่านั้น คือมีเพิ่มเลนส์ TOF สำหรับช่วยวัดระยะอีกด้วย

ในส่วนของการนำ Samsung Galaxy Note 10+ ไปทดสอบถ่ายภาพนิ่งทั่วไปนั้นก็พบว่า Samsung Galaxy Note 10+ สามารถถ่ายภาพออกมาได้อย่างคมชัดเป็นอย่างมาก สมคำร่ำลือจากผลรวม DxOMark ของกล้องดิจิทัลด้านหลังอันดับ 1 ของโลก ณ ตอนนี้ อีกทั้งการปรับโหมดกล้องได้ง่ายๆ สะดวก หรือเพียงแค่เปลี่ยนโหมดก็ช่วยให้สามารถถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ในการถ่ายภาพโหมดกปกติ สีสันของอาหาร หรือวิวทิวทัศน์ต่างๆ ก็ตรงดั่งที่ตาเห็น ไม่มีผิดเพี้ยนอีกด้วย นับว่า AI ค่อนข้างชาญฉลาด ช่วยปรับค่ากล้องเพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่มีสีสันตรงดังที่ตาเห็น

Interface กล้องดิจิทัลด้านหลังมีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย โดยสามารถเลือกปรับเลือกเลนส์เพื่อถ่ายภาพได้ตามใจชอบ

รองรับโหมดถ่ายภาพ Live Focus และโหมดถ่ายภาพกลางคืน

อีกหนึ่งความพิเศษของกล้องดิจิทัลด้านหลังคือสามารถถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD (60fps) พร้อมเปิดรองรับระบบกันสั่นไหวแบบ Super Steady ได้ โดยจากการทดสอบก็พบว่าวิดีโอที่ได้นั้นนิ่งเกินคาด คือใช้ถ่ายวิดีโอ VLOG แบบไม่ต้องพกพาขาตั้งกล้องอีกต่อไป นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน Zoom in Mic ที่เอื้อต่อผู้ที่ใช้ถ่ายงาน หรือถ่าย VLOG มากๆ ช่วยบันทึกเสียงแม้ขณะซูมภาพ หรือพิธีกรอยู่ระยะไกลเพื่อให้ได้เสียงอย่างชัดเจน

และที่พิเศษไปกว่านั้นคือมีฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า AR Doodle คือ การวาดเขียนสิ่งต่างๆ ตามต้องการไปที่ตัวแบบ โดยการใช้งานฟังก์ชันนี้จำเป็นต้องให้กล้องนั้นตรวจจับใบหน้าให้เจอเสียก่อน ถึงจะทำการวาดๆ เขียนๆ ได้ โดยสามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ทั้งกล้องด้านหน้า และด้านหลัง

นอกจากนี้ ยังรองรับฟังก์ชัน 3D Scanner อีกด้วย สำหรับแสกนวัตถุเพื่อให้ดูมิติ และสมควรเหมือนดั่งตาเห็น

ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait ของ Samsung Galaxy Note 10+

ทางด้านการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ Samsung Galaxy Note 10+ ก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน จากภาพจะเห็นได้ว่าดอกไม้มีรายละเอียดที่ชัดเจน รายละเอียดกิ่งก้านคมชัด ตัดขอบกับฉากหลังได้อย่างเนียน ส่วนฉากหลังก็เบลอได้ดีอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยให้ผู้ใช้ภาพถ่ายได้หลากหลายมากขึ้นได้

ตัวอย่างภาพถ่ายมุมกว้างของ Samsung Galaxy Note 10+

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Samsung Galaxy Note 10+ คือ การถ่ายภาพ Ultra-Wide ที่มีมุมองกว้าง 123 องศา โดยจากการทดสอบพบว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้สามารถถ่ายภาพมุมกว้างออกมามีรายละเอียดของภาพที่คมชัด เรียกได้ว่า ทาง Samsung ทำซอฟต์แวร์ในจุดนี้ออกมาดีไม่น้อย จึงทำให้ภาพมุมกว้างถึงมีความคมชัด เนื่องด้วยสมาร์ทโฟนบางรุ่นยังถ่ายภาพมุมกว้างออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติอย่าง Samsung Galaxy Note 10+ เลยก็ว่าได้ อีกหนึ่งข้อดีคือ เราสามารถปรับค่าเพื่อไม่ให้มุมด้านข้างอีกได้อีกด้วย เรียกได้ว่า ถ่ายได้มุมกว้างสวยๆ และภาพไม่บิดเบี้ยว

ตัวอย่างภาพถ่ายตอนกลางคืนของ Samsung Galaxy Note 10+

ด้วยความที่มีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ พร้อมทั้งรูรับแสงที่กว้าง จึงมีความโดดในเรื่องของการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี โดยจากการทดสอบก็พบว่า Samsung Galaxy Note 10+ สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยผ่านโหมดถ่ายภาพกลางคืนออกมาได้อย่างคมชัด สีสันแสงต่างๆ ก็ดูสดใส พร้องทั้งเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างคมชัด และไม่มีนอยส์ให้พบเจอ ไม่เพียงแค่นั้น สีสันของภาพก็มีความคมชัด แม้จะเป็นในที่แสงน้อย และสามารถถ่ายภาพได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง เพียงแค่เลือกโหมดถ่ายภาพกลางคืนก็สามารถถ่ายภาพได้ทันที เรียกได้ว่า ตอบโจทย์การใช้งานด้านนี้มากๆ

 

กล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล จะไหวเหรอ?

โดยกล้องดิจิทัลด้านหน้าของ Samsung Galaxy Note 10+ ถึงแม้จะมีความละเอียดเพียง 10 ล้านพิกเซล แต่ก็ชดเชยด้วยรูรับแสง F/2.2 พร้อมระบบโฟกัสภาพแบบ Dual Pixel เรียกได้ว่า จัดเต็มพอสมควร ซึ่งกล้องดิจิทัลด้านหน้าของสมาร์ทโฟนระดับท็อปบางรุ่นยังไม่มีระบบโฟกัสแบบนี้

สำหรับ Interface กล้องถ่ายภาพด้านหน้าก็มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลายอย่าง เช่น โหมดถ่ายภาพหน้าสวย หรือโหมดถ่ายภาพ AR สติกเกอร์ ที่ทำงานร่วมกับ AR Doodle ได้เช่นกัน

ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่ของ Samsung Galaxy Note 10+

โดยจากการทดสอบด้วยการถ่ายภาพเซลฟี่ก็ต้องบอกเลยว่า Samsung Galaxy Note 10+ มีการพัฒนาในเรื่องของกล้องดิจิทัลที่ดีกว่าเดิมมาก ซึ่งจะเห็นได้จากภาพตัวอย่างที่ใบหน้ายังคงดูไม่เปลี่ยนไป ผิวเนียน และดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้ไม่น้อย

 

S-Pen มี Gyro Scope กับฟีเจอร์ขีดๆ เขียนๆ มากมาย

สิ่งที่ปากกา S-Pen บน Samsung Galaxy Note 10+ พัฒนาขึ้นนั่นคือการใส่เซ็นเซอร์ Gyro Scope เข้าไป เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยท่าทางผ่านปากกา S-Pen ได้ทันที เช่น การเปลี่ยนโหมดถ่ายภาพ, การเลื่อนหน้าจอ หรือการถ่ายภาพ เป็นต้น

ส่วนการดึงปากกา S-Pen ออกมาจากตัวเครื่องก็จะสามารถใช้งานฟังก์ชัน Screen of Memo โดยผู้ใช้สามารถจดบันทึก หรือวาดเขียนสิ่งต่างๆ ได้ในทันที และสามารถบันทึกได้หลายหน้า พร้อมทั้งตั้งค่าให้โชว์ที่หน้า Always On Displays เพื่อกันหลงลืมได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ปากกา S-Pen ยังทำหน้าที่ในการปลดล็อกหน้าจอ เพียงแค่กดที่ปุ่ม 1 ครั้ง ขณะที่เครื่อง Samsung Galaxy Note 10+ อยู่ในโหมดสลีป

รองรับฟังก์ชัน Air View ซึ่งเป็นการดูตัวอย่างข้อมูลต่างๆ เช่น ดูรูปภาพ, ข้อความ, ข้อมูลเว็บไซต์ หรือวิดีโอ

เลือกเปิด-ปิด การโชว์ฟังก์ชัน Air Command พร้อมทั้งจัดเรียงฟังก์ชัน หรือแอปพลิเคชันใน Air Command ด้วยต้นเองได้ อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าได้ว่าเมื่อดึง ปากกา S-Pen จะเป็นการเรียกใช้งานฟังก์ชันใด ซึ่งเลือกได้ 3 แบบ ได้แก่ เรียกใช้งานฟังก์ชัน Air Command, เรียกใช้งาน Samsung Note และปิดการทำงานคือไม่เรียกใช้งานฟังก์ชันใดเลย

สามารถเปิด-ปิด การแจ้งเตือนเมื่อปากกา S-Pen อยู่ไกลจากตัวเครื่องในระยะที่ขาดการเชื่อมต่อ, เปิด-ปิด การตรวจจับปากกา S-Pen เพื่อประหยัดพลังงานแบตเตอรี่, เปิด-ปิด เสียงการดึงปากกา S-Pen ออกจากเครื่อง หรือเสียงการเขียนของปากกา S-Pen และสามารถเปิด-ปิดการสั่นเตือนขณะดึงปากกา S-Pen ออกมาใช้งาน หรือเสียบปากกา S-Pen กลับที่ช่องเก็บ

ในส่วนของฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อรองรับการทำงานผ่านบลูทูธก็มีให้ใช้งานหลากหลายฟีเจอร์ อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้หลากหลายเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ การกดปุ่มค้างที่ปากกา S-Pen เพื่อสั่งงาน ในเบื้องต้นจะเป็นการเรียกใช้งานกล้องถ่ายภาพ ซึ่งผู้ใช้สามารถตั้งค่าด้วยตนเองได้ว่าต้องการกดปุ่มค้างเพื่อเรียกใช้งานฟังก์ชันไหน หรือแอปพลิเคชันใด

นอกจากนี้ ปากกา S-Pen ยังสามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันต่างๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น การกด 1 ครั้งเพื่อสั้งงานถ่ายภาพ เลื่อนดูภาพถ่าย เล่น/หยุด เพลง บันทึกเสียง หรือเปลี่ยนสไลด์ Power Point, กดดับเบิ้ลคลิกเพื่อสลับกล้องถ่ายภาพ เลื่อนดูภาพถ่าย ดับเบิ้ลคลิกเพื่อย้อนกลับภาพถ่ายก่อนหน้า หรือดับเบิ้ลคลิกเพื่อข้ามเพลง ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ใช้งานยังสามารถตั้งค่าด้วยตนเองได้ว่า กด 1 ครั้ง หรือกดแบบดับเบิ้ลคลิก เพื่อใช้งานอะไรตามต้องการ

ในส่วนของฟังก์ชัน Air Command ก็จะเหมือนกับบน Samsung Galaxy Note 9 แทบทั้งสิ้น เริ่มกันที่แอปพลิเคชัน Samsung Note ซึ่งผู้ใช้สามารถจดบันทึกสิ่งต่างๆ ที่ต้องการได้ พร้อมทั้งสามารถเลือกรูปแบบของหัวปากกา, สีหัวปากกา หรือแม้แต่การแนบภาพถ่าย ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนเป็นโหมดของการวาดภาพ

ต่อมาคือแอปพลิเคชัน Smart Select ซึ่งจะเป็นการบันทึกสิ่งที่น่าสนใจบนหน้าจอด้วยปากกา S-Pen พร้อมทั้งเขียนข้อความที่ต้องการลงไปได้ ซึ่งจะมีรูปแบบให้เลือก 4 อย่างด้วยกัน คือ แบบสี่เหลี่ยม, แบบบ่วง, แบบวงรี และแบบไฟล์ GIF ซึ่งผู้ใช้จะต้องทำการเปิดวิดีโอที่ต้องการขึ้นมา แล้วกดบันทึก เพียงเท่านี้ ก็จะได้ไฟล์ GIF สนุกๆ ไว้ใช้งาน

ถัดมาจะเป็นแอปพลิเคชัน Screen Write ซึ่งจะเป็นการจับภาพหน้าจอที่ต้องการ หลังจากนั้นผู้ใช้ก็นำมาเขียน หรือไฮไลท์ข้อความสำคัญ โดยจะเหมาะกับการอ่าน E-book ซึ่งผู้ใช้สามารถไฮไลท์ข้อความที่ต้องการได้

มาต่อกันที่ฟังก์ชัน Live Message ซึ่งจะเป็นการสร้างข้อความด้วยการเขียน หรือวาดผ่านปากกา S-Pen พร้อมทั้งบันทึกเป็นภาพเคลื่อนไหว นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกเอฟเฟกต์การเขียน, รัศมีของปากกา, สีปากกา, สีภาพพื้นหลัง, การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง และการใส่สติกเกอร์ หรืออิโมจิ เรียกได้ว่า คุณสามารถสร้างข้อความที่มีเพียง 1 เดียวในโลกได้ด้วยมือของคุณเองผ่าน Samsung Galaxy Note 9

ฟังก์ชัน Translate จะเป็นการแปลภาษาข้อความบนหน้าจอที่ต้องการผ่านปลายปากกา S-Pen โดยมีภาษาให้เลือกใช้งานมากมาย อีกทั้งยังสามารถเลือกการแปลเป็นคำ หรือแปลเป็นประโยคได้ เรียกได้ว่าเป็นฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายไม่น้อยเลยทีเดียว

ใน Samsung Galaxy Note 10+ ยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชันใหม่อย่าง PENUP ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสำหรับคนที่ชื่นชอบการวาดภาพ โดยผู้ใช้สามารถวาดภาพต่างๆ ผ่านปากกา S-Pen พร้อมโพสต์โชว์ในแอปพลิเคชันนี้ผ่าน Samsung แอคเคานท์ เพื่อให้ผู้ใช้ท่านอื่นได้มาชื่นชมผลงานของคุณได้ ไม่เพียงเท่านั้น ในแอปพลิเคชัน PENUP ยังมีโครงสร้างภาพเพื่อให้มือใหม่ฝึกการระบายสี หรือวิดีโอตัวอย่างการระบายสี หรือการลงสี (Colouring) แล้วเราก็ฝึกระบายสี หรือแรงเงาสีตาม เรียกได้ว่า อีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่สร้างสรรค์มากๆ จากทาง Samsung

ยังมีในส่วนของแอปพลิเคชัน Magnify หรือแว่นขยาย สำหรับขยายข้อความ หรือตัวหนังสือขนาดเล็ก โดยสามารถขยายได้ตั้งแต่ 150% – 300% เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นได้

สุดท้ายคือฟังก์ชัน Glance ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถย่อแอปพลิเคชันที่ใช้งานล่าสุดเป็นหน้าต่างเล็ก เพื่อใช้งานฟังก์ชัน หรือแอปพลิเคชันอื่นๆ ต่อได้ในทันที หากต้องการใช้งานแอปพลิเคชันที่ย่อไว้ตอนแรกเพียงแค่เอาปากกา S-Pen มาจ่อเท่านั้น แอปพลิเคชันก็จะขยายกลับมาเต็มจอ และใช้งานต่อได้ทันที

อีกหนึ่งความน่าสนใจคือปากกา S-Pen สามารถทำงานร่วมกับฟังก์ชัน Bixby ได้ เช่น หากผู้ใช้ต้องการหาข้อมูลในรูปภาพที่ต้องการ เพียงแค่เป็นรูปภาพดังกล่าวขึ้นมาแล้วนำปากกา S-Pen ไปชี้ฟังก์ชัน Bixby ก็จะทำการค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตให้กับเรา พร้อมแสดงข้อมูลทีเกี่ยวข้องกับภาพถ่าย เรียกได้ว่า สะดวกสบายเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ปากกา S-Pen ยังมาพร้อมกับ เทคโนโลยีกันน้ำ-กันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 จึงสามารถใช้งานได้ทุกสถานการณ์อย่างแน่นอน แม้ในวันฝนตกก็ตาม ไม่เพียงเท่านั้น ในตัวปากกา S-Pen ยังมีแบตเตอรี่เฉพาะ ซึ่งรองรับการชาร์จจนเต็มได้ภาพในเวลา 40 วินาที และสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสูงสุด 30 นาที

 

ลำโพงคู่ปรับแต่งคุณภาพเสียงโดย AKG

ทางด้านลำโพงเสียงนั้นเป็นแบบสเตอริโอ ซึ่งลำโพงสองตัว คือ ติดตั้งอยู่ที่ด้านบนซึ่งฝังอยู่ใต้หน้าจอเป็นการสั่นเพื่อให้กำเนิดเสียง กับด้านล่างตัวเครื่อง ที่ให้เสียงดังฟังชัด นอกจากนี้ ยังมีระบบเสียง Dolby Atmos 3D ซึ่งเป็นระบบเสียงที่ใช้ในโรงภาพยนตร์ ซึ่งสามารถเลือกโหมดเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานได้อีกด้วย

ซึ่งจากการทดสอบด้วยการฟังเพลง หรือชมภาพยนตร์ เสียงที่ได้ก็กระหึ่มเร้าใจ ราวกับชมภาพยนตร์อยู่ในโรงภาพยนตร์เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ ยังให้เสียงที่ดังไม่แหลมจนเกินไป ซึ่งดีกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน อีกทั้งเสียงที่ดูแน่นกว่าลำโพงตัวเดียว พร้อมกับคุณภาพ ทางทีมงานคิดว่าดีมาก ไม่ผิดหวังแน่นอน

 

แบตเตอรี่สุดอึด และมีชาร์จเร็ว

อีกหนึ่งความน่าสนใจคือ Samsung Galaxy Note 10+ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4300 mAh ซึ่งมีปริมาณที่ที่ถือว่าไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แต่ก็ถือเป็นความจุที่เพียงพอต่อการใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน และเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ก็ไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด เนื่องด้วย Samsung Galaxy Note 10+ รองรับเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูงได้ 18W ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วทันใจ และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ Samsung Galaxy Note 10+ นั้นรองรับการชาร์จได้สูงสุดถึง 45W เพียงแต่ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมในส่วนนี้เพิ่มเติมที่ศูนย์บริการครับ

ภาพตัวอย่างการเล่นเกม PUBG Mobile บน Samsung Galaxy Note 10+

โดยจากการทดสอบด้วยการใช้งานตลอดระยะเวลา 1 วันเต็ม ไม่ว่าจะเป็น เล่นแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก, ดูคลิปบน Youtube, ถ่ายภาพ หรือท่องเว็บไซต์ต่างๆ รวมไปถึงการแวะเล่นเกมบ้างพอสมควร ก็พบว่าแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy Note 10+ อึดใช้ได้เลยทีเดียว อาจเป็นเพราะว่า Samsung Galaxy Note 10+ มีสเปกเครื่องระดับท็อปจึงจัดการในส่วนของการใช้งานแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างดี และหากแบตเตอรี่ใกล้จะหมดก็ชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูงมารองรับ จึงทำให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วทันใจ และใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน

 

ฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ

มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ซึ่งมีการปรับปรุง และพัฒนาให้ดีขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานต่างๆ ได้ไหลลื่น และมีฟีเจอร์ให้ใช้งานมากมาย นอกจากนี้ ยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC ได้

สามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้หลากหลาย

มีบริการจากทาง Google ให้ใช้งานอย่างครบครัน

สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชันได้ รวมถึงสามารถปรับค่าการแสดงผลสีสันบนหน้าจอได้อีกด้วย

สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันลดแสงสีฟ้าเพื่อสถนอมสายตาได้

ในส่วนของการเปิดใช้งานเว็บเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตก็สามารถแสดงเนื้อหาต่างๆ ได้ครบถ้วน

สามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ กับระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าได้

 

มีระบบรักษาความปลอดภัย และระบบการจัดการเครื่องในการเคลียร์หน่วยความจำแรม

 

ตัวอย่างภาพจากกล้องดิจิทัลด้านหลัง

ตัวอย่างภาพจากกล้องดิจิทัลด้านหน้า

สรุปผลการทดสอบของ Samsung Galaxy Note 10+

จบลงไปแล้วนะครับ สำหรับการรีวิว Samsung Galaxy Note 10+ ก็ต้องยอมรับว่า Samsung Galaxy Note 10+ ถือเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่สมบูรณ์เป็นอย่างมาก เนื่องด้วยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีความสุดทุกด้านตั้งแต่หน้าจอแสดงผลสุดคมชัดที่ตอบโจทย์เรื่องเล่นเกม หรือรับชมวิดีโอความละเอียดสูงได้ดีมากๆ, สเปกเครื่องก็จัดอยู่ในระดับท็อปประมวลผลสูงแค่ไหนก็หายห่วง และใช้งานหนักๆ ก็ไม่มีความร้อนสะสมอีกด้วย, มีกล้องถ่ายภาพที่ดีที่สุดในโลก ณ ชั่วโมงนี้, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ใช้งานได้ยาวนานมีชาร์จเร็ว โดยเหตุผลที่ทำให้ Samsung Galaxy Note 10+ ได้รับความสนใจ และโดดเด่นได้ถึงขนาดนี้ นั่นก็เพราะว่า ก่อนที่ทาง Samsung มีความตั้งใจผลิต Samsung Galaxy Note 10+ มาเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานต่างๆ ได้แบบครบถ้วน อีกยังมีปากกา S-Pen ที่ไม่ใช่เพียงแค่ขีดๆ เขียนๆ เท่านั้น แต่ยังสามารถสั่งงานผ่านด้วยท่าทางผ่านปากกา S-Pen ได้อีกด้วย เรียกได้ว่า ช่วยเพื่อความสะดวกสบาต่อการใช้งานไม่น้อย

สำหรับท่านใดที่สนใจก็สามารถหาซื้อ Samsung Galaxy Note 10+ ได้ที่ Samsung Brand Shop หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่าย โดย Samsung Galaxy Note 10+ รุ่น RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 37,900 บาท และรุ่น RAM 12GB + ROM 512GB ราคา 40,900 บาท

 

จุดเด่นของ Samsung Galaxy Note 10+

– ดีไซน์สวยมีเอกลักษณ์
– หน้าจอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED HDR10+ Infinity O-Display ความละเอียด 3040×1440 พิกเซล บนขนาด 6.8 นิ้ว
– รองรับการขีดๆ เขียนๆ ด้วยปากกา S-Pen และสั่งงานด้วยท่าทางได้
– สเปกเครื่องระดับท็อปใช้งานต่างๆ ได้ครบครัน
– ใช้หน่วยความจำ ROM แบบ UFS 3.0
– มีหน่วยความจำแรมให้เลือกสูงสุด 12 GB
– ใช้ระบบปฏิบัติการ Android Pie พร้อมรองรับอัปเดตไป Android 9 Pie
– กล้องดิจิทัลถ่ายภาพได้ดี คมชัด ทั้งด้านหลัง และด้านหลัง
– ลำโพงคู่สเตอริโอ ด้วยระบบเสียง Dolby Atmos 3D
– มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ใช้งานได้ยาวนาน พร้อมรองรับชาร์จเร็ว

จุดที่ต้องพิจารณาของ Samsung Galaxy Note 10+

– ไม่มีช่องหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร และไม่แถมอะแดปเตอร์มาให้ในแพ็กเกจ
– กล้องด้านหน้าถ่ายภาพในที่แสงน้อยไม่ค่อคมชัดเท่าที่ควร

 

นำเสนอบทความโดย : StepGeek.TV

Tags: Samsung Galaxy Note 10Samsung Galaxy Note 10 PlusSamsung Galaxy Note 10 Seriesราคาสเปกเปิดตัว
Share586TweetShare
Admin G

Admin G

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปรียบเทียบสเปก Samsung Galaxy Note20 Ultra vs Galaxy Note10+
บทความ

เปรียบเทียบสเปก Samsung Galaxy Note20 Ultra vs Galaxy Note10+

สิงหาคม 6, 2020
30
ย้อนดู Samsung Galaxy Note ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นปัจจุบัน
บทความ

ย้อนดู Samsung Galaxy Note ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นปัจจุบัน

สิงหาคม 5, 2020
8
รีวิว realme X50 รุ่นเล็ก แต่สเปกอย่างเทพ รองรับ 5G ในราคาย่อมเยาเพียงหมื่นต้นๆ
รีวิว

รีวิว realme X50 รุ่นเล็ก แต่สเปกอย่างเทพ รองรับ 5G ในราคาย่อมเยาเพียงหมื่นต้นๆ

สิงหาคม 1, 2020
7

พรีวิว รีวิวมือถือ อุปกรณ์ไอที

รีวิว Samsung Galaxy S21 FE 5G เน้นถ่ายเซลฟี่และบอดี้บางเบา ราคาเริ่มต้น 22,900 บาท
รีวิว

รีวิว Samsung Galaxy S21 FE 5G เน้นถ่ายเซลฟี่และบอดี้บางเบา ราคาเริ่มต้น 22,900 บาท

by Admin G
มกราคม 12, 2022
56
รีวิว realme 9i ดีไซน์ทรง “Stereo Prism Design” ยัดชิป Snapdragon 680, แบตขนาดใหญ่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33 วัตต์และใส่ลำโพงคู่รองรับ Hi-Res ขายในราคาต่ำกว่าหมื่นบาท
รีวิว

รีวิว realme 9i ดีไซน์ทรง “Stereo Prism Design” ยัดชิป Snapdragon 680, แบตขนาดใหญ่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33 วัตต์และใส่ลำโพงคู่รองรับ Hi-Res ขายในราคาต่ำกว่าหมื่นบาท

by Admin G
มกราคม 11, 2022
40
รีวิว realme narzo 50i สมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก แต่ที่ให้ไม่เล็กเลยทั้งแบต 5,000 mAh และขนาดจอ 6.5 นิ้ว ดีไซน์ตัวเครื่องบางเฉียบ ขายในราคา 3,999 บาท
รีวิว

รีวิว realme narzo 50i สมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก แต่ที่ให้ไม่เล็กเลยทั้งแบต 5,000 mAh และขนาดจอ 6.5 นิ้ว ดีไซน์ตัวเครื่องบางเฉียบ ขายในราคา 3,999 บาท

by Admin G
พฤศจิกายน 12, 2021
113
รีวิว realme GT Neo2 5G ขึ้นชื่อเป็นสุดยอด Flagship Killer รุ่นใหม่ มาพร้อมจอ E4 AMOLED 120Hz, ยัดชิป SD870 5G, ลำโพงสเตอริโอคู่ดังกระหึ่มและแบต 5,000 mAh สามารถใช้งานได้ทั้งวัน ราคา 13,990 บาท
รีวิว

รีวิว realme GT Neo2 5G ขึ้นชื่อเป็นสุดยอด Flagship Killer รุ่นใหม่ มาพร้อมจอ E4 AMOLED 120Hz, ยัดชิป SD870 5G, ลำโพงสเตอริโอคู่ดังกระหึ่มและแบต 5,000 mAh สามารถใช้งานได้ทั้งวัน ราคา 13,990 บาท

by Admin G
พฤศจิกายน 10, 2021
120
รีวิว realme C25Y ยัดชิป Unisoc T618 แบตอึดใช้งานได้นาน 48 วัน กล้องชัด ดีไซน์มินิดรอป ขายราคา 5,999 บาท
รีวิว

รีวิว realme C25Y ยัดชิป Unisoc T618 แบตอึดใช้งานได้นาน 48 วัน กล้องชัด ดีไซน์มินิดรอป ขายราคา 5,999 บาท

by Admin G
พฤศจิกายน 2, 2021
36

ติดต่อเรา

www.stepgeek.net
Email : [email protected]

บทความล่าสุด

OnePlus Nord รุ่นใหม่ สำหรับตลาดอินเดีย อาจวางขายราคาที่ต่ำกว่า 8,890 บาท

OnePlus Nord รุ่นใหม่ สำหรับตลาดอินเดีย อาจวางขายราคาที่ต่ำกว่า 8,890 บาท

มกราคม 23, 2022
สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ของแบรนด์ Motorola มาพร้อมกล้อง 200MP, ชิป SD 8 Gen 1 และรองรับชาร์จเร็ว 125 วัตต์

สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ของแบรนด์ Motorola มาพร้อมกล้อง 200MP, ชิป SD 8 Gen 1 และรองรับชาร์จเร็ว 125 วัตต์

มกราคม 23, 2022
รายงานใหม่ล่าสุด Samsung Galaxy S22 Series จะเปิดตัวในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้

รายงานใหม่ล่าสุด Samsung Galaxy S22 Series จะเปิดตัวในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้

มกราคม 22, 2022

หมวดหมู่

  • Freebies
  • StepGeekTV Online
  • Tips & Tricks
  • ข่าว
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
  • ข่าวโปรโมชั่น
  • บทความ
  • พรีวิว
  • รีวิว
  • เกม
  • แอปพลิเคชัน
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่องาน StepGeek

© 2019 StepGeek

No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • ข่าว
  • รีวิว
  • พรีวิว
  • บทความ
  • Tips & Tricks
  • ดูวิดีโอ StepGeek

© 2019 StepGeek

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In

Add New Playlist

This website uses cookies. By continuing to use this website you are giving consent to cookies being used. Visit our Privacy and Cookie Policy.