• แอปพลิเคชัน
  • เกม
  • Tips & Tricks
  • โปรโมชัน
StepGeek
  • หน้าแรก
  • ข่าว
  • รีวิว
  • พรีวิว
  • บทความ
  • Tips & Tricks
  • ดูวิดีโอ StepGeek
No Result
View All Result
StepGeek
  • หน้าแรก
  • ข่าว
  • รีวิว
  • พรีวิว
  • บทความ
  • Tips & Tricks
  • ดูวิดีโอ StepGeek
No Result
View All Result
StepGeek
No Result
View All Result
Home รีวิว

รีวิว OPPO F9 สมาร์ทโฟนกล้องหน้า AI Beauty 25 ล้านพิกเซล กับหน้าจอ Waterdrop 6.3 นิ้ว ใหม่ล่าสุด, ชิปเซ็ต Helio P60, RAM 6GB, ROM 64GB, กล้องหลังคู่มี AI และแบตเตอรี่ VOOC Flash Charge ในราคา 10,990 บาท

Admin G by Admin G
วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม 2018 เวลา 03:52 น.
in รีวิว
173
SHARES
3
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterLINE

กลับมาพบกันอีกครั้งในการรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นเด็ด โดยทีมงาน StepGeekTV ซึ่งในวันนี้จะเป็นคิวของ OPPO F9 สุดยอดสมาร์ทโฟนที่มีจุดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพเซลฟี่ที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในเร็วๆ นี้ สำหรับ OPPO F9 นั้นมีจุดเด่นในเรื่องของการปรับปรุง และพัฒนาใหม่ในหลายๆ ด้าน เริ่มตั้งแต่ตัวเครื่องที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Glass พร้อมสีสันตัวเครื่องแบบไล่เฉดสี อีกทั้งยังเพิ่มความสวยงามฝาหลังลวดลายกลีบดอกไม้, หน้าจอรูปทรงหยดน้ำ WaterDrop Screen โดยพื้นที่ในการแสดงผลมากถึง 90.8%, กล้องถ่ายภาพรองรับเทคโนโลยี AI และมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 3500 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยี VOOC Flash Charge เป็นรุ่นแรกในซีรี่ส์นี้อีกด้วย ซึ่งจากข้อมูลที่กล่าวมาในข้างตันจะเห็นได้ว่า OPPO F9 มีการเปลี่ยนหลายด้านเลยทีเดียว วันนี้ทางทีมงาน StepGeekTV จะพาทุกท่านไปร่วมทดสอบ OPPO F9 ว่าจุดเด่นที่กล่าวมานั้นจะตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเพียงใด และฟีเจอร์อื่นๆ อะไรให้ใช้งานกันบ้าง ถ้าทุกท่านพร้อมแล้วให้ดีดนิ้วพร้อมๆ กันทั้งประเทศ Intro มา!

F-Series รุ่นแรกที่รองรับ VOOC Flash Charge

OPPO F9 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 3500 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยี VOOC Flash Charge รุ่นแรกในตระกูล F-Series ซึ่งจ่ายกำลังไฟ 5V/4A และเป็นการชาร์จด้วยแรงดันไฟฟ้าต่ำแต่รองรับกำลังไฟฟ้าสูง ซึ่งพัฒนาเฉพาะ OPPO ด้วยสิทธิบัตรกว่า 500 ฉบับทั่วโลก โดยมีกำลังไฟ 20W ซึ่งเร็วกว่าการชาร์จปกติถึง 4 เท่า ทำให้ชาร์จเพียง 5 นาที สามารถคุยสายได้นาน 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ บน OPPO F9 ยังมีชิปอัจฉริยะ MCU เพื่อป้องกันการใช้ไฟเกินกำลัง จึงไม่ต้องกังวลเรื่องเครื่องร้อนขณะเล่นเกม พร้อมกับชาร์จแบตเตอรี่ไปด้วย นอกจากนี้ เทคโนโลยี VOOC Flash Charge ยังมาพร้อมกับ 5 ขั้นตอนการันตีความปลอดภัยตั้งแต่ตัวอะแดปเตอร์ไปจนถึงช่องเสียบชาร์จแบตเตอรี่และวงจรภายในตัวเครื่องสมาร์ทโฟน ทำให้สามารถเล่นเกมขณะชาร์จไฟได้อย่างไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะร้อน ซึ่งประกอบไปด้วย

1. การป้องกันการใช้ไฟเกินกำลังของตัวอะแดปเตอร์ : ขณะที่กำลังไฟฟ้าเข้าสู่ตัวอะแดปเตอร์ ระบบเซนเซอร์ในตัวอะแดปเตอร์ก็จะวัดแรงดันไฟฟ้า เมื่อทดสอบแล้วพบว่าปลอดภัย ระบบป้องกัน MOSFET จะเริ่มชาร์จไวอัติโนมัติ ถ้าเกิดความผิดปกติก็จะตัดไฟทันที
2. การป้องกันการโอเวอร์โหลดของกระแสไฟที่จุดเชื่อมต่อ : เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอะแดปเตอร์ ชิพ MCU ก็จะทำการตรวจสอบว่าอุปกรณ์รองรับการชาร์จไวหรือไม่ ถ้าหากรองรับการชาร์จไว ระบบถึงจะเปิดการทำงาน และก็จะมีการป้องกันการใช้ไฟเกินกำลังในชั้นที่ 2 ไปพร้อมๆกัน
3. ตัวบ่งชี้ VOOC ที่ติดตั้งอยู่ในโทรศัพท์ : ในส่วนรอยต่อตรงกลาง ช่วงที่กระแสไฟเข้าสู่โทรศัพท์มือถือ ณ จุดเชื่อมต่อแบบพิเศษบนทั้ง 7 เส้น Pin ของ USB จะมี MCU ของโทรศัพท์มือถือ จะควบคุมสวิตช์ MOSFET (ระบบป้องกัน) ในการเปิดปิดกระแสไฟ ทั้งหมดนี้จึงเป็นการป้องกันการโอเวอร์โหลดของกระแสไฟในขั้นที่สาม
4. ตัวป้องกันการโอเวอร์โหลดของแบตเตอรี่ : ในช่วงท้ายของการชาร์จ สวิทช์พิเศษ IC และ MOSFET (ระบบป้องกัน) ที่อยู่ภายในแบตเตอรี่ ถือเป็นขั้นตอนที่ 4 ของการป้องกัน โดยระบบจะควบคุมดูแลในส่วนของการโหลดเข้าของแรงดันไฟฟ้า ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมและปลอดภัย
5. ระดับการป้องกันความปลอดภัยในตัวฟิวส์แบตเตอรี่ : ในกรณีที่เกิดความผิดปกติ ตัวฟิวส์ในแบตเตอรี่จะตัดไฟทันที และกระแสไฟจะหยุดการใหลเวียนในระบบ

 

ดีไซน์ ตัวเครื่อง และการออกแบบ

OPPO F9 มากับแพ็กเกจสีขาว ซึ่งหัวมุมด้านซ้ายได้ระบุไว้ว่ารุ่นนี้มีหน่วยความจำแรมขนาด  6 GB กับหน่วยความจำภายในขนาด 64 GB

โดยภายในแพ็กเกจมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้ใช้งานอย่างครบครัน ได้แก่ คู่มือที่เราอ่านกันเป็นประจำ, เคสใส, เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด, หูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร, สาย microUSB พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูง และอะแดปเตอร์ พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูง

สำหรับ OPPO F9 มีหน้าจอแสดงผลแบบ TFT-LTPS  WaterDrop Screen ความละเอียด 2340×1080 พิกเซล ในอัตราส่วน 19.5:9 บนขนาด 6.3 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกแบบ Corning Gorilla Glass โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 156.7x74x7.99 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 169 กรัม

ด้วยความที่มีหน้าจอดีไซน์รอยบากรูปทรงหยดน้ำ จึงทำให้มีพื้นที่การแสดงผลมากถึง 90.8% และมีขอบหน้าจอทั้งด้านซ้าย-ด้านขวา บางเฉียบเพียง 1.7 มิลลิเมตร

ด้านหน้าส่วนบนมีกล้องถ่ายภาพความละเอียด 25 ล้านพิกเซล (Sensor HDR) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/2.0 พร้อมรองรับโหมดถ่ายภาพ AI Beauty 2.1, ลำโพงเสียงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างๆ

ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบ On Screen ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะบันทึกเสียง หรือบันทึกวิดีโอ

ด้านล่างมีลำโพงเสียงภายนอก, ช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB, ไมโครโฟน และช่องเชื่อมต่อกับหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านขวามีปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้า

ด้านซ้ายมีถาดสำหรับใส่ซิมการ์ด และปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง โดยถาดซิมการ์นั้นเป็นแบบ Triple Slot ซึ่งสามารถใส่ซิมการ์ดได้ทั้ง 2 ซิมการ์ด พร้อมช่องแยกเพื่อเพิ่มการ์หน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้

ด้านหลังมีกล้องถ่ายภาพจะเป็นแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 16+2 ล้านพิกเซล ซึ่งมีขนาดของรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8 กับ F/2.4 พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI Scene, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus), รองรับระบบกันสั่น EIS (Electronic Image Stabilization) โดยสำหรับกล้องหลักมีค่ารูรับแสง, รองรับโหมดถ่ายภาพ AI Portrait และไฟแฟลช LED นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังด้วยเช่นกัน

OPPO F9 ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Glass พร้อมเทคนิคการไล่เฉดสีตั้งแต่ฝาหลังไปจนถึงขอบตัวเครื่องด้วยการพ่นแบบพิเศษ และมีความเงางามเล่นกับแสงได้ อีกทั้งฝาหลังยังมีลวดลายแบบกลีบดอกไม้ ซึ่งช่วยให้ตัวเครื่องมีความสวยงาม และดูพรีเมียมเป็นอย่างมาก โดยเครื่องที่ท่านผู้อ่านได้เห็นนั้นเป็นสี

 

เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์

 

OPPO F9 ใช้ระบบปฏิบัติการ ColorOS เวอร์ชัน 5.2 ซึ่งมีพื้นฐานเป็นระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 8.1.0 Oreo

รองรับการใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE ได้ทั้ง 2 ซิมการ์ด กับ รองรับเทคโนโลยีการโทรด้วยเสียงผ่านโครงข่าย 4G (Voice over LTE)

มีหน่วยความจำแรมขนาด 6 GB กับหน่วยความจำรอมขนาด 64 GB

มีบริการต่างๆ จาก Google ให้ใช้งานอย่างครบครัน

สามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์, การนำวิดเจ็ตมาใช้งานที่หน้าจอโฮมสกรีน, การเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้าจอ และการเปลี่ยนธีม

ฟังก์ชันโทรศัพท์ก็มีปุ่มตัวเลขขนาดใหญ่ กดหมายที่ต้องการได้ง่าย และฟังก์ชันสำหรับเข้าดูรายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้ทันที

สามารถใช้งานบริการฝากไฟล์ทั้ง รูปภาพ, รายชื่อ และหน้าเบราว์เซอร์ ได้ผ่าน OPPO Cloud

รองรับการแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน และสามารถเปิดใช้งานโหมดถนอมสายตา ซึ่งสามารถปรับระดับความเข้ม หรืออ่อน ของแสงสีเหลืองได้

ทางด้านเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี และด้วยความที่มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ จึงช่วยให้แสดงเนื้อหาได้อย่างครบถ้วน ชัดเจน

รองรับแอปพลิเคชันการจัดการโทรศัพท์ สำหรับตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเคลียร์หน่วยความจำแรม, การสแกนไวรัส หรือการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในการเข้าถึงข้อความ กับแอปพลิเคชัน เพื่อปกป้องการรั่วไหลของข้อมูลที่ไม่ต้องการให้บุคคลอื่นเห็น หรือโจรกรรมไป

นอกจากนี้ ยังมีโหมดประหยัดพลังงานให้ใช้งานในกรณีฉุกเฉินได้

OPPO F9 มีระบบรักษาความปลอดภัยให้ใช้งานทั้งระบบสแกนใบหน้า (Facial Unlock), เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ  หรือการตั้งรหัสผ่านบนหน้าจอล็อกสกรีนก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นกัน

สามารถเปิดลูกบอลช่วยเหลือได้ เช่น ซึ่งการแตะ 1 ครั้ง จะเป็นการย้อนกลับ, แตะ 2 ครั้ง จะเป็นการเรียกใช้งาน Multitasking และแตะค้างเพื่อกลับสู่หน้าโฮม

ในส่วนของปุ่มการสั่งงานก็สามารถเลือกได้ 2 ประเภท คือ ปุ่มการสั่งงานแบบที่เราใช้งานกันปกติ หรือการสั่งงานด้วยการเลื่อนนิ้ว เช่น เลื่อนขึ้นจากมุมจอฝั่งซ้ายเพื่อย้อนกลับ หรือเลื่อนจากกลางจอด้านล่างเพื่อไปที่หน้าโฮม

OPPO F9 ยังรองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้ ไม่ว่าจะเป็น เช่น ดับเบิ้ลคลิกที่หน้าจอแสดงผล เพื่อปลุกการทำงานของเครื่อง, วาดตัวอักษร O เพื่อเรียกใช้งานกล้องถ่ายภาพ และสามารถกำหนดรูปแบบการวาดตัวอักษรอื่นๆ เพื่อเรียกใช้งานฟังก์ชันที่ต้องการได้

สามารถเปิด-ปิด การใช้งานฟังก์ชันอื่นๆ ได้อีกหลายแบบ ได้แก่ ใช้ 3 นิ้วเลื่อนลงเพื่อถ่ายภาพหน้าจอ, รับสายอัตโนมัติเมื่อโทรศัพท์แนบหู หรือคว่ำโทรศัพท์เพื่อปิดเสียงเรียกเข้า

มีฟังก์ชันสำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่าง Facebook หรือ Line นั่นหมายความว่าผู้ใช้จะสามารถล็อกอินเพื่อเข้าใช้งานได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์เลยทีเดียว

และแน่นอนว่า OPPO F9 ก็รองรับฟีเจอร์ใหม่อย่าง Game Space ซึ่งเป็นการนำเกมทั้งหมดมาไว้ที่เดียวกัน เพื่อให้สะดวกต่อการเล่นเกม อีกทั้งยังสามารถล็อกความสว่างของหน้าจอให้อยู่ในระดับที่ต้องการขณะเล่นเกม หรือปิดกั้นการแจ้งเตือนขณะเล่นเกม และแน่นอนว่าสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Hold of distraction (ห้ามรบกวน) สำหรับรับสายโดยไม่สลับหน้าจอไปหน้าฟังก์ชันโทรศัพท์ในขณะเล่นเกม อีกทั้งยังสามารถพูดคุยกับสายเรียกเข้าได้ทันทีขณะที่เล่นเกมอีกด้วย

อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันการเร่งความเร็วฮาร์ดแวร์ให้ทำงานประสิทธิภาพสูงสุดได้ เพื่อให้เล่นเกมได้อย่างไหลลื่น อีกทั้งยังสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้เกมใด หรือแอปพลิเคชันไหนในการเร่งความเร็วของฮาร์ดแวร์ได้ ซึ่งจากการทดสอบด้วยการเล่นเกม PUBG Mobile ก็สามารถเล่นได้อย่างไม่มีอาการหน่วง

ไม่เพียงเท่านั้น OPPO F9 ยังมีฟีเจอร์ Full Screen Multitasking ซึ่งสามารถตอบ หรือส่งข้อความได้ทันทีโดยไม่ต้องออกจากเกม

และมีแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง และเปิดใช้งานระบบเสียง Dirac (ระบบเสียง Dirac ต้องใช้งานร่วมกับหูฟังเท่านั้น) อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่มีให้ใช้งานบน OPPO F9 คือ Music Party สำหรับแชร์เพลงผ่าน WiFi เดียวกัน เพื่อฟังพร้อมๆ กันบนสมาร์ทโฟนตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป (ฟีเจอร์นี้จะมีให้ใช้งานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 5.1 ขึ้นไป)

สามารถเปิดเล่นวิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น

OPPO F9 ใช้ชิปเซ็ต Helio P60 (มีหน่วยประมวลผล Dual AI Core โดยเฉพาะ) ที่มีความเร็วในการประมวลผล 2.0 GHz , หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G72, หน่วยความจำแรมขนาด 6 GB และหน่วยความจำรอมขนาด 64 GB

ผลทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark นั้นได้คะแนนอยู่ที่ 137370 คะแนน สำหรับการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน Geekbench 4 จะได้ 1483 คะแนน (Sinlge-Core) กับ 5717 คะแนน (Multi-Core)

 

กล้องถ่ายภาพ และถ่ายวิดีโอ

สำหรับกล้องถ่ายภาพด้านหลังของ OPPO F9 นั้นได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งรองรับรองรับเทคโนโลยี AI Scene โดยสามารถแยกแยะวัตถุได้มากถึง 16 หมวดหมู่ โดย Interface กล้องถ่ายภาพด้านหลังของ OPPO F9 ก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย มีการแสดงไอคอนฟังก์ชันเอาไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที เช่น ฟังก์ชัน HDR, ฟังก์ชัน Vivid สำหรับเร่งสีสัน หรือ การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ นอกจากนี้ ยังมีโหมด่ถายภาพให้เลือกใช้งานหลายแบบ เช่น โหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพ AI Portrait, โหมดถ่ายภาพ AR Sticker, โหมดพาโนราม่า และโหมดถ่ายภาพโปร

สำหรับโหมดถ่ายภาพ Portrait นั้นจะทำงานร่วมกับ AI โดยตัว AI จะทำการเบลอฉากหลังให้แบบอัตโนมัติ หลังจากถ่ายภาพ นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน 3D Lighting ให้ผู้ใช้ถ่ายภาพที่มีแสงในรูปแบบอื่นๆ ได้เหมือนถ่ายภาพในสตูดิโอ ซึ่งมีให้เลือกถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ Natural light, Rim light, Tone light, Film light, Bi-color light

ในส่วนของโหมดถ่ายภาพหน้าสวยจะสามารถปรับค่าผิวเนียนได้ 6 ระดับ และมีโหมด Google Lens ซึ่งเมื่อโฟกัสไปที่วัตถุ OPPO F9 จะทำการค้นหาข้อมูลวัตถุที่เกี่ยวข้องให้ในทันที โดยฟังก์ชันนี้ต้องอาศัยการใช้งานอินเทอร์เน็ตร่วมด้วย

สำหรับโหมดถ่ายภาพโปรนั้นสามารถปรับค่าเพื่อถ่ายภาพได้หลากหลาย เช่นกัน ไวท์บาลานซ์ หรือการโฟกัส อีกทั้งยังรองรับการถ่ายเพื่อให้ได้ไฟล์ภาพขนาดใหญ่ผ่านฟังก์ชัน Ultra HD

นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน AR Sticker กับเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพก็มีให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ

สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p) แต่หากถ่ายวิดีโอร่วมกับการปรับค่าผิวเนียนจะถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ HD (720p) และที่พิเศษไปกว่านั้นยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Vivid ร่วมกับการถ่ายภาพวิดีโอได้

สำหรับกล้องถ่ายภาพด้านหน้าก็มีการแสดงไอคอนฟังก์ชันเอาไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที เช่น ฟังก์ชัน HDR, ฟังก์ชันโบเก้, ฟังก์ชัน Vivid สำหรับเร่งสีสัน หรือ การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ นอกจากนี้ ยังมีโหมด่ถายภาพให้เลือกใช้งานหลายแบบ

ซึ่งโหมดถ่ายภาพหน้าสวยของกล้องดิจิทัลด้านจะทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI Beauty 2.1 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด โดยมีระดับให้เลือกตั้งแต่อัตโนมัติไปจนถึงระดับ 6

มีฟังก์ชัน AR Sticker กับเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพก็มีให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ

สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p) แต่หากถ่ายวิดีโอร่วมกับการปรับค่าผิวเนียนจะถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ HD (720p) และที่พิเศษไปกว่านั้นยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Vivid ร่วมกับการถ่ายภาพวิดีโอได้

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 16+2 ล้านพิกเซล

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 3

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 3

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 6

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพ AI Portrait พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชัน 3D Lighting

 

ตัวอย่างภาพจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพ AI Beauty 2.1 แบบอัตโนมัติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพ AI Beauty 2.1 พร้อมปรับค่าระดับ 6 และเปิดใช้งานฟังก์ชันโบเก้

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพ AI Beauty 2.1 พร้อมปรับค่าระดับ 6 และเปิดใช้งานฟังก์ชันโบเก้

 

สเปกเครื่องแบบคร่าวๆ ของ OPPO F9

– ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Glass พร้อมการไล่เฉดสี อีกทั้งฝาหลังยังมีลวดลายแบบกลีบดอกไม้ ซึ่งช่วยให้ตัวเครื่องมีความสวยงาม และดูพรีเมียม
– หน้าจอแสดงผลแบบ บบ TFT-LTPS WaterDrop Screen ความละเอียด 2340×1080 พิกเซล ในอัตราส่วน 19.5:9 บนขนาด 6.3 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกแบบ Corning Gorilla Glass
– ใช้ชิปเซ็ต Helio P60 (มีหน่วยประมวลผล Dual AI Core โดยเฉพาะ) ที่มีความเร็วในการประมวลผล 2.0 GHz
– หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-G72
– หน่วยความจำแรมขนาด 6 GB
– หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB
– ใช้ระบบปฏิบัติการ ColorOS เวอร์ชัน 5.2 (Android เวอร์ชัน 8.1 Oreo)
– รองรับระบบสแกนใบหน้า และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– กล้องถ่ายภาพด้านหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล (Sensor HDR) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/2.0 พร้อมรองรับโหมดถ่ายภาพ AI Beauty 2.1
– กล้องถ่ายภาพด้านหลังจะเป็นแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 16+2 ล้านพิกเซล ซึ่งมีขนาดของรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8 กับ F/2.4 พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI Scene, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus), รองรับระบบกันสั่น EIS (Electronic Image Stabilization) โดยสำหรับกล้องหลักมีค่ารูรับแสง, รองรับโหมดถ่ายภาพ AI Portrait และไฟแฟลช LED
– มีแบตเตอรี่ขนาด 3500 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยี VOOC Flash Charge ซึ่งชาร์จแบตเตอรี่ 5 นาที สามารถคุยได้นานถึง 2 ชั่วโมง
– มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ Sunrise Red, Twilight Blue และ Starry Purple
– ราคา 10,990 บาท

 

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

รีวิว OPPO F9 ดีไหม ? กับจอแบบใหม่ หยดน้ำสไตล์ ราคา 10990 บาท RAM 6 GB

 

สรุปผลการทดสอบ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟน F-Series ที่เน้นในเรื่องของการถ่ายภาพเซลฟี่รุ่นต่อยอดใหม่ล่าสุดอย่าง OPPO F9 ซึ่งจากการทดสอบในหลายๆ เรื่อง ก็ต้องบอกเลยว่า OPPO F9 ถือเป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องค่อนข้างสวยงามเป็นอย่างมาก โดยใช้เทคโนโลยี Metal-Glass บอกกลับลวดลายกลีบดอกไม้ที่ฝาหลัง อีกทั้งยังมีการไล่เฉดจากล่างขึ้นบน จึงทำให้ตัวเครื่องของ OPPO F9 มีความหรูหราพรีเมียมไม่น้อย นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลก็ยังปรับปรุง และพัฒนาใหม่ โดยใช้ชือว่า WaterDrop Screen ที่มีความละเอียดระดับ Full HD+ และด้วยเทคโนโลยีนี้เองนั้นทำให้ OPPO F9 มีพื้นที่สำหรับแสดงผลกว้างถึง 90.8% ช่วยให้สามารถรับชมคอนเทนท์ต่างๆ ได้อย่างเต็มตา เช่น ภาพยนตร์สนุกๆ หรือซีรี่ส์ที่ชื่นชอบ ไม่เพียงเท่านั้น OPPO F9 ยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 3500 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยี VOOC Flash Charge เป็นรุ่นแรกบนซีรี่ส์นี้ ซึ่งสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานตลอดวัน และถ้าหากติดสายสำคัญ แต่แบตเตอรี่เหลือเปอร์เซ็นต์น้อย ผู้ใช้ก็ทำการชาร์จเพียง 5 นาที ก็สามารถใช้งานโทรศัพท์นานถึง 2 ชั่วโมง บอกเลยว่า สะดวกสบายเป็นอย่างมาก

ทางด้านกล้องถ่ายภาพก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ OPPO F9 ตอบโจทย์การใช้งานได้ดี โดยเฉพาะกล้องถ่ายภาพด้านหน้าแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 16+2 ล้านพิกเซล นั้นสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้เป็นอย่างดี สามารถแยกแยะวัตถุ หรือสิ่งที่อยู่หน้าเลนส์ได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังมีรูรับแสงที่กว้าง ช่วยให้สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้เป็นที่น่าพอใจ สามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ครบ ในส่วนของโหมด AI Portrait ก็มีการตัดขอบระหว่างตัวแบบ กับฉากหลังได้ดี พร้อมทั้งเบลอฉากหลังได้อย่างเนียนตาช่วยให้ตัวแบบมีความโดดเด่นขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน 3D Lighting สำหรับปรับแสงต่างๆ ได้ 5 แบบ ซึ่งช่วยเพิ่มความสนุกสนานต่อการถ่ายภาพได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ในส่วนของกล้องถ่ายภาพด้านหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล ก็สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ออกมาได้ดีเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมี AI Beauty 2.1 ช่วยในเรื่องของการปรับสภาพผิว หรือโครงหน้า ให้เหมาะสมกับตัวแบบมากที่สุด ช่วยให้ภาพถ่ายที่ได้มีผิวเนียนดูเป็นธรรมชาติ และก็หมดห่วงในเรื่องของการถ่ายภาพในที่โล่งแจ้ง เพราะกล้องถ่ายภาพด้านหน้าใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ HDR ซึ่งช่วยสามารถถ่ายภาพเซลฟี่ได้ดีในทุกสภาวะแสง ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีโหมด AR Sticker ให้ใช้งาน โดยในโหมดถ่ายภาพนี้ก็มีเอฟเฟกต์ต่างๆ ให้เลือกมากมาย เช่น หูกระต่าย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพได้หลากหลาย และเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพเป็นอย่างมาก

ในด้านสเปกเครื่องของ OPPO F9 ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Helio P60 (มีหน่วยประมวลผล Dual AI Core โดยเฉพาะ) ที่มีความเร็วในการประมวลผล 2.0 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-G72, หน่วยความจำแรมขนาด 6 GB และหน่วยความจำภายในขนาด 64 GB นั้นก็จัดอยู่ในระดับกลาง ซึ่งจากการทดสอบก็ตอบสนองต่อการใช้งานต่างๆ ได้ดี อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ในการรีดเร้นสักภาพฮาร์ดแวร์ให้ทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพได้ และแน่นอนว่าช่วยให้สามารถเล่นเกมกราฟิกสวยๆ อย่าง PUBG Mobile ได้อย่างสบายๆ เลยทีเดียว และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ มีฟังก์ชันปิดการแจ้งเตือน, มีฟังก์ชันตอบข้อความได้ขณะเล่นเกม และสามารถรับโทรศัพท์ได้โดยไม่ปิดเกม บอกได้เลยว่า สามารถเล่นเกมได้แบบเพลิดเพลินโดยไม่มีอะไรมาขัดจังหว่ะ หรือกวนใจ แต่อย่างไรก็ดี การเล่นต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก็พบว่าตัวเครื่องมีการสะสมความร้อนบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด

หากกล่าวโดยสรุปแล้ว OPPO F9 ก็เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องรุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งมีความสามารถที่หลากหลาย อีกทั้งยังมีสเปกเครื่องที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานด้านมัลติมีเดียได้ดี, มีกล้องดิจิทัลที่ถ่ายภาพได้คมชัดทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง, จอแสดงผลขนาดใหญ่รับชมคอนเทนท์ได้อย่างเต็มตา, มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว และเตรียมวางจำหน่ายในราคาเพียง 10,990 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับสิ่งที่มีอยู่ OPPO F9 ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่า

สำหรับท่านใดที่สนใจ OPPO F9 ก็สามารถสั่งจองได้แล้ววันนี้ ไปจนถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2561 โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ Sunrise Red, Twilight Blue และ Starry Purple และจะทยอยรับเครื่องในช่วงปลายเดือนสิงหาคม และผู้ที่สั่งจองจะได้รับของแถมพิเศษสุดพรีเมียมเป็นกระเป๋า OPPO Smart Bag สุดเท่ และบัตร VIP Card ประกันหน้าจอแตก 1 ปีเต็ม โดย OPPO F9 จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 สิงหาคม 2561 เป็นต้นไป โดยสามารถหาซื้อได้ที่ร้าน OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ไม่เพียงเท่านั้น OPPO F9 ยังมีโปรโมชันร่วมกันเครือข่ายทั้ง 3 ค่าย ทั้ง TrueMove H, AIS และ dtac โดยมื่อซื้อเครื่อง พร้อมสมัครแพ็กเกจที่กำหนด รับทันทีส่วนลดค่าเครื่องเหลือเพียง 6,990 บาท เท่านั้น!

Tags: OPPO F9OPPO F9 ราคาVOOC Flash Chargeรีวิว OPPO F9
Share173TweetShare
Admin G

Admin G

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ

[ชมคลิป] เจ้านายต้องหลับสบาย! Xiaomi นำเสนอ “บ้านแมว” ปรับอุณหภูมิและวัดสุขภาพ 1750 บาท เท่านั้น
ข่าว

[ชมคลิป] OPPO Reno 2 พร้อมกล้องหลังเรียง 4 ตัว เปิดตัวในอินเดีย 28 สิงหาคม 2019

สิงหาคม 16, 2019
1
OPPO ปล่อย Android Pie-Based ColorOS 6 สำหรับรุ่นก่อนหน้า  โดยปล่อยเวอร์ชั่น Beta ที่ OPPO F9 เป็นรุ่นแรก!
ข่าวประชาสัมพันธ์

OPPO ปล่อย Android Pie-Based ColorOS 6 สำหรับรุ่นก่อนหน้า โดยปล่อยเวอร์ชั่น Beta ที่ OPPO F9 เป็นรุ่นแรก!

กรกฎาคม 26, 2019
1
Redmi เปรยเซ็นเซอร์ 64 ล้านพิกเซล ได้ภาพขนาด 20 Mb ละเอียดกว่า TV 8K
ข่าว

Redmi เปรยเซ็นเซอร์ 64 ล้านพิกเซล ได้ภาพขนาด 20 Mb ละเอียดกว่า TV 8K

กรกฎาคม 23, 2019
1

พรีวิว รีวิวมือถือ อุปกรณ์ไอที

รีวิว Samsung Galaxy S21 FE 5G เน้นถ่ายเซลฟี่และบอดี้บางเบา ราคาเริ่มต้น 22,900 บาท
รีวิว

รีวิว Samsung Galaxy S21 FE 5G เน้นถ่ายเซลฟี่และบอดี้บางเบา ราคาเริ่มต้น 22,900 บาท

by Admin G
มกราคม 12, 2022
43
รีวิว realme 9i ดีไซน์ทรง “Stereo Prism Design” ยัดชิป Snapdragon 680, แบตขนาดใหญ่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33 วัตต์และใส่ลำโพงคู่รองรับ Hi-Res ขายในราคาต่ำกว่าหมื่นบาท
รีวิว

รีวิว realme 9i ดีไซน์ทรง “Stereo Prism Design” ยัดชิป Snapdragon 680, แบตขนาดใหญ่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33 วัตต์และใส่ลำโพงคู่รองรับ Hi-Res ขายในราคาต่ำกว่าหมื่นบาท

by Admin G
มกราคม 11, 2022
33
รีวิว realme narzo 50i สมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก แต่ที่ให้ไม่เล็กเลยทั้งแบต 5,000 mAh และขนาดจอ 6.5 นิ้ว ดีไซน์ตัวเครื่องบางเฉียบ ขายในราคา 3,999 บาท
รีวิว

รีวิว realme narzo 50i สมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก แต่ที่ให้ไม่เล็กเลยทั้งแบต 5,000 mAh และขนาดจอ 6.5 นิ้ว ดีไซน์ตัวเครื่องบางเฉียบ ขายในราคา 3,999 บาท

by Admin G
พฤศจิกายน 12, 2021
114
รีวิว realme GT Neo2 5G ขึ้นชื่อเป็นสุดยอด Flagship Killer รุ่นใหม่ มาพร้อมจอ E4 AMOLED 120Hz, ยัดชิป SD870 5G, ลำโพงสเตอริโอคู่ดังกระหึ่มและแบต 5,000 mAh สามารถใช้งานได้ทั้งวัน ราคา 13,990 บาท
รีวิว

รีวิว realme GT Neo2 5G ขึ้นชื่อเป็นสุดยอด Flagship Killer รุ่นใหม่ มาพร้อมจอ E4 AMOLED 120Hz, ยัดชิป SD870 5G, ลำโพงสเตอริโอคู่ดังกระหึ่มและแบต 5,000 mAh สามารถใช้งานได้ทั้งวัน ราคา 13,990 บาท

by Admin G
พฤศจิกายน 10, 2021
1
รีวิว realme C25Y ยัดชิป Unisoc T618 แบตอึดใช้งานได้นาน 48 วัน กล้องชัด ดีไซน์มินิดรอป ขายราคา 5,999 บาท
รีวิว

รีวิว realme C25Y ยัดชิป Unisoc T618 แบตอึดใช้งานได้นาน 48 วัน กล้องชัด ดีไซน์มินิดรอป ขายราคา 5,999 บาท

by Admin G
พฤศจิกายน 2, 2021
36

ติดต่อเรา

www.stepgeek.net
Email : [email protected]

บทความล่าสุด

สื่อนอกโชว์เครื่อง MacBook Air รุ่นใหม่ มาพร้อมบอดี้โค้งมน, จอรอยบากและแป้นพิมพ์มาในโทนสีขาว

สื่อนอกโชว์เครื่อง MacBook Air รุ่นใหม่ มาพร้อมบอดี้โค้งมน, จอรอยบากและแป้นพิมพ์มาในโทนสีขาว

มกราคม 19, 2022
เปิดตัว vivo Y55 5G อย่างเป็นทางการแล้วที่ประเทศไต้หวัน มาพร้อมชิป Dimensity 700 และแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh

เปิดตัว vivo Y55 5G อย่างเป็นทางการแล้วที่ประเทศไต้หวัน มาพร้อมชิป Dimensity 700 และแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh

มกราคม 18, 2022
Samsung มีแผนเตรียมเปิดตัว Galaxy M33 5G, Galaxy A33 5G และ Galaxy A53 5G

Samsung มีแผนเตรียมเปิดตัว Galaxy M33 5G, Galaxy A33 5G และ Galaxy A53 5G

มกราคม 18, 2022

หมวดหมู่

  • Freebies
  • StepGeekTV Online
  • Tips & Tricks
  • ข่าว
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
  • ข่าวโปรโมชั่น
  • บทความ
  • พรีวิว
  • รีวิว
  • เกม
  • แอปพลิเคชัน
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่องาน StepGeek

© 2019 StepGeek

No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • ข่าว
  • รีวิว
  • พรีวิว
  • บทความ
  • Tips & Tricks
  • ดูวิดีโอ StepGeek

© 2019 StepGeek

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In

Add New Playlist

This website uses cookies. By continuing to use this website you are giving consent to cookies being used. Visit our Privacy and Cookie Policy.