สวัสดีครับ ทางด้าน OPPO F11 Pro ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยไปเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พร้อมชูจุดเด่นหลายเรื่องด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบดีไซน์ใหม่หมดจด, กล้องดิจิทัลด้านหลังหลัง 48+5 ล้านพิกเซล, กล้องดิจิทัลด้านหน้า 16 ล้านพิกเซล, หน้าจอแสดงผลได้มากถึง 90.90%, รองรับเทคโนโลยี Hyper Boost สำหรับรีดเร้นศักยภาพฮาร์ดแวร์ และมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยี VOOC Flash Charge 3.0 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด เรียกได้ว่า จัดเต็มมาให้แบบไม่มีกั๊กกันเลยทีเดียว โดยในวันนี้ทางทีมงาน StepGeek.TV จะพาทุกท่านไปรับชมรีวิว OPPO F11 Pro กันแบบเจาะลึกด้านต่างๆ หากทุกท่านพร้อมกันแล้ว ไปชมกันได้เลยครับ
สเปกเครื่องแบบคร่าวๆ ของ OPPO F11 Pro
– ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Glossy ที่มีความเงางามเป็นพิเศษ
– หน้าจอแสดงผลแบบ LTPS TFT Panoramic Screen ความละเอียด 2340×1080 พิกเซล ในอัตราส่วน 19.5:9 บนขนาด 6.5 นิ้ว ทำให้มีพื้นที่การแสดงผลมากถึง 90.90%
– ใชชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek Helio P70 พร้อมรองรับเทคโนโลยี Hyper Boost สำหรับรีดเร้นศักยภาพตัวเครื่องให้ทำงานประสิทธิภาพสูงสุด
– หน่วยความจำแรมขนาด 6 GB
– หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB
– ใช้ระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 9.0 Pie พร้อมครอบทับด้วย ColorOS เวอร์ชัน 6.0
– กล้องดิจิทัลด้านหน้าเป็นแบบ Rising ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/3.1 นิ้ว ที่มีเม็ดพิกเซลขนาด 1 ไมครอน พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.0, รองรับเทคโนโลยี A.I. Beauty
– กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) โดยกล้องตัวแรกมีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/2.25 นิ้ว ที่มีเม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.79 ส่วนกล้องตัวที่สองมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/5 นิ้ว ที่มีเม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.4 นอกจากนี้ กล้องดิจิทัลด้านหลังยังใช้โครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์, รองรับระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF, รองรับเทคโนโลยี Ball-bearing Closed-loop VCM ช่วยขยับกล้องให้ตรงกับวัตถุโฟกัส เพื่อให้โฟกัสได้รวดเร็ว และโฟกัสแม่นยำมากยิ่งขึ้น, รองรับเทคโนโลยี AI Scene กับ AI Ultra-Clear Engine, รองรับโหมดถ่ายภาพ Portrait, รองรับโหมดถ่ายภาพกลางคืน (Ultra Night Mode) และมีไฟแฟลช LED
– รองรับระบบสแกนใบหน้า กับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– แบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูง (VOOC Flash Charge 3.0) ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วกว่าเดิมถึง 20% และสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็ม 100% ภายในเวลา 80 นาที
รีวิว OPPO F11 Pro
OPPO F11 Pro มาในแพ็กเกจสีขาว พร้อมอุปกรณ์พื้นที่สำหรับใช้งานอย่างครบครัน เช่น คู่มือการใช้งาน หรือเคสใส
OPPO F11 Pro มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ LTPS TFT Panoramic Screen ความละเอียด 2340×1080 พิกเซล ในอัตราส่วน 19.5:9 บนขนาด 6.5 นิ้ว ทำให้มีพื้นที่การแสดงผลมากถึง 90.90% ซึ่งมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 161.3×76.1×8.8 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 190 กรัม
ด้านหน้าส่วนบนลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, และเซ็นเซอร์ต่างๆ
ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบ On Screen ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps
ด้านบนของเครื่องมีกล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบ Rising Camera ที่เลื่อนขึ้น-ลง เพื่อเก็บเข้าไปในตัวเครื่องได้ โดยความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/3.1 นิ้ว ที่มีเม็ดพิกเซลขนาด 1 ไมครอน พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.0, รองรับเทคโนโลยี A.I. Beauty และไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะบันทึกเสียง หรือบันทึกวิดีโอ
ด้านล่างของเครื่องมีช่องเชื่อมต่อกับหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร. ไมโครโฟน, ช่องเชื่อมต่อกับสาย microUSB และลำโพงเสียงำายนอก
ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และถาดใส่ซิมการ์ด
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง
ด้านหลังของเครื่องมีกล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) โดยกล้องตัวแรกมีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/2.25 นิ้ว ที่มีเม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.79 ส่วนกล้องตัวที่สองมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/5 นิ้ว ที่มีเม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.4 นอกจากนี้ กล้องดิจิทัลด้านหลังยังใช้โครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์, รองรับระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF, รองรับเทคโนโลยี Ball-bearing Closed-loop VCM ช่วยขยับกล้องให้ตรงกับวัตถุโฟกัส เพื่อให้โฟกัสได้รวดเร็ว และโฟกัสแม่นยำมากยิ่งขึ้น, รองรับเทคโนโลยี AI Scene กับ AI Ultra-Clear Engine, รองรับโหมดถ่ายภาพ Portrait, รองรับโหมดถ่ายภาพกลางคืน (Ultra Night Mode) และมีไฟแฟลช LED
นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีแบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูง (VOOC Flash Charge 3.0)
เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์
OPPO F11 Pro ขับเคลื่อนการทำงานระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 6.0 (Android Pie) พร้อมรองรับการใช้งานได้ได้ 2 ซิมการ์ด
มีหน่วยความจำแรมขนาด 6 GB กับหน่วยความจำภายในขนาด 64 GB
สามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมกสรีนได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น กานนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน, การเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้าจอ, การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ และการเปลี่ยนธีม
มีบริการจากทาง Google ให้ใช้งานอย่างครบครันฟังก์ชันโทรศัพท์ก็มีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งเข้าดูรายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้ทันที
มีแอปพลิเคชันสำหรับจัดการส่วนต่างๆ ภายในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น การเคลียร์หน่วยความจำแรม หรือการสแกนไวรัส
ฟังก์ชันโทรศัพท์ก็สามารถใช้งานได้ง่าย
สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน พร้อมทั้งสามารถเปิดโหมดถนอมสายคาด้วยการลดแสงสีฟ้าได้ด้วยเช่นกัน
ทางด้านเว็บเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตก็สามารถแสดงเนื้อหาได้ครบถ้วน อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้อย่างไหลลื่น
มีโหมดประหยัดพลังงานให้ใช้งาน
สำหรับระบบความปลอดภัยภายในเครื่องก็มีให้ใช้งานทั้งระบบสแกนใบหน้า กับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
สามารถปรับเปลี่ยนปุ่มการสั่งงานได้ 2 แบบ พร้อมเปลี่ยนจากปุ่มสั่งงานเป็นการลากนิ้วเพื่อสั่งงานก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถเรีบกลูกบอลช่วยเหลือสำหรับสั่งงาน หรือเรียกใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ได้
OPPO F11 Pro รองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้ ไม่ว่าจะเป็น เช่น ดับเบิ้ลคลิกที่หน้าจอแสดงผล เพื่อปลุกการทำงานของเครื่อง, วาดตัวอักษร O เพื่อเรียกใช้งานกล้องถ่ายภาพ และสามารถกำหนดรูปแบบการวาดตัวอักษรอื่นๆ เพื่อเรียกใช้งานฟังก์ชันที่ต้องการได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเปิด-ปิด การใช้งานฟังก์ชันอื่นๆ ได้อีกหลายแบบ ได้แก่ ใช้ 3 นิ้วเลื่อนลงเพื่อถ่ายภาพหน้าจอ, รับสายอัตโนมัติเมื่อโทรศัพท์แนบหู หรือคว่ำโทรศัพท์เพื่อปิดเสียงเรียกเข้า
และแน่นอนว่า OPPO F11 Pro ก็รองรับฟีเจอร์ใหม่อย่าง Game Space ซึ่งเป็นการนำเกมทั้งหมดมาไว้ที่เดียวกัน เพื่อให้สะดวกต่อการเล่นเกม อีกทั้งยังสามารถล็อกความสว่างของหน้าจอให้อยู่ในระดับที่ต้องการขณะเล่นเกม หรือปิดกั้นการแจ้งเตือนขณะเล่นเกม และแน่นอนว่าสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Hold of distraction (ห้ามรบกวน) สำหรับรับสายโดยไม่สลับหน้าจอไปหน้าฟังก์ชันโทรศัพท์ในขณะเล่นเกม อีกทั้งยังสามารถพูดคุยกับสายเรียกเข้าได้ทันทีขณะที่เล่นเกมอีกด้วย
อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน เทคโนโลยี Hyper Boost สำหรับเร่งความเร็วฮาร์ดแวร์ให้ทำงานประสิทธิภาพสูงสุดได้ เพื่อให้เล่นเกมได้อย่างไหลลื่น อีกทั้งยังสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้เกมใด หรือแอปพลิเคชันไหนในการเร่งความเร็วของฮาร์ดแวร์ได้ ซึ่งจากการทดสอบด้วยการเล่นเกม PUBG Mobile ก็สามารถเล่นได้อย่างไม่มีอาการหน่วง
ไม่เพียงเท่านั้น OPPO F11 Pro ยังมีฟีเจอร์ Full Screen Multitasking ซึ่งสามารถตอบ หรือส่งข้อความได้ทันทีโดยไม่ต้องออกจากเกม
สามารถเปิดเล่นวิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น
OPPO F11 Pro ใช้ชิปเซ็ต Helio P70, หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G72 MP3, หน่วยความจำแรมขนาด 6 GB และหน่วยความจำรอมขนาด 64 GB
ผลทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark นั้นได้คะแนนอยู่ที่ 149693 คะแนน สำหรับการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน Geekbench 4 จะได้ 1578 คะแนน (Sinlge-Core) กับ 6011 คะแนน (Multi-Core)
ฟีเจอร์กล้อง และโหมดถ่ายภาพ
สำหรับ Interface กล้องถ่ายภาพก็มีหน้าตอที่สามารถใช้งานได้ง่าย มีไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ให้เลือกใช้งานได้ทันที
รองรับฟังก์ชัน Dazzle Mode ในการเร่งสีสันให้จัดจ้านมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังมีเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพให้ใช้งานหลากหลาย
โหมดถ่ายภาพหน้าสวยสามารถปรับค่าผิวเนียนได้ 100 ระดับ และมีโหมดถ่ายภาพ Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้อีกด้วย
นอกจากนี้ กล้องดิจิทัลด้านหลังยังมีโหมดถ่ายภาพกลางคืนให้ใช้งาน
สำหรับกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียว สำหรับโหมดถ่ายภาพหน้าสวยนั้นจะปรับค่าต่างๆ ได้มากกว่ากล้องดิจิทัลด้านหลัง โดยสามารถปรับได้ทั้งใบหน้าเรียว หรือบีบคาง นอกจากนี้ยังมีโหมดถ่ายภาพอื่นๆ ให้ใช้งาน เช่น พาโนราม่า
มีเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพให้ใช้งานหลากหลาย
ทางด้านโหมดถ่ายภาพวิดีโอจะสามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ทั้งกล้องดิจิทัลด้านหน้า กับด้านหลัง
และสามารถตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ ได้อีกหลายส่วนด้วยกัน
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจบน OPPO F11 Pro
OPPO F11 Pro มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Panoramic Screen ความละเอียด 2340×1080 พิกเซล ในอัตราส่วน 19.5:9 บนขนาด 6.5 นิ้ว ทำให้มีพื้นที่การแสดงผลมากถึง 90.90%
กล้องดิจิทัลด้านหน้าเป็นแบบ Rising Camera ที่เลื่อนขึ้น-ลง เพื่อเก็บเข้าไปในตัวเครื่องได้ อีกทั้งยังผ่านการทดสอบเรื่องความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ สามารถใช้งานได้นานกว่า 6-8 ปี เฉลี่ยวันละ 100 ครั้ง ไม่เพียงแค่นั้น ในตัว OPPO F11 Pro ยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับแรงโน้มถ่วง ซึ่งในกรณีที่เครื่องหลุดจากมือ หรือตก ตัวกล้องจะทำการเก็บเข้าในตัวเครื่องอัตโนมัติทันที เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากการกระแทกได้
นอกจากนี้ดีไซน์ตัวกล้องยังมีดีไซน์แบบสมมาตรในแนวตัั้งตั้งแต่กล้องดิจิทัลด้านหน้า กับกล้องดิจิทัลด้านหลัง อีกทั้งยังเหลือพื้นที่ซ้ายขวาเท่ากับ จึงทำให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีวงแหวน (Decorative Ring) ช่วยปกป้องตัวกล้อง และเพิ่มความสวยงาม
สำหรับกล้องดิจิทัลด้านหลังใช้เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.25 นิ้ว พร้อมขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.79 และเป็นโครงส้รางแบบ 6 ชิ้นเลนส์
มีเม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน
กล้องดิจิทัลด้านหลังรองรับโหมดถ่ายภาพ Ultra Night Mode กับ Dazzle color mode
โหมดถ่ายภาพ Ultra Night Mode ยังสามารถถ่ายแบบ Portrait
โดยหลักการทำการงานโหมด Ultra Night Mode คือจะเป็นการถ่ายแบบ Multi-Frame แล้วนำมาซ้อนกันเป็นภาพเดียว จึงทำให้ภาพในสภาวะแสงน้อยมีความคมชัด ไม่มีนอยส์ นอกจากนี้ ยังมีการตรวจจับใบหน้า และปรับค่าต่างๆ ของภาพแยกกัน ทำให้ตัวแบบ กับแสงที่ฉากหลังดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ในส่วนของโหมดถ่ายภาพ Dazzle color mode จะเป็นการปรับสีสันของภาพให้สดมากขึ้น
OPPO F11 Pro รองรับเทคโนโลยี VOOC Flash Charge เวอร์ชัน 3.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุด
โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็ม 100% ภายในเวลา 80 นาที
เทคโนโลยีเวอร์ชันนี้ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วกว่าเวอร์ชันเดิมถึง 20%
OPPO F11 Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh
ตัวแบตเตอรี่ยังทำงานร่วมกับชิปเซ็ต, หน้าจอแสดงผล หรือโหมดการใช้งานตอนกลางคืนได้ดี ช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน
สามารถดูวิดีโอได้ 12 ชั่วโมง หรือเล่นเกมได้นาน 5 ชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่มีชื่อว่า OPPO Hyper BOOST ซึ่งช่วยรีดเร้นศักยภาพของเครื่องให้ทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพ โดยส่งผลให้การใช้งานได้ดีขึ้นทั้งสเปกเครื่อง, การเล่นเกม และการใช้งานแอปพลิเคชัน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหลัง
ทดสอบถ่ายภาพโหมดปกติ
ทดสอบถ่ายภาพ Portrait
ทดสอบถ่ายภาพพร้อมเปิดฟังก์ชันเร่งสีสัน
ทดสอบถ่ายภาพ Ultra Night Mode
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้า
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
ทดสอบการเล่นเกม OPPO F11 Pro + Helio P70 Gaming Test
พรีวิว OPPO F11 Pro ออปโป้ถูกใจสิ่งนี้
สอนใช้ OPPO F11 Pro กับ Color OS6.0
รีวิว OPPO F11 Pro ราคา 10990 บาท จอไร้ติ่ง กล้องเทพ 48 ล้าน แรงกว่าเดิม
สรุปผลการทดสอบ OPPO F11 Pro
นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นต่อยอดที่ตอบโจทย์การใช้งานต่างๆ ได้ดีเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยงาม โดยมีการไล่ระดับสี 3 เฉดด้วยกันตั้งแต่สีเงิน, สีดำ และสีม่วง ทำให้ตัวเครื่องดูสะดุดตาไม่น้อย อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Glossy ที่ทำให้ตัวเครื่องมีความเงางามเป็นพิเศษ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีการจัดวางเรียงตัวกล้องดิจิทัลแบบสมมาตรในแนวตัั้งทำให้กล้องดิจิทัลด้านหน้า กับกล้องดิจิทัลด้านหลัง อยู่ในแนวตั้ง อีกทั้งยังเหลือพื้นที่ซ้ายขวาเท่ากับ ยิ่งทำให้ตัวเครื่องมีความพรีเมียมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมีความโค้งมนช่วยให้ถือใช้งานได้อย่างคล่องตัว แต่ด้วยความที่ตัวเครื่องเป็นแบบเงางาม จึงทำให้เกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย
จุดเด่นสำคัญของ OPPO F11 Pro จะเป็นในเรื่องของกล้องถ่ายภาพ โดยเฉพาะกล้องดิจิทัลด้านหลังที่ทาง OPPO มุ่งเน้น และตั้งใจพัฒนาให้ถ่ายภาพได้ดีขึ้น ซึ่งจากการทดสอบก็พบว่ากล้องดิจิทัลด้านหลังของ OPPO นั้นถ่ายภาพได้ดี คมชัดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย (Ultra Night Mode) ภาพถ่ายก็มีรายเอียดที่ครบ คมชัด และแสงโดยรอบก็ดูธรรมชาติ เรียกได้ว่า ทำได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้มาก ทางด้านการถ่ายภาพ Portrait ก็ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กัน มีการตัดขอบของตัวแบบกัยการเบลอฉากหลังได้อย่างเป็นธะรมชาติ แต่อย่างไรก็ดี ตัวซอฟต์แวร์อาจจะตัดขอบทางด้านของแก้วน้ำ หรือเส้นผมที่ปลิวเมื่อมีลมมากระทบได้ไม่ดีมากนัก แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่พอใจ หรืออาจจะแก้ไขให้ตัวแบบกับจัตถุอยู่ในระนาบเดียวกัน ก็จะถ่ายภาพออกมาได้ดีลงตัว ในส่วนของกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็ตอบโจทย์ในเรื่องของการถ่ายภาพเซลฟี่ได้อย่างน่าประทับเหมือนเช่นเคย ในครั้งนี้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ผู้ใช้สามารถปรับโครงหน้าได้หลายจุด เช่น รูปคาง หรือใบเรียวได้หลายระดับ บอกได้เลยว่า ต้องถูกอกถูกใจสาวกที่รักการถ่ายภาพเซลฟี่อย่างแน่นอน
นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องของกล้องถ่ายภาพ กับดีไซน์ตัวเครื่องทางด้านหน้าจอแสดงผล กับแบตเตอรี่ก็เป็นจุดเด่นสำคัญของ OPPO F11 Pro ด้วยเช่นกัน โโยหน้าจอแสดงผลนั้นด้วยความที่มีพื้นที่แสดงผลที่เยอะ จึงช่วยให้รับชมคอนเทนท์ต่างๆ ได้อย่างเต็มตา นอกจากนี้ ยังมีแบตเตอรี่ที่ใหญ่ พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานตลอดทั้งวัน
ทางด้านสเปกเครื่องก็จัดอยู่ในระดับกลาง ซึ่งจากการทดสอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเล่นเกมที่มีกราฟิกสวยๆ หรือท่องเว็บไซต์ OPPO F11 Pro ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่นแบบไม่มีอาการหน่วง หรืออาการสะสมความร้อนให้พบเจอ
โดยสรุปแล้ว OPPO F11 Pro น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับกลาง ที่ถ่ายภาพสวย, ใช้งานลื่น, จอแสดงผลใหญ่เต็มตา และแบตเตอรี่อึดใช้งานได้ยาวนาน ซึ่ง OPPO F11 Pro ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจรุ่นนึงเลยทีเดียว สำหรับท่านใดที่สนใจก็สามารถหาซื้อ OPPO F11 Pro ได้แล้วที่ OPPO Brand Shop หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศในราคาสุดคุ้มเพียง 10,990 บาท เท่านั้น! สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่โอกาสหน้า สวัสดีครับ
นำเสนอบทความโดย : StepGeek.TV