• แอปพลิเคชัน
  • เกม
  • Tips & Tricks
  • โปรโมชัน
StepGeek
  • หน้าแรก
  • ข่าว
  • รีวิว
  • พรีวิว
  • บทความ
  • Tips & Tricks
  • ดูวิดีโอ StepGeek
No Result
View All Result
StepGeek
  • หน้าแรก
  • ข่าว
  • รีวิว
  • พรีวิว
  • บทความ
  • Tips & Tricks
  • ดูวิดีโอ StepGeek
No Result
View All Result
StepGeek
No Result
View All Result
Home รีวิว

รีวิว realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ หน้าจอใหญ่ จอรีเฟรชเรทสูง แบตใหญ่ กล้องยัดเซ็นเซอร์ IMX766 และตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ราคาเริ่มต้นที่ 8,999 บาท

Admin G by Admin G
วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 2022 เวลา 14:25 น.
in รีวิว
1
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterLINE

มาถึงมือเราเป็นที่เรียบร้อยกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ เรียลมี 9 Pro Series ที่มีทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ มาพร้อมกับตัวเครื่องที่บางเฉียบ ถือไปไหนมาไหนก็สะดวกสบาย พร้อมทั้งยัดสเปกแบบจัดเต็มมาให้อีก จากที่รอคอยกันมาหลายเดือน นับตั้งแต่มีข่าวลือ รูปภาพหลุด จนมาถึงการเปิดตัวที่ประเทศจีนอย่างเป็นทางการ, เปิดตัวในเวอร์ชั่น Global และในที่สุดก็ได้ประกาศเปิดตัวในไทยซะที ซึ่งเราและทีมงาน StepGeek.TV ก็ไม่รอช้า จับมัดรวมสมาร์ทโฟน 2 รุ่นใหม่ มารีวิวพร้อมกันเลย ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว…อินโทรมาาาา ติ๊ดดดด…..ดดด

อะๆๆๆ ก่อนอื่นต้องร่วมยินดีกับทางแบรนด์ realme กันก่อนนะ ซึ่งทางแบรนด์ realme โลโก้สีเหลืองที่ทุกคนต่างก็คุ้นตากันอยู่แล้วมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้นในตลาดสมาร์ทโฟน ทั่วโลกในช่วงไตราสที่ 4 ของปี 2021 ที่ผ่านมา นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่แบรนด์ realme ได้ก้าวขึ้นสู่เป็นอันดับ TOP 5 ในโซนยุโรปตะวันตกและขยับขึ้นสู่ TOP 4 ในตลาดของไทยบ้านเรา แม้ว่า แบรนด์ realme จะเป็นแบรนด์น้องใหม่ก็ตามแต่…ในบรรดา 6 แบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำของโลก แต่ก็ยังคงรักษาอันดับการเติบโตที่แข็งแกร่งและมีความพยายามที่จะทำผลงานออกมาได้เป็นอย่างดีและต่อเนื่องเสมอมา ตามค่านิยมหลักของ realme คือ “Dare to Leap” อีกทั้ง ยังมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในอันดับที่ 5 ใน 30 ตลาดและ 6 ทวีปทั่วโลก

เหตุผลที่ทำให้แบรนด์ realme ได้ขยับขึ้นมาติดอยู่ในอันดับ 4 ในตลาดสมาร์ทโฟนของไทยได้ เพราะเนื่องจากว่า มีกลยุทธ์ในการดำเนินงานและธุรกิจที่แข็งแกร่ง เช่น การรับฟังความคิดเห็นและความต้องการจากผู้บริโภค, การติดตั้งเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูงในผลิตภัณฑ์, การดีไซน์ของสินค้าให้ดูมีความสวยงามและสามารถใช้งานได้ง่าย ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้จะตอบโจทย์กับกลุ่มผู้ใช้งานคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี

ซึ่งที่ผ่านมา แบรนด์เรียลมี ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจอยู่หลายรุ่น รวมไปถึง เรียลมี 9 Pro และ เรียลมี 9 Pro+ ด้วยที่เพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กระแสการตอบรับจากผู้บริโภคก็ล้มหลามตั้งแต่ยังไม่มาถึงประเทศไทยเลยนะ ซึ่งก็มีหลายคนเข้ามาสอบถามว่าจะเข้าไทยไหม?? และมีรุ่นไหนเข้ามาบ้าง?? แล้วตัวเครื่องเป็นอย่างไร?? ใช้งานดีหรือไม่?? คุ้มหรือไม่ถ้าจะซื้อมาใช้งานในชีวิตประจำวัน?? แน่นอนว่าหลายคำถามเหล่านี้ มักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอเมื่อได้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และเมื่อ เรียลมี 9 Pro และ เรียลมี 9 Pro+ มาถึงมือก็รีบ Unbox กันเลยทีเดียวแบบไม่รอช้า

สเปก เรียลมี 9 Pro

  • ขนาดตัวเครื่อง 164.3 x 75.6 x 8.5 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 195 กรัม
  • หน้าจอแสดงผลขนาด 6.6 นิ้ว จอ Ultra Smooth Display ความละเอียด 2412 x 1080 พิกเซล จอรีเฟรชเรท 120Hz และ Touch Sampling Rate 240Hz, อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.8%
  • ชิปเซ็ต Snapdragon 695 5G ขนาด 6 นาโนเมตร
  • GPU Adreno 619
  • RAM 6GB/8GB (RAM Expansion ได้ถึง 13GB)
  • ROM 128GB แบบ UFS 2.2
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    • เลนส์หลัก ความละเอียด 64MP รูรับแสง f/1.79 รองรับถ่ายภาพ Nightscape
    • เลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 8MP รูรับแสง f/2.2 ถ่ายมุมมองได้กว้าง 119 องศา
    • เลนส์ Maro ความละเอียด 2MP รูรับแสง f/2.4 สามารถถ่ายภาพในระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร
  • รองรับการถ่ายภาพด้วยโหมด Street Photography 2.0
  • กล้องหน้า ความละเอียด 16MP รูรับแสง f/2.05
  • แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว Dart Charge ที่ 33 วัตต์
  • รองรับ 5G ทั้ง SA/NSA
  • รองรับ Wi-Fi 5 (802.11 b/g/n/a/ac)
  • รองรับ Bluetooth 5.1
  • รองรับ NFC
  • มีระบบระบายความร้อนด้วย Liquid Cooling System
  • รองรับสแกนลายนิ้วมือด้านข้าง
  • มีลำโพงเดี่ยวเพื่อไว้สนทนาเท่านั้น
  • มีพอร์ต USB-C
  • มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
  • รันระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0
  • มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีฟ้า Sunrise Blue และสีเขียว Aurora Green

สเปก เรียลมี 9 Pro+

  • ขนาดตัวเครื่อง 160.2 x 73.3 x 7.99 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 182 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) จอรีเฟรชเรท 90Hz และ Touch Sampling Rate 360Hz, อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.8% และครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5
  • ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 920 5G ขนาด 6 นาโนเมตร
  • GPU Mali-G68 MC4
  • RAM 8GB (Virtual RAM ได้มากถึง 5GB)
  • ROM 256GB แบบ UFS 2.2
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    • เลนส์หลัก มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX766 ความละเอียด 50MP รูรับแสง f/1.8 และรองรับกันสั่นคู่ OIS + EIS  ซึ่งเป็นรุ่นแรกในระดับมิดเรนจ์
    • เลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 8MP รูรับแสง f/2.2 ถ่ายมุมมองได้กว้าง 119 องศา
    • เลนส์ Maro ความละเอียด 2MP รูรับแสง f/2.4 สามารถถ่ายภาพในระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร
  • รองรับการถ่ายภาพด้วยโหมด Street Photography 2.0
  • กล้องหน้า ความละเอียด 16MP รูรับแสง f/2.4
  • แบตเตอรี่ขนาด 4,500 mAh รองรับชาร์จเร็ว SuperDart Charge ที่ 60 วัตต์ สามารถชาร์จเต็ม 50% ภายในระยะเวลา 15 นาที
  • รองรับ 5G ทั้ง SA/NSA
  • รองรับ Wi-Fi 6
  • รองรับ Bluetooth 5.2
  • รองรับลำโพงสเตอริโอคู่ Dolby Dual Stereo
  • มีระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling System
  • มีระบบการสั่น X-axis Tactile Engine
  • รองรับสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
  • มีพอร์ต USB-C
  • มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
  • รันระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0
  • มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีฟ้า Sunrise Blue และสีเขียว Aurora Green

อุปกรณ์ภายในกล่อง เรียลมี 9 Pro Series

  • ตัวเครื่อง เรียลมี 9 Pro (สี Sunrise Blue) หรือ เรียลมี 9 Pro+ (สีเขียว Aurora Green) พร้อมกับติดฟิล์มกันรอยมาให้ตั้งแต่โรงงาน
  • สายชาร์จ USB-C
  • อะแดปเตอร์ Dart Charge 33 วัตต์ (สำหรับ เรียลมี 9 Pro) / อะแดปเตอร์ SuperDart Charge 60 วัตต์ (สำหรับ เรียลมี 9 Pro+)
  • เข็มจิ้มซิม
  • เคสซิลิโคน
  • คู่มือการใช้งาน
realme 9 Pro
realme 9 Pro+

ดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูเรียบง่าย แต่แทรกความหรูหรา บอดี้บางและน้ำหนักเบา ถือคล่องมือมาก

การดีไซน์ตัวเครื่องทั้ง เรียลมี 9 Pro และ เรียลมี 9 Pro+ นั้นแทบจะแยกไม่ออกเลย มาพร้อมกับการดีไซน์ Light Shift Design หน้าจอได้รับการเจาะรูที่ด้านซ้ายของหน้าจอสำหรับวางกล้องหน้าและด้านหลังตัวเครื่องมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว วางอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมพื้นผ้าพร้อมกับไฟ LED อีกทั้ง ตัวเลือกของสีมีทั้งหมด 2 สี เหมือนกัน ได้แก่ สี Sunrise Blue และ สี Aurora Green ทั้งนี้ ยังมีขนาดตัวเครื่องที่บางและเบาอีกด้วย…..และถ้าหากนำตัวเครื่องทั้ง 2 รุ่น มาเทียบกันก็จะเห็นความแตกต่างอยู่เล็กน้อย ด้วยขนาดของรุ่น เรียลมี 9 Pro ที่ใหญ่กว่ารุ่น Pro+ อยู่นิดนึง ถ้าหากมองด้วยสายตาโดยที่ไม่ได้นำมาเทียบกัน ก็คือไม่ต่างกันเลย แยกไม่ออก ฝาแฝดดีๆ นี่เอง….

เราเริ่มกันที่รุ่น Pro กันก่อนเลย ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 164.3 x 75.6 x 8.5 มิลลิเมตรและน้ำหนักอยู่ที่ 195 กรัม ส่วนรุ่น Pro+ ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 169.2 x 73.3 x 7.99 มิลลิเมตรและน้ำหนักอยู่ที่ 182 กรัม ซึ่งทั้ง 2 รุ่น ถ้าหากเทียบกันรุ่น Pro+ นั้นมีบอดี้ที่บางและเบากว่ารุ่น Pro อยู่เล็กน้อย เพราะด้วยขนาดของหน้าจอรุ่น Pro นั้นใหญ่กว่ารุ่น Pro+ อยู่ที่ 6.6 นิ้ว ในขณะที่ รุ่น Pro+ มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.4 นิ้ว ซึ่งก็ทำให้ตัวบอดี้ของรุ่น Pro นั้นใหญ่และหนากว่ารุ่น Pro+ นั่นเอง

ทั้งนี้ แม้ว่ารุ่น Pro จะมีขนาดที่ใหญ่กว่ารุ่น Pro+ อยู่เล็กน้อย ก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกในการถือจับแตกต่างอะไรกันมาก ซึ่งตัวบอดี้เครื่องก็อย่างที่บอกไปตั้งแต่แรก ทั้ง เรียลมี 9 Pro และเรียลมี 9 Pro+ นั้น สามารถถือจับได้อย่างสะดวกสบาย ตัวเครื่องไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป ถือใช้งานได้อย่างกระชับมือด้วยด้านหลังที่มีส่วนที่โค้งมนทำให้ตัวบอดี้เครื่องนั้นสอดรับเข้ากับมือของเราได้เป็นอย่างดี ใช้งานมือเดียวได้อย่างสบายๆ และไม่ว่าเราจะถือสมาร์ทโฟนนานแค่ไหนหรือจะใส่กระเป๋ากางเกงก็ไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกถึงความหนักและความหนาของตัวเครื่อง อีกทั้งตัวเฟรมแบนเหมือนกับแบรนด์อุตสาหกรรมปัจจุบัน

ด้านซ้ายของตัวเครื่อง เรียลมี 9 Pro+ และ เรียลมี 9 Pro จะมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM 2 ช่องและมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง ซึ่งในรุ่น Pro+ ไม่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้ แต่รุ่น Pro จะมีช่องใส่ซิมแบบไฮบริด ส่วนด้านขวาตัวเครื่องจะมีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง แต่ในรุ่น Pro+ จะมีการฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเข้ามาด้วย และด้านล่างตัวเครื่องของทั้ง 2 รุ่น มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, รูไมโครโฟน, พอร์ต USB-C และมีลำโพงหลัก ในขณะที่ด้านบนของตัวเครื่องมีเพียงรูไมโครโฟนตัวที่ 2 เพื่อตัดเสียงรบกวน

ด้านขวาของ realme 9 Pro+
ด้านขวาของ realme 9 Pro

ฝาหลังที่มีเอกลักษณ์ สามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อแสงตกกระทบ

อีกทั้ง จุดเด่นของเรียลมี 9 Pro และเรียลมี 9 Pro+ นั้น อยู่ที่ฝาหลังของตัวเครื่องที่มีเอกลักษณ์ ที่มีพื้นผิวเรียบลื่น ให้สัมผัสความหรูหรา ซึ่งก่อนหน้านี้ หลายคนก็ได้เห็นเครื่องจริงกันไปแล้ว ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเวอร์ชั่น Global ซะอีก ถูกป่ะ!! หลายคนเกิดอาการร้องว้าว….ด้วยสุดยอดการออกแบบตัวเครื่องที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงอาทิตย์อันเจิดจ้าในยามเช้ากับเอฟเฟ็กต์การเปลี่ยนสีของฝาหลังแบบ Light Shift Design โดยการออกแบบฟีเจอร์ Light Shift Design นั้นจะใช้กับเฉดสี Sunrise Blue นั้นสามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อตัวเครื่องกระทบกับแสงแดดหรือแสงธรรมชาติแล้วล่ะก็…ฝาหลังจะเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีแดงอมชมพูได้อย่างน่าตื่นตาภายใน 3 วินาทีในการเปลี่ยน และเมื่อกลับเข้าที่ร่มหรือไม่มีแสงแดดจะกลับเป็นสีฟ้าภายใน 2-5 วินาที

ซึ่งนี่ก็เป็นสุดยอดด้านการออกแบบที่ใช้หลักการ Photochromic โดยเติมวัสดุ OCA แบบออร์แกนิกในขั้นตอนการเคลือบผิว ทำให้เกิดปฏิกิริยาให้ฝาหลังตัวเครื่องนั้นสามารถเปลี่ยนสีได้เมื่ออาบรังสีอัลตร้าไวโอเลตไปตามที่เห็นในภาพนั่นเอง อีกทั้ง เรื่องความหนาของชั้นเคลือบที่เปลี่ยนสีได้, รูปแบบสีที่จะเปลี่ยน, การเกาะกับพื้นผิวกระจกของชั้นเคลือบ, อุณหภูมิที่เหมาะสมกับการเปลี่ยนสีและอายุการใช้งานของจำนวนครั้งในการเปลี่ยนสี

ตัวเครื่อง เรียลมี 9 Pro ที่เราได้นำมาทดลองและทดสอบนั่นก็คือ สีฟ้า Sunrise Blue ส่วนตัวเครื่อง เรียลมี 9 Pro+ นั่นก็คือ สีเขียว Aurora Green ซึ่งทั้ง 2 เครื่อง เราจะเห็นถึงความละยิบละยับเต็มบนฝาหลังของตัวเครื่องอย่างชัดเจน มาพร้อมกับโลโก้เรียลมีวางเป็นแนวนอนและการจัดวางกล้องหลังที่มีความลงตัว มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว ที่ให้ความละเอียดสูง วางอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้า รวมไปถึงมีไฟแฟลช LED

การออกแบบ Light Shift Design ที่ทดสอบไปมากกว่า 200 ครั้ง กว่าจะสำเร็จ

โดยทาง realme นั้น มีความพยายามและทำการทดสอบความเข้ากันในขั้นตอนของการผลิตด้วย ซึ่งก็ใช้ความพยายามมากกว่า 200 ครั้งกว่าจะแก้ไขปัญหาที่ยุ่งยากต่างๆ ได้ รวมไปถึง ยังคิดค้นวิธีแก้ใหม่ในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างโมดูลการผลิต เพื่อสร้างวัสดุที่สามารถเปลี่ยนสีและจางสีลงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีการปรับความเข้มข้นของการเคลือบ เพื่อหาจุดความสมดุลระหว่างผลลัพธ์ของสีที่ต้องการกับความหนาของชั้นเคลือบที่เหมาะสมที่สุด

หลังการทดลองใช้เทมเพลตรูปแบบต่าง ๆ มากกว่า 200 ครั้ง realme ก็สามารถสร้างขั้นตอนการเคลือบผิว Photochromic แบบสองชั้นได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนการสร้างพันธะโครมิกแบบสองชั้นที่ดีเยี่ยมที่สุดในอุตสาหกรรม ทีมวิศวกร realme ยังเพิ่มชั้นคอมโพสิตออร์แกนิกระหว่างชั้นเคลือบ Photochromic กับผิวกระจก ซึ่งไม่เพียงรับประกันความหนืดของวัสดุเท่านั้น แต่ยังเพิ่มค่าความถูกต้องของสี (Color Rendering Rate) ได้ถึง 40%

หน้าจอขนาดใหญ่ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชอบดูคอนเทนต์-ดูซีรี่ส์และเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวัน

เมื่อเปิดตัวมาพร้อมกัน 2 รุ่น แบบนี้ จัดเทียบกันให้เห็นกันไปจะๆ เลยกับขนาดของหน้าจอ เรียลมี 9 Pro และ เรียลมี 9 Pro+ โดยรุ่น Pro มาพร้อมกับหน้าจอที่มีขนาด 6.6 นิ้ว เป็นจอ Ultra Smooth Display ที่สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลหรือเรียกอีกอย่างว่า “ลื่นติดมือ” เหมาะสำหรับการเล่นเกมที่พร้อมยิงในแต่ละด่านมากๆ สามารถปรับจอรีเฟรชเรทได้ 6 ระดับ ตั้งแต่ 30Hz-120Hz และ Touch Sampling Rate 240Hz ในขณะที่รุ่น Pro+ มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ที่มีขนาด 6.4 นิ้ว ซึ่งขนาดของหน้าจอนั้นมีความแตกต่างกัน จอรีเฟรชเรท 90Hz และครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus ที่มีความแข็งแรงพิเศษ ทนต่อการตกกระแทกลงสู่พื้นและทนต่อรอยขีดข่วนบนหน้าจอแสดงผล

และจากที่ได้ทดลองใช้งานมาสักพัก ทั้งเล่นทั้งดูซีรี่ส์-ดู YouTube ไปเรื่อยๆ ในแต่ละวัน รู้สึกว่า เรียลมี 9 Pro และ เรียลมี 9 Pro+ มีความรู้สึกที่ไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไหร่ รวมไปถึงเรื่องทำงานหรือเล่นโซเชียลก็รู้สึกเต็มตาเต็มจอ ถึงแม้ว่าขนาดและหน้าจอจะไม่เท่ากันก็ตามแต่….  รวมไปถึง หน้าจอที่ได้รับการเจาะด้านซ้ายบนหน้าจอนั้นก็ไม่ได้สร้างความรำคาญใจและเกะกะสายตาอะไรใดๆ ทั้งนั้น เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยซีเรียสกับสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับหน้าจอที่เป็นรอยบากหรือจะเจาะรูบนหน้าจออยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเราหยิบขึ้นมาใช้งานทุกครั้งหรือจะจะดูหนังก็ตามแต่ เจ้าตัวเจาะรูที่ติดตั้งอยู่บน เรียลมี 9 Pro และ เรียลมี 9 Pro+ ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค, สร้างความรำคาญใจหรือทำให้การดูหนัง-ดูซีรี่ส์นั้นลดลงไปเลย รวมไปถึงการเล่นเกมก็สามารถเล่นได้อย่างยาวนานไม่รู้สึกหงุดหงิด  

รวมไปถึง สีสันการแสดงผลของหน้าจอก็สำคัญ ในขณะที่เราดูหนังหรือดูซีรี่ส์เรื่องโปรด หรือดูหนังที่ลุ้นระทึก ก็ต้องมีหน้าจอที่ให้สีสันสวยงาม ชัดเจนและเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงลำโพงก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญด้วย ซึ่งในรุ่น Pro+ นั้น มาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอคู่ Dolby Dual Stereo เลย ทำให้การรับฟังของเสียงต่างๆ ที่เรากำลังดูอยู่นั้นออกมาแบบกระหึ่มมาก ส่วนในรุ่น Pro ถึงแม้ว่าจะเป็นลำโพงเดี่ยวก็ตามแต่….แต่เสียงที่ออกมานั้นก็ดังไม่แพ้กัน

ประสิทธิภาพการใช้งาน เรียลมี 9 Pro Series

เรียลมี 9 Pro+มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 920 5G ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 6 นาโนเมตร ทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานดีขึ้น ความถี่หลักของ CPU ที่เพิ่มขึ้นจาก 2.4GHz เป็น 2.5GHz1 ซึ่งก็เพิ่มขึ้น 4% ในประสิทธิภาพการทำงานแบบ single-core สำหรับ GPU ยังคงเป็น Mali-G68 MC4 ซึ่งความถี่ของ GP ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ 9% และผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพที่มีความละเอียดได้มากขึ้น 35% เมื่อเทียบกับชิป Dimensity รุ่นก่อนหน้านี้

อีกทั้ง ยังมาพร้อมกับระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling System ที่มีพื้นที่แผงระบายความร้อนขนาดใหญ่พิเศษที่สามารถครอบคลุมแหล่งความร้อนหลักได้ 100% โดยมีพื้นที่รวมมากกว่า 13029 มม.² ช่วยลดอุณหภูมิได้และทำให้สมาร์ทโฟนอยู่ในสถานะการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ ยังมีกันสั่น Tactile Engine ที่ขับเคลื่อนด้วย มอเตอร์ X-axis Linear Motor

 ส่วนในรุ่น Pro มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 695 5G ขนาด 6 นาโนเมตร ซึ่งก็รองรับ 5G เหมือนกับรุ่นพี่ Pro+ สามารถใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเล่นโซเชียลต่างๆ บนหลายแพลตฟอร์ม, เล่นเกมหรือจะดูหนัง-ซีรี่ส์ ก็สามารถดูได้อย่างลื่นไหล อีกทั้ง ยังมาพร้อมกับระบายความร้อนเหมือนกัน แต่ในรุ่น Pro มาพร้อมกับระบบระบายความร้อน Liquid Cooling System ไม่ว่าเราจะใช้งานนานมากแค่ไหนก็ตาม ตัวเครื่องก็ไม่ร้อนและไม่ทำให้การใช้งานบนสมาร์ทโฟน เรียลมี 9 Pro นั้นรู้สึกหงุดหงิดแต่อย่างใด ซึ่งลองคิดดูนะ ถ้าจับเครื่องที่ร้อนนานๆ ในขณะที่เราใช้งานอยู่ จะรู้สึกหงุดหงิดมากแค่ไหน ความเห็นส่วนตัวที่เคยทดลองใช้มาหลายรุ่นแล้ว ไม่ว่าจะเล่นเกมหรือทำงานบนสมาร์ทโฟนก็ตามแต่ ถ้าใช้งานได้สักพักแล้วตัวเครื่องก็ความร้อนขึ้นมา คืออารมณ์เสียเลยนะ!! ใดๆ ก็คือต้องวางเครื่องไว้สักพักแล้วกลับมาใช้งานใหม่…..

จากการทดลองเล่นเกมของทั้ง 2 รุ่นนี้ รู้สึกประทับใจในระดับหนึ่งเลยแหละ…..เริ่มตั้งแต่ติดตั้งเกม, เข้าแอปพลิเคชั่นเกมต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้ง การกดยิงรัวๆ ก็สามารถทำได้เป็นอย่างดี หน้าจอสัมผัสคือมีความลื่นติดนิ้วดี และการแสดงผลของสีก็มีความคมชัด, สดใสและเป็นธรรมชาติ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะ ในรุ่น Pro+ ยังมีมอเตอร์ X-axis Linear ที่จะช่วยในเรื่องการสั่นไหวในขณะที่เราเล่นเกมอีกด้วย

ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบด้วย realme UI 3.0 ที่มีความลื่นไหล, ใช้งานง่าย พร้อมทั้งจัดเต็มในเรื่องความบันเทิงและการเล่นเกมที่เราชื่นชอบอีกด้วยนะ

สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้โดยผ่านสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ

มีเฉพาะในรุ่นเรียลมี 9 Pro+ เท่านั้น ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่สามารถวัดการเต้นของหัวใจได้ โดยผ่านเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแสดงผล

กล้องระดับเรือธงในราคาระดับกลาง ลั่นชัตเตอร์ ภาพคม-ชัดทุกเลนส์ภาพ

เรียลมี 9 Pro และ เรียลมี 9 Pro+ มาพร้อมกับกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว แตกต่างกันที่เลนส์หลัก ซึ่งรุ่น Pro+ นั้น มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX766 ความละเอียด 50MP รูรับแสง f/1.8 และรองรับกันสั่นคู่ (OIS + EIS) เลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 8MP รูรับแสง f/2.2 สามารถถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศาและมาพร้อมกับเลนส์ Macro ความละเอียด 2MP รูรับแสง f/2.4

ในขณะที่รุ่น Pro ให้ความละเอียด 64MP รูรับแสง f/1.79 + เลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 8MP รูรับแสง f/2.2 สามารถถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศาและมาพร้อมกับเลนส์ Macro ความละเอียด 2MP รูรับแสง f/2.4

ต้องบอกก่อนว่า เรียลมี 9 Pro+ ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับมิดเรนจ์รุ่นแรกที่ใช้เซ็นเซอร์กล้อง IMX766 ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ระดับแฟล็กชิปที่นิยมใช้กับสมาร์ทโฟนในระดับแฟล็กชิปในท้องตลาดว่า 15 รุ่น มีต้นทุนสูงกว่า 600 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นเซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ถึง 1/1.56 นิ้ว ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในคลาสเดียวกัน สามารถรับแสงได้มากกว่าถึง 45% และสามารถถ่ายภาพออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นก้าวข้ามข้อจำกัดหลายๆ อย่างในการถ่ายภาพบนกล้องสมาร์ทโฟนระดับมิดเรนจ์

สเปกกล้องของ เรียลมี 9 Pro+

  • เลนส์หลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX766 รองรับการถ่ายภาพโหมดหลายโหมดเลย เช่น Ultra Steady Video, Night Mode, Panoramic view, Expert, Timelapse, Portrait Mode, HDRUltra wide, Ultra macro, AI Scene Recognition, AI Beauty, Filter, Chroma Boost, Slow Motion, Bokeh Effect Control, Movie, Dual-ViewVideo และอื่นๆ อีกมากมาย
  • เลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา
  • เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ถ่ายมุมใกล้วัตถุได้ 4 เซนติเมตร

สเปกกล้องของ เรียลมี 9 Pro

  • เลนส์หลัก มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX766 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 รองรับการถ่ายภาพโหมดหลายโหมดเลย เช่น Night Mode, Panoramic view, Expert, Portrait Mode, HDR, Ultra wide, Ultra macro, AI Scene Recognition, AI Beauty, Filter, Bokeh Effect Control, Starry Mode
  • เลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา
  • เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ถ่ายมุมใกล้วัตถุได้ 4 เซนติเมตร

**ถึงแม้ว่าในรุ่น Pro จะไม่ได้มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX766 เหมือนกับรุ่นพี่ Pro+ แต่ก็ให้เลนส์ถ่ายภาพมาครบและสามารถถ่ายได้อย่างละเอียดและคมชัดในทุกสภาพแสงเลยนะ

จากที่ได้ทดสอบกล้องหลักของทั้ง 2 รุ่นแล้ว รู้สึกประทับใจ ให้คะแนนประสิทธิภาพในการถ่ายภาพในขั้นกลางไประดับสูงเลยแหละ ไม่ว่าจะถ่ายอาหาร, วิวทิวทัศน์, บุคคล, สัตว์หรือสิ่งของหรืออะไรก็ตามแต่ ภาพที่ได้ออกมานั้นมีความคมชัด, สีสันสดใสสวยงามและถ่ายออกมาเป็นธรรมชาติ สีไม่ค่อยติดเพี้ยน แม้ว่าจะถ่ายในพื้นที่แสงน้อยหรือจะถ่ายในพื้นที่ที่มีแสงจ้าก็ตามแต่ ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคถ้าต้องการอยากจะได้รูปภาพ ณ ตอนนั้น โดยเฉพาะตอนถ่ายในพื้นที่ที่มีแสงน้อย ก็สามารถหยิบ เรียลมี 9 Pro+ ออกมาถ่ายได้เลย และภาพที่เราได้นั้นก็ประทับใจเป็นอย่างมาก สามารถถ่ายภาพในตอนกลางคืนได้อย่างโหดจริงๆ ตามที่ทางเรียลมีได้เคลมเอาไว้

ทดลองกล้องหลักจาก เรียลมี 9 Pro

 

 อีกทั้ง ยังรองรับโหมดการถ่ายภาพได้อีกหลากหลายโหมดเลย โดยผู้ใช้งานจะสามารถเข้าไปเลือกโหมดการถ่ายภาพเมื่อต้องการ ซึ่งภาพที่ได้ออกมานั้นจะเป็นไปตามที่เราต้องการ ซึ่งในส่วนโหมด AI Beauty นั้น สำหรับผู้หญิงอย่างเราล้วนชอบโหมดนี้เป็นที่สุด แต่งและเติมในนั้นได้เลย สวยเท่าที่เราอยากได้ แต่งเพิ่มที่เราต้องการ โดยที่ไม่ต้องมาเสียเวลาดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นแต่งภาพให้เสียเวลาและเปลืองพื้นที่บนสมาร์ทโฟนอีกต่อไป แต่งปุ๊บลงโซเชียลได้ปั๊บ ทันใจจริงๆ…

อีกทั้งในรุ่น Pro+ ทาง realme ได้นำเสนอเรื่องเทคโนโลยีการถ่ายภาพในรูปแบบใหม่ ที่ให้ประสิทธิภาพล้ำหน้ากว่าสมาร์ทโฟนทุกรุ่นในคลาสเดียวกัน โดยเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า “ProLight Imaging Technology” มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX766, มีระบบกันสั่นคู่และ AI ลด Noise อย่างชาญฉลาด 

ซึ่งการถ่ายภาพในแต่ละครั้งมักจะพบจุดเกิด Noise ของภาพ และส่งผลต่อความคมชัดของภาพถ่ายนั่นเอง แต่เมื่อเราใช้ realme 9 Pro+ ที่ทาง realme ได้ยัดเข้ามาให้แล้ว สามารถเก็บภาพได้อย่างสวยงามและทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงน้อยหรือจะถ่ายในช่วงกลางคืนก็ตามแต่ ภาพที่ถ่ายออกมานั้นก็สวยและชัดเจนเป็นอย่างมาก เพราะด้วยเซ็นเซอร์รับแสงขนาดใหญ่ ร่วมกับระบบอัลกอริธึมที่ช่วยลดจุดรบกวนของ Noise ในภาพและรองรับกันสั่นคู่ (OIS + EIS) อีกต่างหาก เพื่อลดความสั่นไหวได้ดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อมีระบบกันสั่นคู่มาให้ การถ่ายภาพนิ่งและการถ่ายวิดีโอนั้นก็เป็นเรื่องง่ายไปเลย ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมานั้น มีความสวยงามและคมชัดมากขึ้น รวมไปถึง ถ่ายในพื้นที่ที่มีแสงน้อยก็ไม่มีปัญหา

ทดลองกล้องหลักจาก realme 9 Pro+

ทดสอบถ่ายภาพกลางคืน realme 9 Pro Series

ซึ่งทั้ง 2 รุ่น ก็สามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดี โดยไม่มีที่ติเลยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่น Pro+ ถ่ายภาพในพื้นที่ที่แสงน้อยได้โหดมากจริงๆ สามารถถ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงาม สีสันสดใสและเห็นรายละเอียดของภาพได้อย่างชัดเจน แม้ว่าพื้นที่ตรงนั้นจะมืดแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถทำให้รูปภาพนั้นเกิดความเบลอ, มัวหรือภาพออกมาดำ-มืดจนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย แต่ภาพที่ได้นั้นกลับสว่างอย่างเห็นได้ชัด

ถ่ายตอนที่มืดมากจริงๆ แต่ภาพที่ได้ออกมานั้นคือ สวยงาม สีสันสดใสมากเหมือนกับเปิดไฟอยู่เลย

ภาพนี้ก็เช่นกัน สถานที่ตรงนั้นคือมืดมาก มีไฟสะท้อนกับต้นไม้เพียง 2 ดวง แต่กลับได้ภาพออกมาเป็นที่น่าตกใจเหมือนกัน
ร้านนี้ก็ไม่ได้สว่างมาก ในขณะที่ถ่ายอยู่ แต่ภาพที่ได้ออกมานั้น คือสว่างและสีสันสวยงามมาก

ทดสอบถ่ายภาพด้วยเลนส์ Ultra-wide เก็บภาพได้ครบทุกองค์ประกอบ

ในส่วนของการถ่ายภาพแบบเลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ความชอบส่วนตัวคือชอบเลนส์ Ultra-wide ในอันดับต้นๆ ที่มีอยู่บนสมาร์ทโฟนเลยนะ เพราะเป็นคนชอบถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ต่างๆ ชอบเก็บรูปภาพแบบให้ครบในบริเวณกว้างๆ ซึ่งบางรุ่นที่เคยเจอมาคือลั่นชัตเตอร์ปุ๊บ รูปที่ได้ออกมาคือ ภาพเบี้ยว, ภาพบีบจนรูปนั้นไม่สมมาตรเลย หรือบางทีถ่ายเก็บออกมาไม่ครบองค์ประกอบ ทั้งๆ ที่เราจัดองศาของภาพเรียบร้อยแล้วนะ (ร้องไห้ TT) แต่ realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ ที่สามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้ 119 องศา ซึ่งสามารถถ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงามและสามารถเก็บภาพได้ทุกองค์ประกอบที่เราอยากได้เลย

ทดสอบการถ่ายภาพด้วยเลนส์ Macro ถ่ายในระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร

ในเลนส์สุดท้ายคือเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ในปัจจุบันสมาร์ทโฟนทุกรุ่นล้วนมีเลนส์ Macro ยัดใส่เข้ามาให้แล้ว แน่นอนว่า เราก็ชอบเลนส์ Macro เช่นกัน สนุกทุกครั้งเมื่อใช้เลนส์นี้ บางคนอาจจะไม่มองข้ามหรือไม่เห็นถึงความสำคัญของเลนส์ Macro บนสมาร์ทโฟนเลย แต่สำหรับเราเองคิดว่าเลนส์ Macro นั้นก็สำคัญเหมือนกัน เพราะสำหรับคนที่ชอบถ่ายวัตถุของชิ้นเล็กๆ, แมลงต่างๆ หรือต้องการถ่ายภาพอะไรใกล้ๆ ซึ่งภาพที่ได้ออกมานั้นจะเห็นถึงรายละเอียดต่างๆ ของสิ่งของหรือวัตถุนั้นได้อย่างชัดเจน แต่การถ่ายนั้นมือต้องนิ่งมาก ไม่เช่นนั้น ภาพที่ได้ออกมาจะไม่ชัดเจน

และจากการทดสอบนั้น realme สามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดี ภาพที่ได้ออกมานั้นมีความชัดเจน, สวยงามและสีสันที่ได้ออกมานั้นก็ประทับใจเป็นอย่างมาก เอาเป็นว่า ใครที่ชอบเลนส์ Macro เหมือนกัน ก็ลองไปสัมผัส ลองไปทดลองกันได้นะคะ….รวมไปถึงการถ่ายวิดีโอบนสมาร์ทโฟนนั้นมีความละเอียดสูงสุด 1080P ที่ 30fps

ทดลองการถ่ายภาพในรุ่น Pro+ ในโหมด Street Photography Mode 2.0

เรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายในแนวสตรีทเป็นชีวิตจิตใจ ด้วย Street Photography 2.0 เพื่อให้การถ่ายภาพแนวสตรีทนั้นมีความลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมากที่สุด ด้วยการเปิดรับแสงนานอัจฉิรยะ มาพร้อมกับโหมดต่างๆ ที่มีให้เลือกทั้งหมด 4 โหมดด้วยกัน ซึ่งแต่ละโหมดจะถ่ายทอดความรู้สึกและถ่ายทอดอารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างกันกันไป ได้แก่

  • Rush Hour ช่วยให้เราโฟกัสวัตถุและเบลอสิ่งต่างๆ ที่ผ่านไปมาได้อย่างลงตัว
  • Neon Trail สำหรับคนที่ชื่นชอบถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ในยามค่ำคืน ที่มีแสงสาดไปมา
  • Light Trail ช่วยให้การถ่ายภาพวัตถุและโฟกัสแสงไฟที่สาดส่องผ่านไปมาได้อย่างสวยงาม
  • Light Painting สำหรับการถ่ายภาพเชิงสร้างสรรค์

กล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับ Beauty Mode ที่ผู้หญิงคนไหนก็ชอบ

เรียลมี 9 Pro และ เรียลมี 9 Pro+ มาพร้อมกับความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เหมือนกัน ไม่ว่าจะหยิบรุ่นไหนขึ้นมา ก็สามารถเซลฟี่ตัวเองหรือจะเป็นกลุ่มได้อย่างสวยงามเป็นอย่างมาก อีกทั้ง ยังรองรับโหมดการถ่ายภาพอย่าง Beauty Mode และสามารถเลือกฟิลเตอร์ตามที่เราต้องการ

นอกจากนี้ เมื่อเราเปิดโหมดใช้งาน Beauty Mode แล้ว รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก สามารถปรับแต่งใบหน้า, เสริมแต่งให้ใบหน้าเราสวยงาม มีความเนียนอมชมพูและขาวใสเป็นอย่างมาก สามารถกด save แล้ว Publish ลงโซเชียลได้เลย

แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานและรองรับชาร์จเร็ว

เรียลมี 9 Pro และ เรียลมี 9 Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ แต่มีความจุที่แตกต่างกันอยู่เล็กน้อย โดยรุ่น Pro มาพร้อมกับความจุที่ 5,000 mAh และรองรับชาร์จเร็ว Dart Charge ที่ 33 วัตต์ ส่วนรุ่น Pro+ มาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ที่ 4,500 mAh รองรับชาร์จเร็ว SuperDart Charge ที่ 60 วัตต์ สามารถชาร์จ 50% ภายในระยะเวลา 15 นาที ทั้งคู่ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ผ่านพอร์ต USB-C เพลิดเพลินกับการใช้งานบน เรียลมี 9 Pro และ เรียลมี 9 Pro ได้อย่างยาวๆ ทั้งวันกันไปเลย

ผลทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของ เรียลมี 9 Pro และ เรียลมี 9 Pro+ ด้วยแอปฯ Geekbench

เรียลมี 9 Pro Series ได้ทดสอบประสิทธิภาพโดย GeekBench 5 สำหรับรุ่น Pro คว้าคะแนนด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single core) ที่ 688 คะแนน ในขณะที่คะแนนด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi core) นั้นได้ 2041 คะแนน

ในขณะที่รุ่น Pro+ คว้าคะแนนด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single core) ที่ 810 คะแนน ในขณะที่คะแนนด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi core) นั้นได้ 2336 คะแนน

และเมื่อเราดูจากคะแนนของทั้ง 2 รุ่นแล้ว ถือว่าคะแนนที่ได้มาค่อนข้างสูง ซึ่งการสัมผัสของหน้าจอ, เล่นเกมและการใช้งานมีการตอบสนองที่รวดเร็วและลื่นติดมือในขณะที่ใช้งานโดยไม่ติดปัญหาอะไรหรือเกิดการกระตุกในขณะที่ใช้งาน

การใช้งาน GPS ระบบนำทาง จับสัญญาณดาวเทียมในที่กลางแจ้งได้เป็นอย่างดี

ณ ปัจจุบันหลายคนมักจะเปิด GPS ทุกครั้งเมื่อเดินทาง ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกลก็ตาม ถ้าเราไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย GPS เนี๊ยแหละจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากสำหรับคนขับหลังพวงมาลัยและจะเป็นเพื่อนร่วมทางในการบอกตำแหน่งต่างๆ บนท้องถนนได้ หลังจากจากที่ได้ทดลองใช้ระบบนำทางแล้ว realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ สามารถทำผลงานออกมาได้เป็นอย่างดีและมีความแม่นยำอยู่พอสมควร โดยระบบ GPS นั้นสามารถจับสัญญาณดาวเทียมในที่กลางแจ้งได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม คุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS นั้นก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ด้วยหรือสภาพอากาศนั่นเอง

realme 9 Pro
realme 9 Pro+

บทสรุปควรซื้อ เรียลมี 9 Pro และ เรียลมี 9 Pro+ หรือไม่??

สำหรับสมาร์ทโฟนมิดเรนจ์รุ่นใหม่อย่าง realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ ที่เพิ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศไทยสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ขายในราคาเริ่มต้น 8,999 บาท ความเห็นส่วนตัวหลังจากที่ตัวเครื่อง 2 รุ่น มาถึงมือ คือมีหลายอย่างที่ชอบไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ของตัวเครื่องที่มาพร้อมกับการดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ฝาหลังสามารถเปลี่ยนสีได้จากสีฟ้ากลายเป็นสีแดงอมชมพูที่ได้รับการออกแบบโดยใช้หลักการ Photochromic อีกทั้ง ตัวเครื่องที่บางและเบา สามารถถือจับได้อย่างสะดวกสบาย รวมถึงฝาหลังก็มีความโค้งมนก็สอดรับกับมือได้เป็นอย่างดี คิดว่าหลายคนอาจจะชอบสมาร์ทโฟนที่ไม่หนัก รักความเบา ถือใช้งานง่าย ไม่ใหญ่ให้เกิดความเทะทะ


เครื่อง realme 9 Pro
realme 9 Pro+

และสิ่งที่ไม่พูดไม่ได้เลยคือกล้องถ่ายภาพที่มาให้ครบๆ 3 เลนส์ (เลนส์หลัก + เลนส์ Ultra-wide + เลนส์ Macro) ด้วยกัน โดยทาง realme ได้ให้ความสำคัญและใส่ใจมากเป็นพิเศษ ต้องการให้ผู้ใช้นั้นสามารถถ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงามในระดับมือโปร พร้อมทั้งยัดฟีเจอร์ที่หลากหลายให้เราได้เลือกใช้อีกด้วยนะ

โดยเฉพาะในรุ่น Pro+ มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX766 ความละเอียด 50MP รูรับแสง f/1.8 และรองรับกันสั่นคู่ OIS+EIS ที่สามารถถ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงามและมีความคมชัด แถมยังมาพร้อมกับโหมด Street Photography Mode 2.0 ทั้งหมด 4 โหมด ที่ถ่ายทอดอารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างกันกันไป ส่วนในรุ่น Pro ถึงแม้ว่าจะไม่มีเซ็นเซอร์ IMX766 เหมือนกับรุ่น Pro+ แต่ความละเอียดของกล้องหลักอยู่ที่ 64MP รูรับแสง f/1.79 ก็สามารถถ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงามเหมือนกัน ไม่แพ้กับรุ่นพี่เลยนะ

นอกจากนี้ การใช้งานโดยรวมของทั้ง 2 รุ่น นั้นถือว่าทาง realme ทำออกมาได้ดีเลยนะ การสัมผัสหน้าจอที่ลื่นไหล ไม่ว่าเราจะทำงานบนสมาร์ทโฟน, เล่นเกมหรือจะดูหนัง-ซีรี่ส์บนสมาร์ทโฟนก็ตามแต่ ก็ยังไม่พบกับคำว่ากระตุกหรือเกิดความหน่วงแต่อย่างใด อีกทั้ง สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ตัวเครื่องก็ไม่เกิดความร้อนทำให้เราต้องหงุดหงิดใจ เพราะด้วยระบบระบายความร้อนอย่าง Liquid Cooling System และ Vapor Chamber Cooling System ที่อยู่ใน realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ ตามลำดับ

แถมแบตเตอรี่ที่ทาง realme ให้มาก็ไม่น้อยเลยนะ คือสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน (จากการทดลอง : เปิดเล่นโซเชียลเป็นบางเวลา, เล่นเกมบางครั้ง, เช็คอีเมล์เล็กน้อย, ฟังเพลงบ้างและดูหนังนานนับชั่วโมง)

แต่ถ้าหากใช้งานแบบไม่พักไม่ผ่อนเลย ก็ไม่ต้องกลัว ทาง realme เขามีแถมอะแดปเตอร์มาให้ในกล่องอยู่แล้ว สำหรับรุ่น Pro+ มาพร้อมกับอะแดปเตอร์ SuperDart Charge 60 วัตต์ ที่สามารถชาร์จเต็ม 50% ภายในระยะเวลา 15 นาที ส่วนรุ่น Pro ก็มาพร้อมกับที่ชาร์จเร็วเช่นกัน Dart Charge 33 วัตต์ เพียงชาร์จทิ้งไว้ไม่นาน ก็สามารถนำเครื่องกลับมาใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็ติดสมาร์ทโฟนกันทั้งนั้น เป็นสังคมก้มหน้ากันไปแล้ว การที่จะมีสมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่งเอาไว้ไปไหนมาไหนด้วยหรือจะเลือกสมาร์ทโฟนเป็นเครื่องหลักเอาไว้ใช้งานในชีวิตประจำวันก็ต้องเลือกที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับเรามากที่สุด อย่าง realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจ สามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ในราคาเริ่มต้นไม่ถึงหมื่นบาท เริ่มต้นเพียง 8,999 บาท อีกทั้ง ใครที่สั่งซื้อบนช่องทางออนไลน์รับโปรโมชั่นพิเศษลดราคาเครื่องไปอีก….สามารถซื้อได้ในราคาเริ่มต้นที่ 8,499 บาท คือถูกไปอีก!!! ยังไงก็ลองตัดสินใจและเข้าไปทดลองเครื่องกันได้ที่ร้านค้า realme หรือร้านค้าขายปลีกที่วางขาย realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ นะคะ สำหรับวันนี้ขอตัวไปก่อน พบกันใหม่ครั้งหน้า…เดากันว่าครั้งหน้าทีมงาน StepGeek.TV จะนำรุ่นไหนมารีวิวกันอีก อย่าพลาดนะ…สวัสดีค่ะ!!!

ราคาขาย realme 9 Pro และ realme 9 Pro+

  • realme 9 Pro (รุ่น 6GB + 128GB) ราคาขาย 8,999 บาท
  • realme 9 Pro (รุ่น 8GB + 128GB) ราคาขาย 9,999 บาท
  • realme 9 Pro+ (รุ่น 8GB + 256GB) ราคาขาย 12,999 บาท

โปรโมชั่นสำหรับใครที่สั่งซื้อที่ช่องทางออนไลน์

  • ราคา Early bird รอบพิเศษ 3 รุ่น
    • realme 9 Pro (รุ่น 6GB + 128GB) กับการจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะบน Lazada เท่านั้น เหลือเพียง 8,499 บาท (จากราคาปกติ 8,999 บาท) เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 – 5 มีนาคมนี้
    • realme 9 Pro (รุ่น 8GB + 128GB) เหลือเพียง 9,499 บาท (จากราคาปกติ 9,999 บาท) สำหรับคนที่สั่งซื้อผ่านช่องทาง Lazada เท่านั้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 – 11 มีนาคมนี้
    • realme 9 Pro+ (รุ่น 8GB + 256GB) เหลือเพียง 12,499 บาท (จากราคาปกติ 12,999 บาท) สำหรับคนที่สั่งซื้อผ่านช่องทาง JD Central เท่านั้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 – 11 มีนาคมนี้

โปรโมชั่นสำหรับ realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

  • Pre-order realme 9 Pro Series ตั้งแต่วันที่ 1 – 11 มีนาคมนี้ จะได้รับของสัมนาคุณ รวมทั้งสิ้นมูลค่า 6,000 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
    • เป็นเชต realmeow Special Gift
    • realme smart scale
    • ประกันหน้าจอแตกตลอด 1 ปี
    • ผ่อน 0% นานถึง 6 เดือน

นำเสนอข่าวโดย : StepGeek
ที่มา : realme

Tags: mobilerealme 9 Prorealme 9 Pro+Smartphoneมือถือรีวิว realme 9 Proรีวิว realme 9 Pro+สมาร์ทโฟนเรียลมี
ShareTweetShare
Admin G

Admin G

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ

คาดเปิดตัว realme GT Neo3 ที่มีทั้งหมด 2 รุ่น มาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ 4,500 mAh และ 5,000 mAh
ข่าว

คาดเปิดตัว realme GT Neo3 ที่มีทั้งหมด 2 รุ่น มาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ 4,500 mAh และ 5,000 mAh

มีนาคม 2, 2022
9
realme เปิดตัว realme 9 Pro Series มิติใหม่กับครั้งแรกของกล้องแฟล็กชิปในสมาร์ตโฟน Mid-range
ข่าวประชาสัมพันธ์

realme เปิดตัว realme 9 Pro Series มิติใหม่กับครั้งแรกของกล้องแฟล็กชิปในสมาร์ตโฟน Mid-range

มีนาคม 1, 2022
3
เผยสเปก พร้อมภาพตัวเครื่อง Redmi K50 Pro ที่มีความแตกต่างไปจากรุ่น Redmi K50 Gaming Edition
ข่าว

เผยสเปก พร้อมภาพตัวเครื่อง Redmi K50 Pro ที่มีความแตกต่างไปจากรุ่น Redmi K50 Gaming Edition

มีนาคม 1, 2022
15
Please login to join discussion

พรีวิว รีวิวมือถือ อุปกรณ์ไอที

รีวิว realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ หน้าจอใหญ่ จอรีเฟรชเรทสูง แบตใหญ่ กล้องยัดเซ็นเซอร์ IMX766 และตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ราคาเริ่มต้นที่ 8,999 บาท
รีวิว

รีวิว realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ หน้าจอใหญ่ จอรีเฟรชเรทสูง แบตใหญ่ กล้องยัดเซ็นเซอร์ IMX766 และตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ราคาเริ่มต้นที่ 8,999 บาท

by Admin G
มีนาคม 3, 2022
1
รีวิว Samsung Galaxy S21 FE 5G เน้นถ่ายเซลฟี่และบอดี้บางเบา ราคาเริ่มต้น 22,900 บาท
รีวิว

รีวิว Samsung Galaxy S21 FE 5G เน้นถ่ายเซลฟี่และบอดี้บางเบา ราคาเริ่มต้น 22,900 บาท

by Admin G
มกราคม 12, 2022
114
รีวิว realme 9i ดีไซน์ทรง “Stereo Prism Design” ยัดชิป Snapdragon 680, แบตขนาดใหญ่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33 วัตต์และใส่ลำโพงคู่รองรับ Hi-Res ขายในราคาต่ำกว่าหมื่นบาท
รีวิว

รีวิว realme 9i ดีไซน์ทรง “Stereo Prism Design” ยัดชิป Snapdragon 680, แบตขนาดใหญ่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33 วัตต์และใส่ลำโพงคู่รองรับ Hi-Res ขายในราคาต่ำกว่าหมื่นบาท

by Admin G
มกราคม 11, 2022
60
รีวิว realme narzo 50i สมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก แต่ที่ให้ไม่เล็กเลยทั้งแบต 5,000 mAh และขนาดจอ 6.5 นิ้ว ดีไซน์ตัวเครื่องบางเฉียบ ขายในราคา 3,999 บาท
รีวิว

รีวิว realme narzo 50i สมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก แต่ที่ให้ไม่เล็กเลยทั้งแบต 5,000 mAh และขนาดจอ 6.5 นิ้ว ดีไซน์ตัวเครื่องบางเฉียบ ขายในราคา 3,999 บาท

by Admin G
พฤศจิกายน 12, 2021
96
รีวิว realme GT Neo2 5G ขึ้นชื่อเป็นสุดยอด Flagship Killer รุ่นใหม่ มาพร้อมจอ E4 AMOLED 120Hz, ยัดชิป SD870 5G, ลำโพงสเตอริโอคู่ดังกระหึ่มและแบต 5,000 mAh สามารถใช้งานได้ทั้งวัน ราคา 13,990 บาท
รีวิว

รีวิว realme GT Neo2 5G ขึ้นชื่อเป็นสุดยอด Flagship Killer รุ่นใหม่ มาพร้อมจอ E4 AMOLED 120Hz, ยัดชิป SD870 5G, ลำโพงสเตอริโอคู่ดังกระหึ่มและแบต 5,000 mAh สามารถใช้งานได้ทั้งวัน ราคา 13,990 บาท

by Admin G
พฤศจิกายน 10, 2021
103

ติดต่อเรา

www.stepgeek.net
Email : [email protected]

บทความล่าสุด

รีวิว realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ หน้าจอใหญ่ จอรีเฟรชเรทสูง แบตใหญ่ กล้องยัดเซ็นเซอร์ IMX766 และตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ราคาเริ่มต้นที่ 8,999 บาท

รีวิว realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ หน้าจอใหญ่ จอรีเฟรชเรทสูง แบตใหญ่ กล้องยัดเซ็นเซอร์ IMX766 และตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ราคาเริ่มต้นที่ 8,999 บาท

มีนาคม 3, 2022
คาดเปิดตัว realme GT Neo3 ที่มีทั้งหมด 2 รุ่น มาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ 4,500 mAh และ 5,000 mAh

คาดเปิดตัว realme GT Neo3 ที่มีทั้งหมด 2 รุ่น มาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ 4,500 mAh และ 5,000 mAh

มีนาคม 2, 2022
realme เปิดตัว realme 9 Pro Series มิติใหม่กับครั้งแรกของกล้องแฟล็กชิปในสมาร์ตโฟน Mid-range

realme เปิดตัว realme 9 Pro Series มิติใหม่กับครั้งแรกของกล้องแฟล็กชิปในสมาร์ตโฟน Mid-range

มีนาคม 1, 2022

หมวดหมู่

  • Freebies
  • StepGeekTV Online
  • Tips & Tricks
  • ข่าว
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
  • ข่าวโปรโมชั่น
  • บทความ
  • พรีวิว
  • รีวิว
  • เกม
  • แอปพลิเคชัน
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่องาน StepGeek

© 2019 StepGeek

No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • ข่าว
  • รีวิว
  • พรีวิว
  • บทความ
  • Tips & Tricks
  • ดูวิดีโอ StepGeek

© 2019 StepGeek

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In

Add New Playlist

This website uses cookies. By continuing to use this website you are giving consent to cookies being used. Visit our Privacy and Cookie Policy.