สวัสดีครับ สำหรับ OPPO R17 Pro นั้นถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นต่อยอดในตระกูล R-series รุ่นล่าสุดจากแบรนด์ OPPO ซึ่งได้มีการปรับปรุง และพัฒนาในหลายๆ ด้าน เริ่มตั้งแต่ ดีไซน์ที่มีความสวยงามมากขึ้น, หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่, มาพร้อมกล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ Trip;e-Camera, ใช้ชิแเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง Snapdragon 710, มีหน่วยความจำแรมสูงถึง 8 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 128 GB และแบตเตอรี่ 3700 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยี Super VOOC Flash Charge รุ่นแรกในสมาร์ทโฟนระดับกลาง เรียกได้ว่า จัดเต็มมาให้ทุกด้านเลยทีเดียวสำหรับ OPPO R17 Pro ซึ่งในวันนี้ทางทีมงาน StepGeekTV จะพาทุกท่านไปร่วมทดสอบสมาร์ทโฟนรุ่นนี้พร้อมๆ กันว่า จะโดดเด่นในเรื่องอะไรกันบ้าง มีฟีเจอร์ให้ใช้งานหลากหลายขนาดไหน กล้องถ่ายภาพคมชัดสมค่ำร่ำลือหรือไม่ ขอเชิญทุกท่านไปรับชมรีวิว OPPO R17 Pro ได้เลยครับ
ดีไซน์ ตัวเครื่อง และการออกแบบ
OPPO R17 Pro มาในแพ็กเกจสีน้ำเงิน พร้อมโลโก้ที่มีการลงสีคล้ายกับสี Radiant Mist
ซึ่งภายในแพ็กเกจก็มีอปุกรณ์ให้ใช้งานอย่างครบครัน
มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Waterdrop AMOLED ความละเอียด 2340×1080 พิกเซล บนอัตราส่วน 19.5:9 ขนาด 6.4 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass 6 โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 157.6×74.6×7.9 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 183 กรัม อีกทั้งยังมีมีพื้นที่การแสดงผลมากถึง 91.5% เลยทีเดียว
นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังอยู่ใต้หน้าจอแสดงผลอีกด้วย
ด้านหน้าส่วนบนมีกล้องดิจิทัลความละเอียด 25 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสง F/2.0 พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI, ลำโพงเสียงภายนอก และเซ็นเซอร์ต่างๆ
ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบ On Screen ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ
ด้านบนของเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน
ด้านล่างของเครื่องมีลำโพงเสียงภายนอก, ไมโครโฟน, ถาดสำหรับใส่ซิมการ์ด และช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับโอนถ่ายข้อมูล และชาร์จแบตเตอรี่
ด้านขวามีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ
ด้านซ้ายของเครื่องมีปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง
ด้านหลังของเครื่องมีกล้องดิจิทัลแบบ 3 เลนส์ ซึ่งประกอบไปด้วยเลนส์ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งปรับค่ารูรับแสงได้ 2 ขนาด F/1.5 กับ F/2.4 เลนส์ตัวที่สองความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสง F/2.6 ซึ่งใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX576 ขนาด 1/2.55 นิ้ว ที่มีเม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน, ระบบโฟกัสภาพแบบ Dual Pixel, มีระบบกันสั่นแบบ OIS, โครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์ นอกจากนี้ ยังมีซอฟแวร์ช่วยให้ถ่ายภสพได้ความละเอียดสูงสุดที่ 24 ล้านพิกเซล และเลนส์ที่สามแบบ TOF 3D Camera สำหรับถ่ายภาพแบบสามมิติ และไฟแฟลชแบบ Dual-LED นอกจากนี้ กล้องดิจิทัลด้านหลังยังรองรับเทคโนโลยี AI Ultra-Clear ที่มีการปรับปรุง และพัฒนาขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะช่วยวิเคราะห์ภาพถ่ายพร้อมปรับค่าต่างๆ ให้เหมาะสมมากที่สุด รวมถึงภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อยด้วยเช่นกัน
โดยตัวเครื่องของ OPPO R17 Pro ซึ่งมีดีไซน์แบบไล่เฉดสีจากทั้งสองข้างมาบรรจบกันเป็นรูปตัว S โดยมีให้เลือก 2 ได้แก่ Radiant Mist กับ Emerald Green นอกจากนี้ ยังมีแบตเตอรี่ขนาด 3700 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยี Super VOOC Flash Charge ซึ่งชาร์จ 10 นาทีจะได้แบตเตอรี่มากถึง 40% เลยทีเดียว และสามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ได้ภายในเวลา 35 นาที เท่านั้น
เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์
OPPO R17 Pro ขับเคลื่อนการทำงานระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 5.2 (Android Oreo) พร้อมรองรับการใช้งานได้ได้ 2 ซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC ได้
มีหน่วยความจำแรมขนาด 8 GB กับหน่วยความจำภายในขนาด 128 GB
สามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมกสรีนได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น กานนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน, การเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้าจอ, การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ และการเปลี่ยนธีม
มีบริการจากทาง Google ให้ใช้งานอย่างครบครันฟังก์ชันโทรศัพท์ก็มีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งเข้าดูรายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้ทันที
มีแอปพลิเคชันสำหรับจัดการส่วนต่างๆ ภายในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น การเคลียร์หน่วยความจำแรม หรือการสแกนไวรัส
ฟังก์ชันโทรศัพท์ก็สามารถใช้งานได้ง่าย
สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน พร้อมทั้งสามารถเปิดโหมดถนอมสายคาด้วยการลดแสงสีฟ้าได้ด้วยเช่นกัน
ทางด้านเว็บเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตก็สามารถแสดงเนื้อหาได้ครบถ้วน อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้อย่างไหลลื่น
มีโหมดประหยัดพลังงานให้ใช้งาน
สำหรับระบบความปลอดภัยภายในเครื่องก็มีให้ใช้งานทั้งระบบสแกนใบหน้า กับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
สามารถปรับเปลี่ยนปุ่มการสั่งงานได้ 2 แบบ พร้อมเปลี่ยนจากปุ่มสั่งงานเป็นการลากนิ้วเพื่อสั่งงานก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถเรีบกลูกบอลช่วยเหลือสำหรับสั่งงาน หรือเรียกใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ได้
OPPO R17 Pro รองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้ ไม่ว่าจะเป็น เช่น ดับเบิ้ลคลิกที่หน้าจอแสดงผล เพื่อปลุกการทำงานของเครื่อง, วาดตัวอักษร O เพื่อเรียกใช้งานกล้องถ่ายภาพ และสามารถกำหนดรูปแบบการวาดตัวอักษรอื่นๆ เพื่อเรียกใช้งานฟังก์ชันที่ต้องการได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเปิด-ปิด การใช้งานฟังก์ชันอื่นๆ ได้อีกหลายแบบ ได้แก่ ใช้ 3 นิ้วเลื่อนลงเพื่อถ่ายภาพหน้าจอ, รับสายอัตโนมัติเมื่อโทรศัพท์แนบหู หรือคว่ำโทรศัพท์เพื่อปิดเสียงเรียกเข้า
และแน่นอนว่า OPPO R17 Pro ก็รองรับฟีเจอร์ใหม่อย่าง Game Space ซึ่งเป็นการนำเกมทั้งหมดมาไว้ที่เดียวกัน เพื่อให้สะดวกต่อการเล่นเกม อีกทั้งยังสามารถล็อกความสว่างของหน้าจอให้อยู่ในระดับที่ต้องการขณะเล่นเกม หรือปิดกั้นการแจ้งเตือนขณะเล่นเกม และแน่นอนว่าสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Hold of distraction (ห้ามรบกวน) สำหรับรับสายโดยไม่สลับหน้าจอไปหน้าฟังก์ชันโทรศัพท์ในขณะเล่นเกม อีกทั้งยังสามารถพูดคุยกับสายเรียกเข้าได้ทันทีขณะที่เล่นเกมอีกด้วย
อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันการเร่งความเร็วฮาร์ดแวร์ให้ทำงานประสิทธิภาพสูงสุดได้ เพื่อให้เล่นเกมได้อย่างไหลลื่น อีกทั้งยังสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้เกมใด หรือแอปพลิเคชันไหนในการเร่งความเร็วของฮาร์ดแวร์ได้ ซึ่งจากการทดสอบด้วยการเล่นเกม PUBG Mobile ก็สามารถเล่นได้อย่างไม่มีอาการหน่วง
ไม่เพียงเท่านั้น OPPO R17 Pro ยังมีฟีเจอร์ Full Screen Multitasking ซึ่งสามารถตอบ หรือส่งข้อความได้ทันทีโดยไม่ต้องออกจากเกม
สามารถเปิดเล่นวิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น
OPPO R17 Pro ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 710, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 616, หน่วยความจำแรมขนาด 8 GB และหน่วยความจำรอมขนาด 128 GB
มีเซ็นเซอร์ต่างๆ ให้ใช้งานอย่างครบครัน
ผลทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark นั้นได้คะแนนอยู่ที่ 165618 คะแนน สำหรับการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน Geekbench 4 จะได้ 1860 คะแนน (Sinlge-Core) กับ 5994 คะแนน (Multi-Core)
กล้องดิจิทัลถ่ายภาพ และถ่ายวิดีโอ
สำหรับกล้องถ่ายภาพด้านหลังของ OPPO R17 Pro นั้นได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งรองรับรองรับเทคโนโลยี AI Ultra-Clear โดยสามารถแยกแยะวัตถุได้ โดย Interface กล้องถ่ายภาพด้านหลังของ OPPO R17 Pro ก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย มีการแสดงไอคอนฟังก์ชันเอาไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที เช่น ฟังก์ชัน HDR หรือ การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ นอกจากนี้ ยังมีโหมด่ถายภาพให้เลือกใช้งานหลายแบบ เช่น โหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพ Portrait, โหมดถ่ายภาพ AR Sticker, โหมดพาโนราม่า และโหมดถ่ายภาพโปร
สำหรับโหมดถ่ายภาพ Portrait ก็มีสภาพแสงให้ดลือกใช้งานหลายแบบ นอกจากนี้ OPPO R17 Pro ยังมีความสามารถในเรื่องของการถ่ายภาพกลางคืน โดยมีโหมด Ultra Night Mode ให้ใช้งาน ซึ่งผู้ใช้สามารถหยิบเครื่องขึ้นมาถ่ายภาพได้ทันที บอกได้เลยว่าสะดวกสบายเป็นอย่างมาก
กล้องถ่ายภาพด้านหลังสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ 4K Ultra HD
สำหรับกล้องถ่ายภาพด้านหน้าก็มีการแสดงไอคอนฟังก์ชันเอาไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที เช่น ฟังก์ชัน HDR หรือการตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ นอกจากนี้ ยังมีโหมด่ถายภาพให้เลือกใช้งานหลายแบบ เช่น โหมดถ่ายภาพเซลฟ่โบเก้
ซึ่งโหมดถ่ายภาพหน้าสวยของกล้องดิจิทัลด้านจะทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI Beauty โดยเลือกปรับค่าได้หลายระดับ
มีฟังก์ชัน AR Sticker กับเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพก็มีให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ
สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p) แต่หากถ่ายวิดีโอร่วมกับการปรับค่าผิวเนียนจะถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ HD (720p)
และสามารถตั้งค่าการใช้งานส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกหลายอย่างด้วย เช่น เปิดใช้งานตาราง 9 ช่อง, เสียงชัตเตอร์ หรีอการใส่ลายน้ำบนภาพถ่าย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้า
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
รีวิว OPPO R17 Pro ดีไหม ? กับ 24,990 บาท
[PR] OPPO R17 Pro ลด 13000 บาท เพียงซื้อผ่าน DTAC
สรุปผลการทดสอบของ OPPO R17 Pro
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับการรีวิว OPPO R17 Pro สมาร์ทโฟน R-Series รุ่นต่อยอดใหม่ล่าสุด ซึ่งจากการทดสอบที่ผ่านมาต้องบอกเลย OPPO R17 Pro ถือเป็นสมาร์ทโฟนครบเครื่องรุ่นนึงเลยก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่ การออกแบบดีไซน์ ที่ทาง OPPO มีการปรับปรุง และพัฒนาให้ดีขึ้น ซึ่งมีการไล่เฉดสีทั้งสองข้างเข้ามาบรรจบกันเป็นรูปตัวอักษร S บอกได้เลยว่า มีความสวยงามเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ตรงขอบด้านหลังยังมีความโค้งมนเข้ารูปกับอุ้งมือ ช่วยให้สามารถจับ หรือถือใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
นอกจากจะมีความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบดีไซน์แล้วทางด้านกล้องถ่ายภาพก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะกล้องดิจิทัลด้านหลังที่สามารถถ่ายภาพออกมาได้คมชัดสีสันสดใสอย่างน่าประทับใจ อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี AI Ultra-Clear เข้ามาช่วย จึงทำให้สามารถถ่ายภาพได้ง่าย สะดวก เนื่องจาก AI จะทำการปรับค่าต่างๆ ให้แบบอัตโนมัติเพื่อให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพสถานการณ์นั้นๆ มากที่สุด และด้วยความที่มีระบบโฟกัสภาพแบบ Dual Pixel ทำให้สามารถโฟกัสภาพ หรือวัตถุได้รวดเร็วทันใจ อีกหนึ่งความสามารถของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้คือ สามารถถ่ายภาพตอนกลางคืนได้ดีผ่านโหมดถ่ายภาพ Ultra Night Mode ซึ่งจะเห็นได้จากภาพตัวอย่างด้านบนที่ผ่านมาที่มีความคมชัด สามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน บอกได้เลยว่า OPPO R17 Pro จะทำให้ผู้ใช้พบกับประสบการณ์ใหม่ในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยผ่านเลนส์กล้องบนมือถือเครื่องนี้อย่างแน่นอน
OPPO R17 Pro ยังมีฟีเจอร์เด่นที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายต่อการใช้งานที่หลายหลาย ไม่ว่าจะเป็น สแกนนิ้วใต้หน้าจอแสดงผล, ระบบสแกนใบหน้า, ฟีเจอร์ Full Screen Multitasking, โหมดถนอมสายตาด้วยการลดแสงสีฟ้า, การแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน, โหมดประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ และรองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้ เรียกได้ว่า ฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานต่างๆ ได้สะดวกสบายมากขึ้นอย่างแน่นอน
ทางด้านสเปกเครื่องของ OPPO R17 Pro ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มตั้งแต่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 710, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 616, หน่วยความจำแรมขนาด 8 GB และหน่วยความจำรอมขนาด 128 GB ซึ่งจากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติ ก็พบว่า OPPO R17 Pro สามารถเล่นเกมได้อย่างไหลลื่น และด้วยคสวามที่มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ บวกกับแบตเตอรี่ความจุมากถึง 3700 mAh จึงทให้สามารถเล่นเกมได้อย่างเต็มตาต่อเนื่องยาวๆ ได้แบบสบายๆ นอกจากนี้ ตัวแบตเตอรี่รองรับเทคโนโลยี Super VOOC Flash Charge ซึ่งในกรณีที่แบตเตอรี่ใกล้จะหมดผู้ใช้ก็สามารถชาร์จเพียง 10 นาที ก็ได้แบตเตอรี่มากถึง 40% เลยทีเดียว บอกได้เลยว่า ตัดปัญหาเรื่องแบตเตอรี่จะไม่เพียงพอต่อการใช้งานไปได้เลย
และจากทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาก็พอที่จะสรุปได้ว่า OPPO R17 Pro ถือเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางอีกหนึ่งรุ่นที่จัดเต็มในทุกๆ ด้าน สามารถใช้งานต่างๆ ได้อย่างครบครัน โดย OPPO R17 Pro จะวางจำหน่ายในราคา 24,990 บาท โดยจะเปิดจองในวันที่ 17-30 พฤศจิกายน 2561 และผู้ที่สั่งจองรับฟรี OPPO VIP Card ประกันหน้าจอ กับ OPPO Tripod รวมมูลค่า 9,200 บาท สามารถสั่งจองได้ที่ OPPO Brand Shop หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และจะขายจริงในวันวันที่ ๅ ธันวาคม เป็นต้นไป นอกจากนี้ OPPO ยังสามารถจองผ่านเครือข่ายทั้ง TrueMove H, AIS ได้ในราคาพิเศษเพียง 9,990 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของแต่ละเครือข่าย) สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
