สวัสดีครับ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาทาง Asus ประเทศไทย ได้จัดงานเปิดตัวสมาร์ทโฤนเกมมิ่งรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง ROG Phone อย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งในวันนี้ ROG Phone ก็ได้มาอยู่กับทีมงาน StepGeekTV เป็นที่เรียบร้อย และทางเราก็ไม่รอช้ารีบนำสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาจัดทำพรีวิวให้ทุกท่านได้รับชมกันในทันที โดย ROG Phone จะแบ่งออกเป็น 2 รุ่นด้วยกัน คือรุ่นแรม 8GB + รอม 128GB ราคา 29,990 บาท ส่วนรุ่นแรม 8GB + รอม 512GB ราคา 34,990 บาท ซึ่ง ROG Phone นั้นจะมีความโดดเด่นอย่างไร ขอเชิญทุกท่านไปรับชมพรีวิวพร้อมกันได้เลยครับ
ดีไซน์ ตัวเครื่อง และการออกแบบ
ROG Phone มาในแพ็กเกจทรง 6 เหลี่ยมสีดำที่ไม่เหมือนใคร
ซึ่งสามารถกางออกมาได้ และแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ด้านซ้ายสุดจะเป็นพัดลมระบายความร้อน (AeroActive Cooler), ตรงกลางเป็นเครื่อง ROH Phone และด้านขวาคืออุปกรณ์พื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์แบบชาร์จเร็ว, มือการใช้งาน หรือสาย USB Type-C
สำหรับ ROG Phone จะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ความละเอียด 2160×1080 พิกเซล ขนาด 6 นิ้ว ซึ่งมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 90Hz
ด้านหน้าส่วนบนมีกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/2.0, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา พร้อมทำหน้าที่เป็นลำโพงเสียงภายนอก และเซ็นเซอร์ต่างๆ
ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบ On screen ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps
ด้านบนของเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะบันทึกเสียง หรือบันทึกวิดีโอ
ด้านล่างของเครื่องมีไมโครโฟน, ช่องเชื่อมต่อกับสาย USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล และช้องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านขวาของเครื่องมีปุ่มสั่งงาน AirTriggers จะทำหน้าที่คล้ายกับปุ่ม R1 หรือ L1, ปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ, ปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง และไมโครโฟนตัวที่ 3
ด้านซ้ายของเครื่องมีถาดสำหรับใส่ซิมการ์ด, พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสิรมต่างๆ และปุ่มสั่งงาน AirTriggers
ด้านหลังเครื่องมีกล้องดิจิทัลแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12+8 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Sony IMX363 ขนาด 1/2.55 นิ้ว ที่มีขนาดรูรับแสง F/1.8 พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน, ระบบกันสั่นแบบ 4 แกน (4-aixs), ระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF และไฟแฟลช LED นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ กับช่องระบายความร้อนที่ด้านหลังตัวเครื่องด้วยเช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้น LOGO ที่ด้านหลังยังส่องสว่างได้ ซึ่งสีการส่องสว่างก็สามารถปรับได้หลากหลายด้วยการเปิดที่ฟังก์ชัน AURA
ตัวเครื่องยังใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Glass จึงทำให้ตัวเครื่องมีความเงางาม และแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ อีกทั้งภายในตัวเครื่องยังมีระบบระบายความร้อนโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมีแบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพิเศษเฉพาะ ROG Phone ซึ่งสามารถใช้งานขณะชาร์จแบตเตอรี่ได้ โดยที่ตัวเครื่องจะไม่มีความร้อนสะสม
อุปกรณ์เสริมทั้งหมดแบบครบเซ็ตจะวางจำหน่ายที่ Shopee ในเดือนธันวาคมราคา 32,990 บาท (ราคานี้ไม่รวม ROG Phone)
เมื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ก็จะสามารถใช้งานประหนึ่งคอมพิวเตอร์แบบตัวโต๊ะได้
เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์
ROG Phone ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo พร้อมรองรับการใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด
หน่วยความจำแรมขนาด 8 GB กับหน่วยความจำภายในขนาด 512 GB (เครื่องทดสอบ)
สามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดได้หลากหลาย
มีบริการต่างๆ จากทาง Google ให้ใช้งานอย่างครบครัน
สามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้ ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ หรือการนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮสกรีน
สามารถโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชันได้
ROG Phone ยังรองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้
นอกจากนี้ ยังรองรับเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยจัดการส่วนต่างๆ ภายในเครื่อง เช่น จัดการเรื่องการเชาร์จแบตเตอรี่เป็นต้น
รองรับระบบสแกนใบหน้า และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
นอกจากนี้ ยังรองรับระบบเสียง DTS สำหรับใช้งานร่วมกับหูฟัง
และที่พิเศษไปกว่านั้นคือบน ROG Phone มีฟังก์ชันที่มีชื่อว่า X ซึ่งจะทำหน้าที่ในการเร่งฮาร์ดแวร์ให้ทำงานแบบประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังสามารถปรับความเร็วของพัด หรือแสง AURA ผ่านฟงก์ชันนี้ได้ทันที
ซึ่งจากการทดสอบด้วยการเล่นเกม PUBG Mobile พร้อมปรับค่าสูงสุด ก็ยังสามารถเล่นเกมได้อย่างไหลลื่น ถึงแม้จะรู้สึกถึงความร้อนที่ตัวเครื่องอยู่บ้าง แต่ก็เป็นความร้อนที่ ROG Phone นั้นระบายออกมานั่นเอง
นอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชันสำหรับจัดการส่วนต่างๆ ภายในเครื่องให้ใช้งาน
รองรับเซ็นเซอร์มาให้ใช้งานอย่างครบครัน
สำหรับการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 278374 คะแนน ส่วนการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน Geekbench 4 จะได้คะแนนอยู่ที่ 2447 คะแนน (Single-Core) และ 8071 คะแนน (Multi-Core)
กล้องถ่ายภาพ และถ่ายวิดีโอ
สำหรับ Interface กล้องถ่ายภาพของ ROG Phone ก็มีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ เอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย
กล้องดิจิทัลด้านหลังยังรองรับเทคโนโลยี AI ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังรองรับ Google Lens อีกด้วย
สำหรับกล้องดิจิทัลด้านหลังสามารถเลือกความละเอียดได้สูงสุดที่ 12 ล้านพิกเซล พร้อมทั้งสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ 4K Ultra HD และสามารถตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน
ในส่วนของกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่าย อีกทั้งยังรองรับโหมดหน้าชัดหลังเบลอด้วยเช่นกัน
สำหรับกล้องดิจิทัลด้านหลังสามารถเลือกความละเอียดได้สูงสุดที่ 8 ล้านพิกเซล พร้อมทั้งสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ Full HD+ และสามารถตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12+8 ล้านพิกเซล
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
ราคา และวันวางจำหน่าย
โดยสมาร์ทโฟนทั้ง 2 มีการวางจำหน่าย กับรายละเอียดของแถมต่างกันเล็กน้อย ซึ่งรุ่น แรม 8GB + รอม 128GB เริ่มเปิดจองในวันที่ 9-22 พฤศจิกายน 2561 ที่ Lazada กับ Shopee และวางขายจริงพร้อมกันทั้งช่องทางออนไลน์ กับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 (แถมฟรี AeroActive Cooler)
ส่วนรุ่นแรม 8GB + รอม 512GB เริ่มเปิดรับจองในวันที่ 9-30 พฤศจิกายน 2561 ผ่านทาง Shopee และผู้ที่จอง 60 ท่านแรกรับฟรี Gamevice มูลค่า 3,290 บาท พร้อม Shopee Coins มูลค่า 500 บาท และวางขายจริงในวันที่ 1 ธันวาคม 2561 ผ่านทาง Shopee เท่านั้น! (แถมฟรี AeroActive Cooler)