realme เป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตเร็วขึ้นมากจริงๆ จากเมื่อก่อนที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักเดี๋ยวนี้รู้จักเป็นวงกว้างมากขึ้น ทำให้ใครหลายคนต่างก็ให้ความสนใจแบรนด์เรียลมีโทนสีเหลืองกันทั้งนั้น จะบอกว่าแบรนด์เรียลมีนั้นทำธุรกิจสมาร์ตโฟนราคาประหยัดออกมาวางขายในท้องตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ทำให้ผู้บริโภคอย่างเราได้หันมาสนใจกับแบรนด์สมาร์ตโฟนของเรียลมีและอีกหนึ่งความสนใจสำหรับสมาร์ตโฟนของเรียลมี ณ ตอนนี้ก็คือ เรียลมี GT ถือว่าเป็นตระกูลระดับขั้นเทพของแบรนด์เลยก็ว่าได้และล่าสุด ทางบริษัทฯ เพิ่งจะประกาศเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่อย่างเรียลมี GT Neo2 5G อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ที่มาพร้อมกับบอดี้ในโทนสีเขียวใหม่สุดจี๊ด NEO Green ที่สื่อถึงความหรูหราและความสวยงามได้อย่างลงตัว ขายในราคา 13,990 บาท

อีกทั้งยังยัดสเปคเครื่องภายในแบบจัดเต็ม ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น เดี๋ยวเราจะมาคุยกันอีกทีค่ะ!!! คร่าวๆ คือ realme ยังคงเน้นไปในเรื่องของประสิทธิภาพระดับสูง เพื่อตอบสนองในการเล่นเกม ใช้ชิป Snapdragon 870 5G ของ Qualcomm รวมไปถึงผู้ใช้งานที่ต้องการสัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ใส่เข้ามาทั้งภาพและเสียงแบบครบครัน, รองรับสเตอริโอคู่ที่ดังกระหึ่ม, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่และรองรับชาร์จเร็ว ที่สามารถชาร์จเต็ม 100% ภายในระยะเวลา 36 นาที, รองรับ 5G, Wi-Fi 6 และกล้องหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ซึ่งแหล่านี้เป็นเพียงแค่คร่าวๆ ของรุ่นนี้เท่านั้นเองนะ ยังมีอะไรอีกมากมายที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้!!!
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับสมาร์ตโฟนรุ่นนี้กันก่อนเลยก็แล้วกัน ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร?? จุดเริ่มต้นของเรียลมี GT Neo2 5G ทางแบรนด์เองกำลังเผชิญความท้าทายกับสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบัน จึงมีความเชื่อมั่นว่าสมาร์ตโฟนเรือธงที่ดีที่สุดควรมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ดังนั้น เรียลมีจึงเชื่อมโยงกันระหว่างเทคโนโลยีและชีวิตสมัยใหม่ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเรียลมีในการเพิ่มพลังชีวิตใหม่ด้วยเทคโนโลยี ดังนั้นจึงได้ผลิตเรียลมี GT Neo2 5G ออกมาเพื่อให้มีความครอบคลุมทั้งผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและผู้ใช้งานในระดับสูง ตั้งแต่ประสิทธิภาพในระดับเรือธงไปจนถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มารวมอยู่ใน NEO แล้ว!!!!

ในเรื่องของการออกแบบสมาร์ตโฟนเรียลมี GT Neo2 5G รุ่นใหม่นี้ เป็นผลงานการออกแบบมาจาก realme Design Studio ซึ่งก็เป็นสตูดิโอด้านการออกแบบสมาร์ตโฟนอย่างเป็นทางการแห่งแรก ซึ่งเราอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแหละ เกี่ยวกับแบรนด์ดังๆ ที่มักจะมี Design Studio เป็นของตัวเอง ซึ่งแบรนด์เรียลมีก็มีเช่นกัน ได้มีการก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 2019 โดยมีดีไซเนอร์ชื่อดังทั้ง Paco และ Sire ได้ร่วมมือกันบริหาร และมีนักออกแบบที่มีฝีมือขั้นเทพกว่า 40 คน ได้มุ่งมั่นผลิตงานออกแบบเชิงอุตสาหกรรมและการออกแบบภาพ ทำให้ realme Design Studio นั้นมีความมุ่งมั่นที่จะผลิตงานออกแบบในเชิงอุตสาหกรรมที่สร้างความโดดเด่น, ตอบโจทย์ความต้องการได้แบบเหนือความคาดหมายและสามารถนำเสนอการดีไซน์ที่มีความแปลกใหม่ในฉบับของผู้นำเทรนด์

อีกทั้ง realme Design Studio เป็นสตูดิโอเพื่อทุ่มเททำงานด้านการออกแบบสมาร์ตโฟนโดยเฉพาะและด้วยแนวคิดที่มีการผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ลำสมัยและให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ (Technology and Vitality) realme Design Studio จึงได้มีการคิดค้นโทนสีของตัวบอดี้ โดยมีการสื่อถึงคนในกลุ่ม Gen Z ด้วยการนำโทนสีสุดจี๊ดและจัดจ้านเข้ามาประกบอยู่ที่ฝาหลังของตัวเครื่องจึงทำให้เรียลมี GT Neo2 5G ออกมาในโทนสีเขียว NEO Green ที่ให้ความสวยงามและดูหรูหรา
เราก็พูดกันมาสักพักแล้วสำหรับเรียลมี GT Neo2 5G สมาร์ตโฟน Flagship Killer หรือจะเรียกว่าสมาร์ตโฟนนักฆ่าเรือธงรุ่นใหม่ก็ได้ ซึ่งการใช้งานของรุ่นนี้จะเป็นอย่างไร? จะกระตุกหรือเกิดความหน่วงของตัวเครื่องหรือไม่? แล้วการดีไซน์ของตัวเครื่องที่บอกว่าสวยและจัดจ้านนั้นจะเป็นอย่างไร? อ่ะๆ บอกก่อนนะว่าตัวเครื่องเรียลมี GT Neo2 5G ที่อยู่ในมือนั้นเป็นสีเขียว NEO Green เครื่องจริงคือสีจี๊ดจ๊าดและจัดจ้านมากแม่!!!

สเปค เรียลมี GT Neo2 5G
- ขนาดตัวเครื่อง 162.9 × 75.8 × 8.6 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 200 กรัม
- หน้าจอ E4 AMOLED ขนาด 6.62 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 × 1080 พิกเซล) จอรีเฟรชเรท 120Hz, รองรับ HDR10+, ความสว่างจอสูงสุด 1300 nits, ขอบเขตสี DCI-P3 100%, DC dimming และครอบทับด้วย Gorilla Glass 5
- ชิปเซ็ต Snapdragon 870 5G ของ Qualcomm ขนาด 7 นาโนเมตร
- GPU Adreno 650
- RAM 8GB แบบ LPDDR5
- ROM 128GB แบบ UFS 3.1
- กล้องหลัง 3 ตัว โดยกล้องหลัก ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 + เลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา + เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ถ่ายภาพในระยะใกล้ 4 เซนติเมตร
- กล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
- รองรับสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
- รันระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0
- ขนาดแบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว SuperDart Charge 65 วัตต์ สามารถชาร์จเต็ม 100% ภายในระยะเวลา 36 นาที
- รองรับระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling Plus ใหม่
- รองรับ Dual SIM (nano + nano)
- มีพอร์ต USB-C
- รองรับลำโพงเตอริโอคู่, Dolby Atmos, Hi-Res Audio
- รองรับ NFC
- รองรับ 5G SA/ NSA
- รองรับ Wi-Fi 6 802.11 ax
- รองรับ Bluetooth 5.2
- มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีเขียว NEO Green และสีฟ้า NEO Blue

อุปกรณ์ภายในกล่อง (ไม่ต้องซื้อเพิ่ม)
- ตัวเครื่อง เรียลมี GT Neo2 5G (เครื่องสี NEO Green) ติดฟิล์มกันรอยมาเรียบร้อย
- สาย USB-C สำหรับถ่ายโอนข้อมูลและสามารถใช้งานร่วมกับอะแดปเตอร์รุ่นอื่นๆ ที่เป็นพอร์ต USB-C เพื่อชาร์จแบตเตอรี่
- อะแดปเตอร์จ่ายไฟแบบ 10V/6.5 หรือเทคโนโลยี SuperDart 65 วัตต์
- เคส TPU นิ่มสีเทาเข้ม
- เข็มจิ้มซิม
- คู่มือการใช้งาน

หน้าจอใหญ่ให้มาถึง 6.62 นิ้ว ดูหนัง-เล่มเกมได้เต็มตาเลยเชียวแหละ แถมยังเป็นจอ E4 AMOLED ค่ารีเฟรชเรท 120Hz
ขนาดของหน้าจอแสดงผลบนสมาร์ตโฟนล้วนมีแต่ผู้คนให้ความสนใจกันอยู่ไม่น้อยเลยแหละ เพราะว่าอะไรรู้ไหม?? เพราะเนื่องจากสมาร์ตโฟนสมัยนี้ไม่เพียงแต่แข่งขันเรื่องของในเรื่องของสเปคภายในที่แบบจัดเต็มแล้ว ยังให้ความสนใจในเรื่องขนาดของหน้าจอแสดงผลด้วย ในสมัยนี้ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ล้วนจะพกสมาร์ตโฟนไปในทุกที่ ไม่ว่าจะไปในระยะทางใกล้หรือไกล พร้อมทั้งยังต้องทำงานบนสมาร์ตโฟนของตัวเองในทุกๆ วัน อีกด้วย ซึ่งการที่สมาร์ตโฟนเครื่องหนึ่งจะสามารถทำงานบนสมาร์ตโฟนที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่แล้วล่ะก็….ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจและตัดสินเลือกซื้อได้อย่างรวดเร็วมากกว่าเลือกซื้อหน้าจอแสดงผลขนาดเล็ก ซึ่งก็ไม่อยากจะเพ่งสายตาในขณะที่ใช้งานจนทำให้สายตาเราเสียได้ แต่เรียลมี GT Neo2 5G นั้น ทางแบนด์ก็ได้ยัดหน้าจอขนาดไซส์ใหญ่มาให้เลยด้วยขนาด 6.62 นิ้ว

อีกทั้งยังมาหน้าจอสว่างที่สุดและสีคมชัดแบบแม่นยำที่สุดกับหน้าจอ E4 AMOLED ขนาด 6.62 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ของเรียลมี GT Neo2 5G ได้รับการพัฒนาจากผู้เชี่ยวชาญที่มีความชำนาญสูง ทำให้ดื่มด่ำกับภาพที่สวยและมีความคมชัดอย่างแท้จริงเรียลมี GT Neo2 5G รองรับการปรับอัตรารีเฟรชเรทโดยขึ้นอยู่กับการใช้งาน เริ่มตั้งแต่ 30Hz, 60Hz, 90Hz หรือ 120Hz เพื่อรักษาประสิทธิภาพของแบตเตอรี่และหน้าจอตอบสนองการสัมผัส 600 ครั้งใน 1 วินาที ทำให้การสัมผัสบนหน้าจอนั้นมีความลื่นไหลตามที่เราต้องการเลย ถือว่า Touch Sampling Rate นั้นสูงมากๆ

นอกจากนี้ อัตราขนาดหน้าจอกับตัวเครื่องอยู่ที่ 92.6%, ความสว่างของหน้าจอสูงสุด 1300nits สามารถใช้งานกลางแจ้งได้อย่างสบายๆ เลย, อัตราส่วนความคมชัด 5,000,000:1 และรองรับ HDR10+ โดยสามารถเปิดฟีเจอร์ O1 Ultra Vision Engine ช่วยเพิ่มความละเอียดของวิดีโอที่กำลังรับชมให้มีความคมชัดมากขึ้นถึง 2 เท่า
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะ หน้าจอของรุ่นนี้ ทำมาจากวัสดุ Samsung E4 Luminescent ซึ่งก็เป็นวัสดุสำหรับหน้าจอที่ดีที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับสมาร์ตโฟนในเรทราคาเดียวกัน หากเปรียบเทียบระหว่างวัสดุ E3 กับ E4 จะพบว่า วัสดุ E4 จะสามารถประหยัดพลังงานกว่า 15% และอัปเกรดอัตราส่วนของความคมชัด จาก 800,000:1 เป็น 5,000,000:1 ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถมองเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ถือว่าหน้าจอนี้เป็นหน้าจอที่มีจุดเด่นในด้านการประหยัดพลังงานและคุณภาพด้านการแสดงผล

แถมหน้าจอเรียลมี GT Neo2 5G ยังเป็นแบบ Smart Sunlight ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสง 360° อย่างแม่นยำ สามารถปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ ใช้งานหน้าจอได้อย่างสบายตา ไม่ว่าจะอยุ่ในสภาพแวดล้อมที่แสงจ้าหรือแสงน้อย จะว่าไปเรื่องของหน้าจอเรียลมี GT Neo2 5G นั้น ถือว่าเป็นสเปคที่ดีมากตัวนึงเลยแหละ เพราะหลังจากที่ได้ทดสอบและใช้งานมาในระยะหนึ่งแล้ว ความเห็นส่วนตัวคือ ชอบนะ!! ไม่ติดปัญหาเรื่องของหน้าจอ, สามารถทัชหน้าจอได้อย่างลื่นไหลและทัชติดมือมาก ยิ่งตอนที่เราเล่นเกมแล้วนะ จังหวะที่ต้องต่อสู้หรือแข่งขันกันในเกมคือมันมาก แตะปุ๊บยิงปั๊บ รวมไปถึงขนาดของหน้าจอที่ให้มาก็ใหญ่ด้วยแหละ จึงทำให้การเล่นเกมนั้นได้อรรถรสมากขึ้นกว่าเดิม ยังไม่หมดนะ ลำโพงที่ให้มาก็เป็นลำโพงสเตอริโอคู่ด้วยเทคโนโลยีเสียง Dolby Atmos อีกต่างหาก งานนี้ก็ดังกระหึ่มไปเลยสิจ๊ะ….จนคนรอบข้างบอกว่า ใส่หูฟังเถอะ พลีสสสสสส…

ทั้งนี้ หน้าจอนั้นได้รับการออกแบบเป็นแบบเจาะรูวางอยู่มุมซ้ายของหน้าจอ จะบอกว่าตัวรูที่เราเห็นนั้น เมื่อเราใช้งานจริงๆ ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ารำคาญเลยนะและไม่ไปเกะกะสายตาในขณะที่ใช้งานเลย ไม่ว่าเราจะทำงาน, อ่านคอนเทนต์ต่างๆ, เล่นเกมหรือจะดูหนังก็ตามแต่ ซึ่งโดยส่วนตัว ไม่ว่าสมาร์ตโฟนรุ่นไหนก็ตามแต่ ที่มาพร้อมกับหน้าจอที่ได้รับการเจาะรูหรือรอยบากไม่ว่าจะเป็นทรงหยดน้ำก็ตามแต่…ก็ไม่ได้ทำให้การใช้งานนั้นเป็นอุปสรรคในการใช้งานแต่อย่างใด
อีกทั้ง ขอบของหน้าจอและขอบหน้าจอด้านล่างนั้นมีความบางอยู่ในระดับหนึ่งเลยแหละ ส่วนขอบหน้าจอด้านบนถือว่าทำออกมาได้เป็นอย่างดี
กล้าคิดกล้าออกแบบ…ฝาหลังสี NEO Green เป็นการออกแบบที่มีความลงตัวระหว่างโลกดิจิทัลและความเป็นธรรมชาติ
เรียลมี GT Neo2 5G เปิดตัวด้วยกันทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเขียว NEO Green (สีที่นำมารีวิว), สีฟ้า NEO Blue และสีดำ Neo Black ซึ่งการดีไซน์ของตัวเครื่องมีการผสมผสานได้อย่างลงตัวกับ Digital Urban Design จากดีไซน์เนอร์ขั้นเทพที่มาจาก realme Design Studio ที่มีการร่วมกันออกแบบอย่างใกล้ชิดกับสีต่างๆ รอบตัว เพื่อให้ได้สีที่สื่อถึงการสร้างแรงบันดาลใจและความมีชีวิตชีวา ซึ่งตัวเครื่องเรียลมี GT Neo2 5G ที่เราเห็นนั้นเป็นโทนสีเขียวใหม่ Neo Green เป็นการนำเอาสีเขียวจากธรรมชาติมาทำการปรับแต่งให้ความแตกต่าง, ดูมีความสว่างและตัดกับเส้นสีดำด้านแมทที่ถูกนำมาเคลือบให้มีความเงางามและสวยงาม เฉกเช่นเดียวกับ ดิจิทัลและธรรมชาติที่มีความแตกต่าง แต่สามารถผสมผสานกันอย่างลงตัวได้ ซึ่งก็เป็นความตั้งใจของทีมนักออกแบบ พร้อมทั้งยังมาพร้อมกับสโลแกน DARE TO LEAP ตามสไตล์ของเรียลมี

นอกจากนี้ พื้นผิวของฝาหลังรุ่นนี้ ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขัดและเคลือบแบบนาโนถึง 7 ชั้นเลยทีเดียว ผสานกันอย่างลงตัวเนียนกริ๊บคล้ายกับการออกแบบของรถสปอร์ต ตัวเครื่องจริงคือสวยทุกมุมเลย อีกทั้ง ทำให้ได้ฝาหลังที่เรียบเนียน, แสงสะท้อนละมุน, ทนต่อรอยขีดข่วน, ป้องกันลายนิ้วมือและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเปรียบเสมือนผ้าไหม มีความมันเงาและสัมผัสนุ่มมือ ถึงแม้ว่าฝาหลังจะทำมาจากวัสดุพลาสติกเคลือบกันรอย แต่ความเนียนเวลาสัมผัสฝาหลังถือว่าทำได้ดี สามารถเคลือบสีผิวที่แตกต่างกันทั้งแบบด้านและแบบเงา ถือว่าเก่งในเรื่องการออกแบบและทำพื้นผิวให้มีความแตกต่างกัน แถมถ้ามองที่ด้านข้างของตัวเครื่องนั้นจะดูเหมือนว่าขอบตัวเครื่องมีความบางขึ้นอยู่ที่ 8.6 มิลลิเมตร เพราะด้วยการดีไซน์นั่นแหละ อีกทั้งยังมาพร้อมกับโทนสีเขียวสะท้อนแสงแบบนี้ บอกเลยว่าไม่ค่อยเจอค่ายไหนที่ทำออกมา แต่ถ้าใครที่ชอบฝาหลังเรียบๆ ที่สามารถเลือกเป็นโทนสีฟ้า NEO Blue และสีดำ NEO Black สำหรับสี NEO Blue นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงอาทิตย์ยามรุ่งเช้า

สำหรับขนาดของตัวเครื่องไม่พูดก็คงจะไม่ได้ เพราะมันก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเหมือนกัน เรียลมี GT Neo2 5G นั้น มาพร้อมกับขนาดตัวเครื่อง 162.9 × 75.8 × 8.6 มิลลิเมตร และน้ำหนักอยู่ที่ 200 กรัม ถามว่าตัวเครื่องหนักไหม ถ้าหากถือใช้งานในชีวิตประจำวัน สำหรับความเห็นส่วนตัวคือ น้ำหนักกำลังพอดีๆ และขนาดของตัวเครื่องนั้นมีความกะทัดรัด รับกับฝามือของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี และเหมาะมากสำหรับคนที่ชอบดูหนังและเล่นเกมที่สามารถถือจับได้เต็มไม้เต็มมือได้อย่างแท้จริง

รอบตัวเครื่องมีการปุ่มกดต่างๆ ซึ่งด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงและด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มเปิด-ปิดเครื่องเท่านั้น ในขณะที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Dual nanoSIM (ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD Card), ไมโครโฟนหลัก, พอร์ต USB-C สามารถถ่ายโอนข้อมูลหรือไฟล์ต่างๆ ได้ และมีลำโพงเสียงตัวหลักที่ทำงานร่วมกับลำโพงเสียงบริเวณด้านบนของหน้าจอแสดงผล พร้อมทั้งยังรองรับเทคโนโลยีการเล่นเสียงแบบ Dolby Atmos ส่วนด้านบนของตัวเครื่องมีเพียงไมโครโฟนตัวที่ 2 ที่ทำงานร่วมกับไมโครโฟนตัวหลักด้านล่าง เพื่อตัดเสียงรบกวนในขณะที่สนทนา (Dual Noise-cancellation Microphones)




จุดที่น่าสนใจ
- เรื่องของการดีไซน์ตัวเครื่องเรียลมี GT Neo2 5G ที่มาพร้อมกับสี NEO Green มีการผสมผสานได้อย่างลงตัวกับ Digital Urban Design จากดีไซน์เนอร์ขั้นเทพที่มาจาก realme Design Studio ที่มีการร่วมกันออกแบบอย่างใกล้ชิดกับสีต่างๆ รอบตัว ซึ่งก็บ่งบอกถึงความลงตัวระหว่างดิจิทัลและธรรมชาติ
- พื้นผิวของฝาหลังที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขัดและเคลือบแบบนาโนถึง 7 ชั้นเลยทีเดียว ผสานกันอย่างลงตัวเนียนกริ๊บคล้ายกับการออกแบบของรถสปอร์ต ตัวเครื่องจริงคือสวยทุกมุมเลย

- หน้าจอ E4 AMOLED ขนาด 6.62 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2400 พิกเซล) ที่ให้ทั้งความสว่างที่สุดและสีที่คมชัดแบบแม่นยำที่สุด ได้รับการพัฒนาจากผู้เชี่ยวชาญที่มีความชำนาญสูง อีกทั้ง ยังรองรับการปรับอัตรารีเฟรชชเรท ตั้งแต่ 30Hz, 60Hz, 90Hz หรือ 120Hz ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน แถมยังรักษาประสิทธิภาพของแบตเตอรี่และหน้าจอตอบสนองการสัมผัส 600 ครั้งใน 1 วินาที ทำให้การสัมผัสบนหน้าจอนั้นมีความลื่นไหลตามที่เราต้องการเลย

- เรียลมี GT Neo2 5G ได้ถูกเคลมว่าเป็น Flagship Killer (นักฆ่าเรือธง) ที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 870 เป็นชิปเซ็ตรุ่นใหม่ในซีรี่ส์ 8 ของ Qualcomm ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตร, CPU เป็นตัว Prime Core เป็น Cortex-A77 ที่มีสัญญาณนาฬิกาสูงสุด 3.2GHz ที่จะช่วยให้การดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นและเกมรวดเร็วขึ้น และบวกกับ RAM เป็นแบบ UFS 3.1 ทั้งนี้ ประสิทธิภาพของ CPU และ GPU จะแรงและเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้อยู่ที่ 10%

- กล้องหลัง 3 ตัว (AI Camera) ที่สามารถเก็บภาพได้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะเลนส์หลัก ที่ให้ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 ระยะภาพ 26 มิลลิเมตร ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.73” และ PDAF ที่สามารถถ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงามและละเอียดคมชัด ซึ่งก็ทำออกมาได้ดีจริงๆ ถ้าหากเทียบกับราคาในเมืองนอกถือว่าคุ้มจัดเลยแหละ รวมไปถึง ยังมาพร้อมกับโหมดต่างๆ ให้เราได้ใช้และสนุกกับการถ่ายภาพไปอีกขั้นอย่างโหมด Street Photography ที่มีเฉพาะใน realme เท่านั้นที่ถูกพัฒนาจากฟีเจอร์คุณสมบัติพิเศษต่างๆ และมาพร้อมกับโหมดกลางคืนก็สามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดีและให้ภาพที่ถ่ายออกมานั้นสว่างมากขึ้นถ้าหากเทียบกับโหมดปกติ (ไม่ได้เปิดโหมดถ่ายภาพกลางคืน)

- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว SuperDart Charge 65 วัตต์ สามารถชาร์จเต็ม 100% ภายในระยะเวลา 36 นาที (โทรศัพท์ได้นาน 33 ชั่วโมง, ดู YouTube ได้นาน 24 ชั่วโมง, ฟังเพลงได้นาน 88 ชั่วโมงและเล่นเกมได้นานถึง 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง)

- เมื่อใช้งานติดๆ กันเป็นระยะเวลานานแค่ไหนก็ไม่เป็นอะไรเลย เพราะ realme GT Neo2 5G มาพร้อมกับระบบระบายความร้อนแบบ Stainless Stell Vapour Cooling Plus ใหม่ล่าสุด ที่มีขนาด 4129 มิลลิเมตร ซึ่งก็ใหญ่ที่สุดของสมาร์ตโฟนในค่ายและมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม 20%, มีการจัดการพื้นที่ 30% และลดอุณหภูมิภายในตัวเครื่องสูงสุด 18 องศาเซลเซียส
- มีระบบเสียงขั้นเทพที่จัดมาให้แบบ Dolby Atmos และ Hi-Res Audio ซึ่งเสียงที่ได้ออกมานั้นก็มีความดังกระหึ่มจริงๆ และเสียงเบสค่อนข้างแน่นเลยแหละ เหมาะเลยสำหรับคนที่ชื่นชอบเล่นเกมหรือดูหนัง
ประสิทธิภาพการใช้งานของเรียลมี GT Neo2 5G ที่มาพร้อมกับขุมพลังตัวท็อป Snapdragon 870 5G
เรียลมี GT Neo2 5G ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 870 เป็นชิปเซ็ตรุ่นใหม่ในซีรี่ส์ 8 ของ Qualcomm เป็นชิปที่มีขนาดเล็ก ผลิตบนสถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตรและมี CPU เป็นตัว Prime Core เป็น Cortex-A77 ที่มีสัญญาณนาฬิกาสูงสุด 3.2GHz ที่จะช่วยให้การดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นและเกมรวดเร็วขึ้นบวกกับ RAM แบบ UFS 3.1 ที่สามารถอ่าน-เขียนได้เร็วมาก แน่นอนว่าการเปิด-ปิดแอปพลิเคชั่นต่างๆ หรือเกมที่มีขนาดใหญ่ จะทำให้ประมวผลได้เร็วมากๆ และยังรองรับฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion สูงสุดถึง 7GB ทำให้เรามี RAM เพื่อไว้ใช้งานได้มากถึง 15GB (8GB + 7GB)

ทั้งนี้ ประสิทธิภาพของ CPU และ GPU จะแรงและเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้อยู่ที่ 10% นอกจากนี้ เรียลมี GT Neo2 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0 ตั้งแต่แกะกล่อง ซึ่งก็มีฟีเจอร์ที่ให้เราได้เลือกใช้งานเพียบและการทำงานก็มีความไหลลื่นอีกด้วย

ประสิทธิภาพในการเล่นเกมบนเรียลมี GT Neo2 5G
รองรับระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling Plus ใหม่ล่าสุด ใช้วัสดุแผ่น Vapor Chamber (VC) สแตนเลสขนาดใหญ่ถึง 4129 มม² ในโครงสร้างของการระบายความร้อนถึง 8 ชั้น พร้อมยังเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่ใช้ซิลิโคน Diamond Thermal บน CPU เพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิและความเร็วในการกระจายความร้อน ประสิทธิภาพการทำงานดีอย่างต่อเนื่องและอัตราเฟรมเรทเสถียรขณะเล่นเกม แน่นอนว่า เมื่อเราเล่นเกมในระยะเวลานานแค่ไหนก็ตามหรือจะทั้งวี่ทั้งวัน ตัวเครื่องเรียลมี GT Neo2 5G จะไม่เกิดความร้อนแลย
จากการทดลองเล่นเกมบนเรียลมี GT Neo2 5G แล้ว รู้สึกว่าสามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ยังไม่พบการกระตุกแต่อย่างใดเลย ไม่ว่าเราจะเล่นเกมธรรมดาหรือจะเล่นเกมยิงต่อสู้กัน ก็สามารถเล่นได้สบายๆ ลื่นติดนิ้ว แตะปุ๊บยิงปั๊บและไม่มีความหน่วงหรือช้าเลยนะ แถมยังมี Tactile Engine 2.0 เป็นระบบสั่นหรือเป็นมอเตอร์สั่นแกน X ที่จะตอบสนองในขณะที่เราเล่นเกม แน่นอนว่า จะทำให้เรานั้นสนุกไปกับการเล่นเกมมากขึ้น
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะ ยังมี GT Mode 2.0 ที่สามารถเลือกเปิดใช้งานเพื่อปลดปล่อยพลังทั้งหมด ในขณะที่เล่นเกมเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้อย่างสูงสุดและยังรองรับ Game Space ที่รวบรวมเกมไว้ในที่เดียวกัน สามารถปรับโหมดความแรงในการเล่นได้ถึง 3 ระดับ รวมไปถึงยังมีระบบเสียงขั้นเทพมาให้อีกด้วย จัดมาให้แบบ Dolby Atmos และ Hi-Res Audio ซึ่งเสียงที่ได้ออกมานั้นก็มีความดังกระหึ่มจริงๆ และเสียงเบสค่อนข้างแน่นเลยแหละ เหมาะเลยสำหรับคนที่ชื่นชอบเล่นเกมหรือดูหนัง

นอกจากนี้ มีระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling Plus ใหม่ล่าสุดยัดมาให้ในเครื่องแล้วล่ะก็….ทำให้เราสามารถเล่นเกมได้นานมากขึ้นกว่าเดิม ไม่เพียงแต่เล่นเกมนะ จะดูหนังหรือดูซีรี่ส์ยาวๆ ทั้งวันก็ยังได้เลย
กล้องหลังจัดเต็ม 3 ตัว (AI Camera) สามารถเก็บภาพได้อย่างสวยงามและคมชัดมาก ด้วยความละเอียด 64 ล้านพิกเซล แถมให้ฟีเจอร์มาครบ
จะบอกว่าเรื่องกล้องถ่ายภาพของรุ่นนี้คือโดดเด่นเหมือนกันนะ เมื่อเราได้ทดลองถ่ายภาพทุกเลนส์ที่ให้มาไม่ว่าจะเป็นเลนส์หลัก 64 ล้านพิกเซล, เลนส์ Ultra-wide และเลนส์ Macro ที่สามารถถ่ายภาพในระยะใกล้ได้อย่างสวยงามและคมชัดมาก จะบอกว่าทั้ง 3 เลนส์ที่ให้มานั้น ค่อนข้างที่จะประทับใจเลยแหละ ไม่แพ้รุ่นไหนๆ เลย ยัดฟีเจอร์ให้มาแบบครบๆ และมาพร้อมกับโหมดต่างๆ ที่ให้เราได้สนุกกับการถ่ายภาพในทุกๆ การเดินทางเพื่อเก็บภาพไว้ในควาทรงจำของเรา ซึ่งถ่ายภาพที่ออกมานั้นมีความคมชัด, ละเอียดและสดใสเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเลนส์หลัก 64 ล้านพิกเซลแล้วล่ะก็….ถ่ายออกมาได้อย่างคมชัดจริงๆ สีสันของภาพก็สวยงาม

กล้องหลังของเรียลมี GT Neo2 5G นั้น มาพร้อมกับกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล (64MP Matrix Camera) มาพร้อมกับโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์ (6P) รูรับแสง f/1.8, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร และมุมรับภาพกว้างอยู่ที่ 78.6 องศา + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์ (5P) รูรับแสง f/2.3 ทางยาวโฟกัส 15.7 มิลลิเมตรและสามารถเก็บภาพมุมกว้างได้ 119 องศา + เลนส์ Macro ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์ (3P), ทางยาวโฟกัส 15.7 มิลลิเมตรและสามารถถ่ายภาพในระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร












เลนส์ Ultra-wide ถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา เก็บภาพมุมกว้างได้อย่างครบถ้วน
เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.3 สามารถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา ที่สามารถเก็บภาพและบรรยากาศได้อย่างครบถ้วน แถมภาพที่ถ่ายออกมานั้นมีความคมชัดและสวยงามอีกต่างหาก หลังจากที่ได้ทดสอบถ่ายภาพด้วยเลนส์ Ultra-wide นั้นก็สามารถถ่ายภาพได้กว้างแบบสะใจซะเหลือเกิน ไม่ว่าจะถ่ายภาพแบบหมู่คณะหรือจะถ่ายภาพวิวก็สามารถเก็บภาพได้อย่างครบถ้วน


ทดลองถ่ายภาพด้วยโหมด Street Photography
เป็นอีกหนึ่งโหมดที่น่าสนใจสำหรับการถ่ายภาพด้วย realme GT Neo2 5G ด้วยการใช้โหมด Street Photography หรือโหมดถ่ายภาพบนท้องถนน สำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพในแนวสตรีทคงจะชื่นชอบกับโหมดนี้อย่างแน่นอน เมื่อเราได้ปรับมาใช้งานในโหมดนี้มีความรู้สึกว่ามันกระชากฟิล (Feeling) เป็นอีกแบบไปเลย โดยระบบนั้นจะปรับระยะอยู่ที่ 24 มิลลิเมตรให้เหมาะกับ Portrait มากที่สุด ซึ่งภาพที่เราได้นั้นก็รู้สึกประทับใจในระดับหนึ่งเลยนะ



โหมด Street Photography จะมีเฉพาะใน realme เท่านั้นที่ถูกพัฒนาจากฟีเจอร์คุณสมบัติพิเศษต่างๆ เช่น โหมด DIS Snapshot, โหมด Instant Focus และ Quick Zoom เพื่อมอบประสบการณ์ถ่ายภาพแบบสายสตรีทมืออาชีพบนสมาร์ตโฟนอย่างง่ายดาย
เลนส์ Macro เก็บรายละเอียดของวัตถุชิ้นเล็กๆ ได้อย่างดี ในระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร
เลนส์ Macro ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร ที่สามารถเก็บรายละเอียดของวัตถุชิ้นเล็กๆ ได้อย่างดี ที่ให้ความชัดเจนและเห็นรายละเอียดของภาพ อีกทั้ง ยังสามารถประมวลผลระหว่างถ่ายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ซึ่งเลนส์ Macro นั้นจะช่วยให้การถ่ายภาพนั้นสนุกมากขึ้นไปอีกและมีประโยชน์ในการใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน



ทดสอบถ่ายภาพกลางคืนด้วยโหมด Night Mode (โหมดถ่ายภาพกลางคืน)
หลายครั้งที่เราเคยถ่ายภาพในตอนกลางคืนหรือไปในสถานที่ที่มีแสงน้อยแล้วไม่เป็นดั้งใจหวัง รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นภาพที่มืดๆ เบลอๆ แทบจะไม่เห็นอะไรเลย แถมสีสันก็ออกมาแบบเพี้ยนๆ อีกต่างหาก แต่สำหรับ realme GT Neo2 5G นั้น ไม่ทำให้เราผิดหวังเลย สามารถถ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงาม สีสันสวยงามและมีความคมชัดละเอียดมากถ้าเทียบกับโหมดปกติ (ไม่เปิดโหมดถ่ายภาพกลางคืน)


แต่การถ่ายภาพในตอนกลางคืนอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการประมวผลของภาพนานขึ้นเล็กน้อย เพียงถือสมาร์ตโฟนไว้ในมือนิ่งๆ เพื่อที่ไม่ให้ภาพที่ถ่ายออกมานั้นมีความเบลอและเมื่อประมวลผลเสร็จแล้ว รูปภาพที่ได้ออกมานั้นก็มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดระหว่างปิดและเปิดโหมดถ่ายภาพกลางคืน ถือว่าการถ่ายภาพด้วยโหมดกลางคืนบน realme GT Neo2 5G ทำได้ดีเลยแหละ

กล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับโหมด Beauty ที่ผู้หญิงหลายคนชื่นชอบสิ่งนี้
สำหรับกล้องหน้าของรุ่นนี้ ให้ความละเอียดอยู่ที่ 16 ล้านพิกเซล ที่สามารถภ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงามและเป็นธรรมชาติที่สุด แถมยังมาพร้อมกับ Beauty Mode ที่เราสามารถเลือกปรับแต่งใบหน้าของเราได้ตามความต้องการ คือแน่นอนเลยว่า เมื่อเราปรับแต่งตามความต้องการของเราเรียบร้อยแล้ว ภาพที่เราได้ก็จะสามารถลงบนโลกออนไลน์ได้โดยไม่ต้องผ่านแอปฯ แต่งภาพอีกเลย


รองรับการเชื่อมต่อต่างๆ
realme GT Neo2 5G รองรับสัญญาณ Smart 5G อย่างอัจฉริยะ สามารถตรวจจับและรับรู้สภาพแวดล้อมสัญญาณโดยรอบ จะเปลี่ยนจาก 4G เป็น 5G โดยอัตโนมัติ และปรับปรุงระบบเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยลดการใช้พลังงานลง 30% นอกจากนี้ ยังรองรับ Wi-Fi 6 ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วสำหรับสัญญาณที่มีผู้ใช้งานพร้อมกันอย่างหนักและในระยะการส่งข้อมูลที่ไกล เมื่อเราใช้กับ realme GT Neo2 5G ไปด้วยแล้วความเสถียรของสัญญาณนี้จะมาช่วยทำให้ค่า Latency ที่ต่ำมากๆ ซึ่งเราจะเห็นได้อย่างชัดเลยในขณะที่เราเล่นเกม จะไม่พบความหน่วงเลย

แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 65 วัตต์ ชาร์จเต็มภายในระยะเวลาไม่กี่นาที
สำหรับรุ่นนี้ ทาง realme ได้ยัดแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh มาใส่ในเครื่อง realme GT Neo2 5G ถือว่าแบตเตอรี่นั้นค่อนข้างใหญ่เลยนะ และยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว SuperDart Charge 65 วัตต์ ที่สามารถชาร์จเต็ม 100% ภายในระยะเวลา 36 นาที อีกทั้ง เมื่อเราชาร์จเต็ม 100% แล้วเราจะสามารถคุยโทรศัพท์ได้นาน 33 ชั่วโมง, ดู YouTube ได้นาน 24 ชั่วโมง, ฟังเพลงได้นาน 88 ชั่วโมงและเล่นเกมได้นานถึง 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

นอกจากนี้ realme GT Neo2 5G ยังมีอัลกอริทึ่ม VCVT Intelligent Tuning และ VFC Trickle Charging ที่จะช่วยในการปรับแรงดันและกระแสไฟอย่างชาญฉลาดให้มีความปลอดภัยและช่วยป้องกันแบตเตอรี่ในขณะชาร์จได้อีกด้วย
ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของ realme GT Neo2 5G ด้วยแอป Geekbench
realme GT Neo2 5G ได้ทดสอบประสิทธิภาพโดย GeekBench 5 สำหรับคะแนนด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single core) ที่ 995 คะแนน ในขณะที่คะแนนด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi core) นั้นได้ 2,947 คะแนน จากการทดสอบจะเห็นได้ว่าคะแนนที่ได้นั้นจัดอยู่ในระดับที่ดีเลยนะและมีผลคะแนนในระดับที่น่าพอใจ

การใช้งาน GPS ระบบนำทาง จับสัญญาณดาวเทียมในที่กลางแจ้งได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของการใช้งานระบบนำทางหรือ GPS นั้น หลังจากที่ได้ทดลองใช้ระบบนำทางแล้ว realme GT Neo2 5G สามารถทำผลงานออกมาได้เป็นอย่างดีและมีความแม่นยำอยู่พอสมควร โดยระบบ GPS นั้นสามารถจับสัญญาณดาวเทียมในที่กลางแจ้งได้เป็นอย่างดี โดยจากภาพตัวอย่างจะเห็นได้เลยว่าสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 31 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 3 เมตร แต่อย่างไรก็ตาม คุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS นั้นก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ด้วยหรือสภาพอากาศนั่นเอง

คุ้มหรือไม่คุ้มกับราคา 13,990 บาท ที่ต้องจ่ายไป!!!
ความพึ่งพอใจไม่ว่าจะซื้ออะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลด้วย ฉะนั้นแล้ว realme GT Neo2 5G ก็เช่นกัน ซึ่งก็เป็นสมาร์ตโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่ใครหลายคนกำลังมองและตัดสินใจซื้ออยู่ โดยความเห็นส่วนตัว หลังจากที่ใช้งานและได้ทำการทดสอบใช้มาสักระยะหนึ่งแล้ว รู้สึกประทับใจในตัวเครื่องนี้อยู่หลายอย่างนะ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผลที่ให้แสงและสีสันที่สวยงาม แล้วยิ่งเจอกับหน้าจอที่ขนาดใหญ่แล้วล่ะก็…คือดี๊ย์เลยแหละ ดูหนัง-ดูซีรี่ส์ และเล่นเกมได้อย่างเต็มตา แถมยังมาพร้อมกับรองรับลำโพงเตอริโอคู่ Dolby Atmos,และ Hi-Res Audio อีก ซึ่งก็ทำให้การดูหนังนั้นได้อรรถรสเพิ่มขึ้นไปอีก

การใช้งานที่มีความลื่นไหลเป็นอย่างดี ไม่เพียงแต่การทำงานบนสมาร์ตโฟนนะ รวมไปถึงการเล่นเกมบนเครื่องก็ลื่นไหลและไม่กระตุกอีกด้วย ที่สำคัญจะเล่นนานแค่ไหนก็ตาม ตัวเครื่อง realme GT Neo2 5G ก็ไม่พบว่าตัวเครื่องนั้นมีความร้อนเลย เพราะ realme GT Ne2 5G มาพร้อมกับระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling Plus ใหม่ ที่สามารถเล่นเกมหรือจะดูหนังได้อย่างยาวนานมากขึ้นกว่าเดิม
การดีไซน์ก็เช่นกัน ไม่พูดก็คงจะไม่ได้จริงๆ เพราะเนื่องจาก รุ่นนี้มาพร้อมกับการดีไซน์ที่มีการผสมผสานได้อย่างลงตัวกับ Digital Urban Design จากดีไซน์เนอร์ขั้นเทพที่มาจาก realme Design Studio ที่มีการร่วมกันออกแบบอย่างใกล้ชิดกับสีต่างๆ รอบตัว เพื่อให้ได้สีที่สื่อถึงการสร้างแรงบันดาลใจและความมีชีวิตชีวา อีกทั้ง พื้นผิวของฝาหลังรุ่นนี้ ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขัดและเคลือบแบบนาโนถึง 7 ชั้นเลยทีเดียว ทำให้ได้ฝาหลังที่เรียบเนียน, แสงสะท้อนละมุน, ทนต่อรอยขีดข่วนและ ป้องกันลายนิ้วมือได้เป็นอย่างดี

กล้องถ่ายภาพไม่ว่าจะถ่ายกล้องหน้าหรือกล้องหลังก็ตามแต่ ภาพที่ได้ออกมานั้น ดูมีความสวยงามและมีความเป็นธรรมชาติอย่างมาก รวมไปถึง เรายังสามารถเลือกโหมดการถ่ายภาพที่ทาง realme ได้จัดมาให้แบบเต็มๆ ให้เราสนุกกับการถ่ายภาพไปอีกขั้น ซึ่งไม่ว่าจะถ่ายด้วยโหมดอะไรก็แล้วแต่…ภาพนั้นก็ยังคงความชัดเจนและสวยงามจริงๆ ไร้ความเบลอ

ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่ก็อย่างที่บอก ให้มา 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว SuperDart Charge ที่ 65 วัตต์ สามารถชาร์จทิ้งไว้เพียงไม่กี่นาทีก็สามารถนำเครื่อง realme GT Neo2 5G มาใช้งานต่อได้อย่างสบายๆ เลย เห็นไหมล่ะ สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ในราคาหมื่นต้นๆ realme GT Neo2 5G ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ยังไงก็ลองตัดสินใจหรือลองเข้าไปสัมผัสเครื่องกันดูก่อนก็ได้!!! สำหรับวันนี้ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ก่อน ครั้งหน้าเราจะนำรุ่นไหน แบรนด์ไหนมารีวิวกันอีกต้องห้ามพลาดเด็ดขาดกับพวกเราทีม StepGeek.TV นะคะ สวัสดีค่ะ!!!