• แอปพลิเคชัน
  • เกม
  • Tips & Tricks
  • โปรโมชัน
StepGeek
  • หน้าแรก
  • ข่าว
  • รีวิว
  • พรีวิว
  • บทความ
  • Tips & Tricks
  • ดูวิดีโอ StepGeek
No Result
View All Result
StepGeek
  • หน้าแรก
  • ข่าว
  • รีวิว
  • พรีวิว
  • บทความ
  • Tips & Tricks
  • ดูวิดีโอ StepGeek
No Result
View All Result
StepGeek
No Result
View All Result
Home รีวิว

รีวิว Samsung Galaxy Buds+ หูฟังไร้สาย ของมันต้องมี ปรับปรุงดีกว่าเดิมเยอะ ไม่ขัดใจต่อผู้บริโภค

อ้าวล่ะจ้าหลังจากที่ทาง Samsung เขาได้ประกาศเปิดตัวหูฟังไร้สายอย่าง Galaxy Buds+ ไปเรียบร้อยแล้ว ที่เป็นรุ่นที่ได้รับการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้านี้

Admin G by Admin G
วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2020 เวลา 08:58 น.
in รีวิว
144
SHARES
12
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterLINE

อ้าวล่ะจ้าหลังจากที่ทาง Samsung เขาได้ประกาศเปิดตัวหูฟังไร้สายอย่าง Galaxy Buds+ ไปเรียบร้อยแล้ว เป็นรุ่นที่ได้รับการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Samsung Galaxy Buds ซึ่งการอัปเกรดในครั้งนี้ไม่ใช่ขยายขนาดให้ดูใหญ่ขึ้นนะ แต่เน้นในเรื่องการปรับปรุงเสียงให้ดีขึ้นและปรับปรุงเรื่องแบตเตอรี่ให้สามารถใช้งานได้นานมากขึ้นนั้นเอง แน่นอนเมื่อเรารู้ว่า Galaxy Buds+ ได้มีการอัปเกรดอย่างมากมาย เราก็ไม่พลาดนะจ๊ะที่นำเจ้าตัวกล่องสี่เหลี่ยมสีขาวไซส์ขนาดกะทัดรัด หยิบกลับมารีวิวเพื่อให้ทุกคนได้ดู ได้รู้ ได้ประโยชน์ของเจ้า Galaxy Buds+ อีกด้วย บอกได้เลยว่าใครที่ยังไม่รู้ถึงประโยชน์ของมันหรือยังไม่รู้ว่ามันแตกต่างจากรุ่นเดิมอย่างไร ต้องอย่าพลาดเด็ดขาด เพราะวันนี้เราจะหยิบตัวฟีเจอร์ที่ทาง Samsung ได้ปรับปรุงใหม่แถมดีกว่าเดิมอีกด้วยนะ พร้อมพูดถึงเรื่องใช้งานของ Galaxy Buds+ ที่บอกเลยว่าสะดวกสบายมากและง่ายต่อการใช้งานจริงๆ ซึ่งบทความนี้อาจจะยาวหน่อย แต่ขอบอกว่ามีประโยชน์ต่อการตัดสินใจซื้อนะค่ะทุกคน

การดีไซน์ตัวกล่องชาร์จ Galaxy Buds+

ว้าววววววแว๊ปแรกที่เปิดกล่องสี่เหลี่ยมสีขาวออกมานี่ สิ่งแรกที่เห็นเลยกล่องชาร์จ Galaxy Buds+ ที่ดูคล้ายเหมือนกับเม็ดยาสีขาวประจำบ้านเลยนะเนี๊ย ฮ่าๆๆ ซึ่งทาง Samsung เขาทำออกมาเป็นทรง Capsule เหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Galaxy Buds แต่ Galaxy Buds+ อาจจะดูเล็กลงอยู่นิดหน่อย พร้อมมีโลโก้ Samsung Sound By AKG ซึ่งก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องการดีไซน์และการใช้งานของหูฟังไร้สาย Galaxy Buds+ นั้น ขอพูดถึงเรื่องกล่องของ Galaxy Buds+ ที่เป็นทรง Capsule ก่อนนะจ๊ะ

ซึ่งการดีไซน์ออกแบบของกล่อง Galaxy Buds+ จะมีความมันๆ วาวๆ วิบๆ วับๆ หน่อย ถ้าเทียบกับรุ่นที่แล้วก็จะมีความด้านๆ หน่อย ด้านนี่หมายถึงผิวบอดี้ของกล่องชาร์จนะจ๊ะไม่ใช่หน้า แฮร่!!! ส่วนด้านหน้าของกล่องก็มีจะไฟแสดงสถานะของตัวกล่องชาร์จ ว่าตอนนี้เหลือแบตเตอรี่เท่าไหร่แล้ว ซึ่งเราจะรู้เลยว่า เราจะสามารถใช้งานได้นานเท่าไหร่ แถมยังรองรับการชาร์จแบบ Wireless Charging อีกด้วยหรือจะชาร์จผ่านพอร์ต USB Type-C ก็ได้ที่ด้านหลัง

หูฟัง Galaxy Buds+

ส่วนขนาดของหูฟัง Galaxy Buds+ นั้นจะมีขนาดใกล้เคียงหรือเท่าๆ กับรุ่นก่อนหน้านี้ทุกอย่างเลย ซึ่งพูดกันจริงๆ ก็ไม่ได้แตกต่างกันเลยนะเหมือนจะฝาแฝดกันด้วยซ้ำ มีขนาดที่กะทัดรัด ไม่ใหญ่ ไม่เล็กจนเกินไป เมื่อเราใส่ Galaxy Buds+ เข้าไปในหูแล้วจะรู้สึกได้เลยว่า มันจะแนบไปกับหูของเราเลย และอย่างที่บอกไปตั้งแรกเลยนะว่าในรุ่น Galaxy Buds+ นั้นเป็นรุ่นที่พัฒนาต่อจาก Galaxy Buds ซึ่งเขาได้ปรับปรุงคุณภาพของเสียง ด้วยตัวชุดลำโพงที่อยู่ด้านในหูฟังได้มีการปรับปรุงขึ้นมาใหม่ ซึ่งจากเดิมเป็น One way dynamic ก็เปลี่ยนมาเป็น Two way Dynamic แล้วจ้า ซึ่งแน่นอนว่าเราจะได้พลังเสียงของ Woofer และ Tweeter อยู่ในหูฟังของแต่ละข้างอีกด้วย

Samsung แก้ปัญหา และพัฒนาได้ดีขึ้น

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะ ซึ่งหลายคนก็ยังคงจำกันได้ว่าเคยมีประเด็นสำหรับผู้ที่ซื้อ Galaxy Buds รุ่นก่อนหน้านี้ไป…แล้วมีปัญหาในเรื่องตัวไมโครโฟนที่ทำงานได้ไม่ค่อยจะดีนัก แล้วคู่สนทนาก็ฟังเสียงไม่ชัดสักเท่าไหร่ งานนี้ทาง Samsung เขาจัดมาให้แล้วนะจ๊ะ ด้วยการเพิ่มตัวไมโครโฟนเข้าไปอีก และในตัว Galaxy Buds+ แต่ละข้างนั้นก็จะมีจำนวนไมโครโฟนที่มากกว่า 3 ตัว ที่ประกอบไปด้วย Inner Mic 1 ตัว และ Outer Mic 2 ตัว ซึ่งจะสามารถควบคุมระบบ Ambient sound ได้อีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังกันอีกทีนะ

Ambient sound ของ Galaxy A51

กลับมาต่อกันที่ตัวหูฟัง Galaxy Buds+ นั้นจะมีความแตกต่างจากรุ่นเดิมอยู่นิดหน่อย ด้วยการเพิ่มสิ่งใหม่เข้ามานั้นก็คือ มีการเพิ่มไมโครโฟนด้านนอกมาทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน ซึ่งไมโครโฟนด้านนอกนั้นมีประโยชน์นะจ๊ะ นั้นก็คือ Ambient sound หรือใช้กับเสียงรอบข้าง บางคนยังงงอยู่ว่ามันคืออะไร จะบอกให้ฟังแบบง่ายๆ เลยนะว่า เมื่อเราอยู่ข้างนอกที่เต็มไปด้วยเสียงรอบๆ ข้าง แล้วเราฟังเพลงไปด้วยก็จะสามารถได้ยินเสียงรอบข้างกว่าเดิมนั้นเองจ๊ะ และหูฟังของอินเอียร์ข้อดีของมันก็คือจะสามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างออกได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งบางคนอาจจะชอบ แต่บางคนอาจจะไม่ชอบสักเท่าไหร่ เพราะถ้าตัดเสียงรอบข้างออกไปทั้งหมด เมื่อเราเดินอยู่ข้างนอกเราจะไม่ได้ยินเสียงรอบข้างอะไรเลยทั้งสิ้น

ด้านในกล่อง Galaxy Buds+ มีอะไรบ้าง!!!

  • กล่องชาร์จ Galaxy Buds+ สีขาว
  • ตัวหูฟัง Galaxy Buds+ สีขาว
  • สายชาร์จ USB Type-C
  • จุกยางซิลิโคน ไว้สำหรับเปลี่ยนมีทั้งหมด 3 ขนาด (มีทั้งจุกยางอินเอียร์/วงแหวนยาง Wing Tip)
  • คู่มือในการใช้งาน

วีธีการใช้งานระหว่าง Galaxy Buds+ และสมาร์ทโฟน (สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง iOS และ Android)

และวิธีการใช้ Galaxy Buds+ ถ้าต้องการเปิด-หยุดชั่วคราวในการเล่นเพลงหรือเล่นวีดีโอให้แตะ 1 ครั้ง ถ้าแตะสั้นๆ 2 ครั้ง จะเป็นการเปลี่ยนเพลง และถ้าแตะสั้นๆ 3 ครั้ง จะเป็นการเล่นเพลงก่อนหน้านี้ และอีกหนึ่งสิ่ง เมื่อเราแตะหรือกดค้างไว้ เราจะสามารถเลือกใช้งานบนเมนูได้เลย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นใหม่สำหรับ Galaxy Buds+ ด้วยการเปิดใช้งาน Spotify ซึ่งตัวหูฟัง Galaxy Buds+ จะสามารถเชื่อมต่อกับแอป Spotify ในสมาร์ทโฟน เพียงแค่กดค้างไว้ เพลงก็จะเริ่มเล่นในทันที โดยไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดหรือควบคุมอะไรใดๆ ทั้งสิ้นอีกต่อไป ซึ่งก็เป็นอีกฟังก์ชั่นสำหรับ Galaxy Buds+ นั้นเอง

แบตเตอรี่ Galaxy Buds+

เมื่อพูดถึงเรื่องไมโครโฟนที่พัฒนาและปรับปรุงไปเรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะพูดถึงเรื่องขนาดของแบตเตอรี่กันบ้าง ที่ทาง Samsung ได้เคลมว่า สามารถฟังได้ต่อเนื่องยาวถึง 11 ชั่วโมงเลยทีเดียว อู้ววววววหู้ววววว ของมันต้องมีแล้วมั้งถ้าจะสามารถใช้งานได้นานขนาดนี้ แต่ขอบอกก่อนนะว่าในรุ่นก่อนหน้านี้สามารถฟังได้ต่อเนื่องเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้นเองนะ ก็ถือว่าเขาปรับปรุงเรื่องแบตเตอรี่ได้ดีเลยทีเดียวเชียวแหละ แถมระยะเวลาในการชาร์จก็สั้นลงอีกต่างหาก เพียงถอดหูฟัง Galaxy Buds+ ออกจากหูของเราแล้วเสียบชาร์จในกล่องทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที จะสามารถใช้งานได้นานอีก 1 ชั่วโมง แต่ต้องชาร์จทิ้งไว้ 9 นาที ก็สามารถฟังได้ 1 ชั่วโมงเหมือนกัน แต่ต่างกันระยะเวลาในการชาร์จ ซึ่งตัวเลขนี้ถือว่าหลายคนต้องภูมิใจในสิ่งนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเราก็ต้องยอมรับว่า Samsung ทำออกมาได้ดีจริงๆ นะจ๊ะ เอาเป็นว่าเมื่อเทียบกับ Galaxy Buds แล้วล่ะก็….คนละเรื่องเลยนะจ๊ะ อ่ะๆ ยังไม่หมดนะ ยังได้ปรับปรุงแบตเตอรี่ที่อยู่ในกล่องชาร์จที่สามารถใช้งานได้นานถึง 22 ชั่วโมง เห้ยยยยมันดีนะ ชาร์จข้ามวันข้ามคืนกันไปเลย ใช้ยังไงก็ไม่หมด

Galaxy Buds+ สามารถใช้งานได้ทั้งระบบ iOS และ Android 

นอกจากนี้ เรายังสามารถดูระดับของแบตเตอรี่ของกล่องชาร์จได้แล้วนะจ้า โดยดูผ่านแอปพลิเคชั่นได้เลย ใช้งานง่าย คล่องมือด้วยนะ เพียงแค่เปิดฝากล่องชาร์จของ Galaxy Buds+ ขึ้นมาเพียงไม่ถึงวินาทีก็สามารถกดเชื่อมต่อระหว่างสมาร์ทโฟนและ Galaxy Buds+ ได้ในทันที กรี๊ดดดดดดมาก ไวเวอร์จริงๆ จากนั้นหูฟังจะถูกควบคุมผ่านเมนูที่ชื่อว่า Samsung Variable อ่ะๆๆๆๆ แต่เดี๋ยวก่อนนะ อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า “อ้าวแล้วถ้าไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนของค่าย Samsung ล่ะ จะสามารถใช้งานได้ไหม” คำถามนี้ตัดออกไปจากชีวิตได้เลยนะจ้า เพราะงานนี้รองรับสมาร์ทโฟนได้ทุกรุ่นที่ใช้ระบบ Android ก็สามารถลงแอปพลิเคชั่นได้เลย และสามารถใช้งานในฟังก์ชั่นทุกอย่างที่อยู่ใน Galaxy Buds+ ได้เหมือนกับคนที่ใช้สมาร์ทโฟน Samsung เลย เป็นไงล่ะ Samsung ไม่มีกักนะจ๊ะ ใจกว้างเหมือนแม่น้ำเชียวแหละ ยังไม่หมดนะอีกสิ่งหนึ่งไม่พูดก็ไม่ได้จริงๆ สำหรับคนที่ใช้ iPhone หรือระบบ iOS ก็สามารถใช้งาน Galaxy Buds+ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเหมือนกับสมาร์ทโฟน Android โดยสร้างแอปพลิเคชั่นสำหรับ Buds+ โดยเฉพาะ อ๊าเริศอ่ะ!!!! โดยใช้ชื่อว่า Galaxy Buds+ ตรงตัวตามชื่อเลยจ้า

สามารถควบคุมระดับเสียงได้ (ต่ำ-กลาง-สูง)

และเมื่อเข้ามาในแอปพลิเคชั่นกันแล้ว เราจะเห็นได้เลยว่ามีการโชว์สถานะแบตเตอรี่ของหูฟังแต่ละข้างและแบตเตอรี่ของกล่องชาร์จ Galaxy Buds+ ซึ่งจะแสดงอกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ ให้เราได้เห็นเลยว่าจะสามารถใช้งานได้อีกที่ชั่วโมงนั้นเอง แถมเรายังสามารถควบคุมระบบ Ambient sound หรือควบคุมระดับเสียงภายนอกได้อีกด้วย บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าควบคุมระบบเสียงนอกยังไง เอางี้มันก็คือ เราสามารถควบคุมเสียงจากภายนอกปล่อยเข้ามาที่หูฟังให้เราได้ยินที่สามารถเลือกได้ในระดับต่ำ, กลางและสูงก็ได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการและการปรับของเรานั้นเอง ซึ่งการปรับระดับให้อยู่ในระดับต่ำจะสามารถได้ยินเสียงรอบข้างได้ในระดับหนึ่งแต่ไม่ถึงกับมากจนหนวกหู แต่ถ้าปรับอยู่ในระดับกลางก็จะได้ยินเสียงรอบข้างดังขึ้นมาอีกหน่อย ในขณะที่เราเดินอยู่ข้างนอก ส่วนระดับสุดท้ายคือเปิดในระดับสูง ซึ่งระดับนี้บางคนอาจจะไม่ค่อยชอบมันสักเท่าไหร่ เพราะจะได้ยินเสียงรอบข้างมากจนเกินไป แต่กลับบางคนก็ชอบที่จะเลือกระดับนี้นะ เอาเป็นว่าก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ก็แล้วกันว่าต้องการให้อยู่ในระดับไหนนะ

ราคาขาย Galaxy Buds+

ส่วนความสามารถกันน้ำกันเหงื่อ ที่ใครหลายต่างก็มีความเห็นเหมือนกันนั้นก็คือ อยากจะให้ทาง Samsung นั้นปรับปรุงเรื่องนี้สักหน่อย แต่ก็น่าเสียดายทาง Samsung ก็ไม่ได้ปรับปรุงในเรื่องนี้มา แต่สามารถกันน้ำกันเหงื่อได้ในระดับ IPX2 และยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ทาง Samsung ยังไม่ได้ปรับปรุงนั้นก็คือ Active Noise cancelling แต่ก็เป็นเรื่องดีที่ทาง Samsung ยังรักษารูปลักษณ์ของ Galaxy Buds+ ให้มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักที่ค่อนข้างเบา ยัดขนาดของแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน แถมเรื่องราคานี่ไม่ต้องพูดถึงราคาประหยัดมากกว่ารุ่นที่มี Active Noise cancelling เป็นอย่างมากในราคาเพียง 4,990 บาท

บทสรุปกับคำว่า “ของมันต้องมี”

อ้าวล่ะ ก็มาถึงบทสรุปกันอีกเช่นเคย ก็อย่างที่บอกนั้นแหละ ว่าของมันต้องมี เพราะด้วยครั้งนี้ Galaxy Buds+ ได้รับการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้านี้ได้ดีกว่ามาก แถมยังยัดขนาดแบตเตอรี่เข้าไปเพิ่มอีกที่สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง 11 ชั่วโมงเลยทีเดียว บอกได้เลยว่าความอึดของแบตเตอรี่ถือว่ามากที่สุดในตลาดเลยก็ว่าได้ พร้อมการปรับปรุงคุณภาพเสียงของ Galaxy Buds+ ที่ดีขึ้นนั้น ถ้าเทียบกับรุ่นก่อนก็ถือว่าทาง Samsung ทำออกมาได้เป็นอย่างดีเชียวแหละและดีกว่ารุ่นก่อนอย่างแน่นอนและไมโครโฟน 2 ตัวที่อยู่ด้านนอกก็สามารถรับเสียงข้างนอกได้ดีขึ้น / ตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดีขึ้น และทำให้ได้ยินเสียงดังขึ้น/ชัดขึ้นในขณะที่คุยโทรศัพท์ แต่ถึงแม้ว่าขนาดของตัวเครื่องหรือตัวกล่องจะมีขนาดที่เท่าเดิมก็ตามแต่ ก็มองกันที่ความอึด ความสวย ความเป็นเอกลักษณ์และการใช้งานของเขาจะดีกว่านะจ๊ะ แถมราคาก็เท่ากับรุ่นเดิมจ่ายเพียง 4,990 บาท แต่ได้รับการอัปเกรดใหม่เกือบจะทุกอย่างให้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมนะจ๊ะ ข้อนี้แหละถึงบอกว่า “ของมันต้องมี”

Tags: GalaxyGalaxy BudsSamsungSamsung Galaxy Buds+ซัมซุงหูฟังไร้สาย
Share144TweetShare
Admin G

Admin G

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ

รายงานใหม่ล่าสุด Samsung Galaxy S22 Series จะเปิดตัวในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้
ข่าว

รายงานใหม่ล่าสุด Samsung Galaxy S22 Series จะเปิดตัวในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้

มกราคม 22, 2022
3
Samsung มีแผนเตรียมเปิดตัว Galaxy M33 5G, Galaxy A33 5G และ Galaxy A53 5G
ข่าว

Samsung มีแผนเตรียมเปิดตัว Galaxy M33 5G, Galaxy A33 5G และ Galaxy A53 5G

มกราคม 18, 2022
18
เตรียมเปิดตัว Samsung Galaxy S22 Series ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2022
ข่าว

เตรียมเปิดตัว Samsung Galaxy S22 Series ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2022

มกราคม 16, 2022
23

พรีวิว รีวิวมือถือ อุปกรณ์ไอที

รีวิว Samsung Galaxy S21 FE 5G เน้นถ่ายเซลฟี่และบอดี้บางเบา ราคาเริ่มต้น 22,900 บาท
รีวิว

รีวิว Samsung Galaxy S21 FE 5G เน้นถ่ายเซลฟี่และบอดี้บางเบา ราคาเริ่มต้น 22,900 บาท

by Admin G
มกราคม 12, 2022
55
รีวิว realme 9i ดีไซน์ทรง “Stereo Prism Design” ยัดชิป Snapdragon 680, แบตขนาดใหญ่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33 วัตต์และใส่ลำโพงคู่รองรับ Hi-Res ขายในราคาต่ำกว่าหมื่นบาท
รีวิว

รีวิว realme 9i ดีไซน์ทรง “Stereo Prism Design” ยัดชิป Snapdragon 680, แบตขนาดใหญ่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33 วัตต์และใส่ลำโพงคู่รองรับ Hi-Res ขายในราคาต่ำกว่าหมื่นบาท

by Admin G
มกราคม 11, 2022
38
รีวิว realme narzo 50i สมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก แต่ที่ให้ไม่เล็กเลยทั้งแบต 5,000 mAh และขนาดจอ 6.5 นิ้ว ดีไซน์ตัวเครื่องบางเฉียบ ขายในราคา 3,999 บาท
รีวิว

รีวิว realme narzo 50i สมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก แต่ที่ให้ไม่เล็กเลยทั้งแบต 5,000 mAh และขนาดจอ 6.5 นิ้ว ดีไซน์ตัวเครื่องบางเฉียบ ขายในราคา 3,999 บาท

by Admin G
พฤศจิกายน 12, 2021
113
รีวิว realme GT Neo2 5G ขึ้นชื่อเป็นสุดยอด Flagship Killer รุ่นใหม่ มาพร้อมจอ E4 AMOLED 120Hz, ยัดชิป SD870 5G, ลำโพงสเตอริโอคู่ดังกระหึ่มและแบต 5,000 mAh สามารถใช้งานได้ทั้งวัน ราคา 13,990 บาท
รีวิว

รีวิว realme GT Neo2 5G ขึ้นชื่อเป็นสุดยอด Flagship Killer รุ่นใหม่ มาพร้อมจอ E4 AMOLED 120Hz, ยัดชิป SD870 5G, ลำโพงสเตอริโอคู่ดังกระหึ่มและแบต 5,000 mAh สามารถใช้งานได้ทั้งวัน ราคา 13,990 บาท

by Admin G
พฤศจิกายน 10, 2021
122
รีวิว realme C25Y ยัดชิป Unisoc T618 แบตอึดใช้งานได้นาน 48 วัน กล้องชัด ดีไซน์มินิดรอป ขายราคา 5,999 บาท
รีวิว

รีวิว realme C25Y ยัดชิป Unisoc T618 แบตอึดใช้งานได้นาน 48 วัน กล้องชัด ดีไซน์มินิดรอป ขายราคา 5,999 บาท

by Admin G
พฤศจิกายน 2, 2021
36

ติดต่อเรา

www.stepgeek.net
Email : [email protected]

บทความล่าสุด

รายงานใหม่ล่าสุด Samsung Galaxy S22 Series จะเปิดตัวในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้

รายงานใหม่ล่าสุด Samsung Galaxy S22 Series จะเปิดตัวในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้

มกราคม 22, 2022
เตรียมเปิดตัว Xiaomi Redmi Note 11 Series ในเวอร์ชั่น Global ในวันที่ 26 มกราคม 2022

เตรียมเปิดตัว Xiaomi Redmi Note 11 Series ในเวอร์ชั่น Global ในวันที่ 26 มกราคม 2022

มกราคม 22, 2022
iPhone 14 Series มาพร้อมกับจอรีเฟรชเรท 120Hz และ RAM 6GB ทั้ง 4 รุ่นรวด

iPhone 14 Series มาพร้อมกับจอรีเฟรชเรท 120Hz และ RAM 6GB ทั้ง 4 รุ่นรวด

มกราคม 20, 2022

หมวดหมู่

  • Freebies
  • StepGeekTV Online
  • Tips & Tricks
  • ข่าว
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
  • ข่าวโปรโมชั่น
  • บทความ
  • พรีวิว
  • รีวิว
  • เกม
  • แอปพลิเคชัน
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่องาน StepGeek

© 2019 StepGeek

No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • ข่าว
  • รีวิว
  • พรีวิว
  • บทความ
  • Tips & Tricks
  • ดูวิดีโอ StepGeek

© 2019 StepGeek

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In

Add New Playlist

This website uses cookies. By continuing to use this website you are giving consent to cookies being used. Visit our Privacy and Cookie Policy.