ก่อนที่จะไปรีวิวสมาร์ทโฟนระดับกลางอย่าง OPPO A53 รุ่นนี้กัน เราจะพูดถึงความเป็นมาของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้กันก่อน ออปโป้ A53 นั้นเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กระดับกลาง สุดประหยัด ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็มีแหล่งข่าวมากมายที่ได้สร้างข่าวลือออกมาก่อนถึงวันที่จะเปิดตัวไม่ว่าจะเป็นภาพเรนเดอร์, สเปกที่อัดเต็มและฟีเจอร์ที่อัดแน่น แถมยังได้หลุดไปพรีออเดอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย
ต้องบอกก่อนว่า แหล่งข่าวที่ลือออกไปก่อนเปิดตัวนั้นล้วนเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือและเป็นความจริงซะด้วย ในช่วงแรกนั้น เผยว่า ออปโป้ A53 (2020) เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 460 ของ Qualcomm รวมไปถึงยังมาพร้อมกับหน้าจอที่มีค่ารีเฟรชเรท 90Hz ซึ่งในข่าวนั้นก็รายงานว่าสิ่งเหล่านี้แหละเป็นจุดเด่นของสมาร์ทโฟนของรุ่นนี้นี่เอง

และหลังจากนั้นได้ไม่นานก็ประกาศเปิดตัวที่ประเทศอินเดียและล่าสุดก็ได้ประกาศเปิดตัวที่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วภายใต้สโลแกน “เร็วยิ่งขึ้น สนุกยิ่งกว่า” ซึ่งก่อนหน้านี้ ออปโป้ A53 นั้นก็ได้ผ่าน กสทช. มาแบบเงียบๆ ที่เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มีราคาสุดแสนจะประหยัดและอัดสเปกแรง สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ พ่วงด้วยค่ารีเฟรชเรท 90Hz, ชิปเซ็ต Snapdragon 460, กล้องหลัง 3 ตัว ที่ให้ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี่ขนาดมหึมา 5,000 mAh รองรับการชาร์จเร็วและมีลำโพงคู่แบบสเตอริโอ ด้วยราคาที่ 5,499 บาท ที่เปิดตัวในประเทศไทย แน่นอนว่าทาง OPPO พร้อมวางขายในวันที่ 19 กันยายนนี้อีกด้วย
สำหรับใครที่กำลังรอหรือตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนอยู่นั้น เจ้าตัว ออปโป้ A53 จะเป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์สำหรับคุณก็เป็นได้ ซึ่งจะได้ทั้งสเปกแรง แบตเตอรี่อึดและราคาประหยัดที่ได้มามากกว่าคำว่าคุ้มค่าเสียอีก อะๆ สำหรับใครที่ยังไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ วันนี้ทางทีมงาน StepGeek ได้นำ ออปโป้ A53 บอดี้สีฟ้า Fancy Blue สีสันสวยงามมารีวิวให้ทุกคนได้รู้จักกันมากขึ้น ซึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้ก็มีมากซะเหลือเกินถึงแม้จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กก็ตามแต่ แต่ก็ไม่แพ้รุ่นอื่นอย่างแน่นอนนะจ๊ะ

สเปก OPPO A53
- ขนาดตัวเครื่อง 163.9 x 75.1 x 8.4 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 186 กรัม
- หน้าจอแสดงผล LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600 x 720 พิกเซล) ค่ารีเฟรชเรท 90Hz พร้อม Touch Sampling Rate 120Hz ในอัตราส่วนหน้าจอ 20:9 รองรับ AI Brightness ระบบปรับแสงอัจฉริยะ ปกป้องดวงตา โดยปรับความสว่างของหน้าจอได้อัตโนมัติ ตามสภาพแวดล้อม และการใชงานตามความต้องการ
- ชิปเซ็ต Snapdragon 460 ของ Qualcomm
- ชิปกราฟิก Adreno 610
- RAM 4GB แบบ LPDDR4x
- ROM 64GB แบบ UFS 2.1 สามารถเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุด 256GB
- กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัว (AI-Powered Triple Camera) โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสง f/2.2+ เลนส์ Macro ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสง F/2.4 + เลนส์ Depth ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสง F/2.4 แถมกล้องหลังยังรองรับฟังก์ชัน Stylish Filters พร้อมอัปเดทฟิลเตอร์ภาพถ่าย 15 แบบ และมีฟิลเตอร์สำหรับถ่ายวิดีโอพร้อมเอฟเฟ็กต์โทนสีภาพยนตร์
- กล้องหน้า ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสง f/2.0 พร้อมรองรับ AI Beauty2.0
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 ล่าสุด ครอบทับด้วย ColorOS 7.2
- รองรับสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง
- แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 18W
- รองรับพอร์ต USB Type-C
- ลำโพงแบบคู่ พร้อมรองรับระบบเสียง Dirac 2.0
- รองรับพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- มีสีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ Electric Black และสีน้ำเงิน Fancy Blue

อุปกรณ์ภายในกล่อง ออปโป้ A53
- ตัวเครื่อง ออปโป้ A53 พร้อมติดฟิล์มกันรอย
- เคสซิลิโคนแบบใส
- อะแดปเตอร์
- สายชาร์จ USB Type-C
- เข็มจิ้มซิม
- ใบรับประกันสินค้าและคู่มือการใช้งาน

การดีไซน์ตัวเครื่องที่ไม่แพ้ใคร มีความเป็นเอกลักษณ์ในตัว สวยงามและดูพรีเมี่ยม
ถึงแม้จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กระดับกลางในตระกูล A-Series แต่เรื่องการดีไซน์นั้นก็ไม่แพ้ใคร ก็อย่างที่ได้กล่าวไปนั่นแหละว่า ออปโป้ A53 นั้นได้รับการดีไซน์ตัวเครื่องที่โค้งมน 3 มิติ พร้อมยังได้รับการดีไซน์กรอบเคลือบเมทัลลิกสีเงิน ตัววงแหวนของกล้องหลังนั้นเคลือบด้วยสุญญากาศ สะท้อนความบางเบาและมีความประณีตที่สุด ซึ่งฝาหลังของรุ่นนี้ใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนตเคลือบผิวมันเงาที่ให้ความสัมผัสคล้ายกับกระจกที่สวยงาม ซึ่งมีการนำเทคนิคการกสลักและการเคลือบแบบใหม่มาใช้ จึงทำให้ฝาหลังสะท้อนแสงและเล่นสีไล่ระดับสายตามากขึ้น ด้วยรูปลักษณ์ที่โปร่งใสสะท้อนแรงบันดาลใจมาจากสีและแสง
ออปโป้ A53 จะมาพร้อมกับฝาหลังที่มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Fancy Blue และสีดำ Electric Black ซึ่งทั้ง 2 สีนี้ ก็มีความสวยงามไม่แพ้กันแถมมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วที่ฝาหลังของตัวเครื่องอีกด้วยที่สามารถปลดล็อกสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ขอบอกก่อนนะว่าการรออกแบบของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ ในความเห็นส่วนตัวคือชอบที่การดีไซน์ของตัวเครื่องและขนาดของตัวเครื่อง ที่มีขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป ถือจับถนัดมือได้เป็นอย่างดี

การออกแบบ OPPO A53 ขนาดกะทัดรัด ถือจับถนัดมือได้เป็นอย่างดี
เมื่อพูดถึงเรื่องการออกแบบและตัวบอดี้ ออปโป้ A53 แล้วล่ะก็…คือมีความสวยงาม ราวกับแสงสะท้อนบนผิวน้ำ ถึงแม้จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กระดับกลางแต่เรื่องการดีไซน์นั้นก็ไม่แพ้ใคร ซึ่งตัวเครื่องนั้นเป็นแบบโค้ง 3 มิติ การถือจับไม่ต้องพูดถึงเลย สะดวกสบายมากเพราะเนื่องจากบอดี้นั้นโค้งรับกับมือ ด้วยขนาดตัวเครื่องที่ไม่ใหญ่จนเกินไปและไม่เล็กจนเกินไป ด้วยขนาด 163.9 x 75.1 x 8.4 มิลลิเมตร รวมถึงน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 186 เท่านั้นเอง ถ้าหากเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กทั่วไปก็ถือว่าไม่หนักมากเท่าไร เมื่อคิดว่าแบตเตอรี่ที่ทาง ออปโป้ ให้มาถึง 5,000 mAh อยู่ภายใน

ด้านล่างของเครื่องมีช่องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเชื่อมต่อกับสาย USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่หรือโอนถ่ายข้อมูล, ไมโครโฟน และลำโพงเสียงภายนอก ส่วนด้านขวาของเครื่องมีปุ่มเปิด-ปิดเครื่องหรือล็อกหน้าจอและด้านซ้ายของเครื่องมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงและถาดซิมการ์ดแบบ Triple-Slot ส่วนด้านบนของตัวเครื่องนั้นจะไม่มีปุ่มหรือฟังก์ชั่นใดๆ ให้ใช้งาน




หมดปัญหาเรื่องหน้าจอเล็กไปได้เลย ออปโป้ A53 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ตอบโจทย์ทั้งดูหนังและเล่นเกมได้อย่างแท้จริง แถมยังมีโหมดถนอมสายตา
ออปโป้ A53 นั้นมาพร้อมกับหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600 x 720 พิกเซล) มีค่ารีเฟรชเรท 90Hz และมีอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสของหน้าจอสูงถึง 120Hz ในอัตราส่วนของหน้าจอ 20:9 ครอบทับด้วยกระจกนิรภัย Corning Gorilla Glass 3 และมีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 82.9% ซึ่งการใช้งานนั้นเทียบเท่ากับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงได้เลย ที่หน้าจอแสดงผลนั้นมีความรวดเร็วและราบรื่น ภาพเคลื่อนไหวที่แม่นยำ ไม่สะดุดและยังโฟกัสไว้ทุกการสัมผัสอีกต่างหาก

หน้าจอแบบ Punch-hole สำหรับวางกล้องหน้าที่ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 พร้อมรองรับ AI Beauty 2.0 ถึงแม้ว่าหน้าจอจะเจาะรูก็สามารถใช้งานได้อย่างเต็มตาเต็มจอ รวมถึงตัวเครื่องมีความบางเพียง 8.4 มิลลิเมตรเท่านั้น ถือว่ามีขนาดความบางเกือบเทียบเท่า OPPO F17 และ F17 Pro ซึ่งทาง OPPO ได้เคลมว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่บางที่สุดในปี 2020, ขอบหน้าจอมีความแคบลงเหลือเพียง 2.01 มิลลิเมตร มีความหนาแน่นพิกเซล 269 PPI ทำให้ ออปโป้ A53 นั้นได้รับประสบการณ์ในการเล่นเกมและดูวีดีโอที่สมจริงกว่าเดิม

สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับโหมดถนอมสายตาและมีระบบปรับแสงอัจฉริยะ AI Brightness ปกป้องดวงตา โดยจะมีการปรับความสว่างของหน้าจอได้อัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมและการใช้งานตามความต้องการของผู้ใช้งาน รวมถึงยังปกป้องดวงตาจากทุกสภาพแสง เมื่อเราใช้งานในพื้นที่แดดจ้า ความสว่างของหน้าจอก็จะถูกปรับโดยอัตโนมัติ สูงสุด 500nits เพื่อให้มั่นใจว่าทุกการรับชมนั้นจะสบายตาอย่างที่สุด
จุดเด่นที่น่าสนใจสำหรับรุ่นนี้
- ตัวเครื่องนั้นมีขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป ถือจับถนัดมือ
- ตัวเครื่องที่มีความบางเพียง 8.4 มิลลิเมตรและมีน้ำหนักเบาเพียง 186 กรัม ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่จะมีขนาดใหญ่ถึง 5,000 mAh แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้สะดวกสบายในมือเดียวก็ยังได้

- หน้าจอขนาดใหญ่แบบ Punch-hole ชนิด LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600 x 720 พิกเซล) ทำให้เราสามารถดูวีดีโอหรือเล่นเกมได้อย่างเต็มตา และหน้าจอเจาะรูเพื่อติดตั้งกล้องเซลฟี่ อัตราส่วนหน้าจอ 20:9

- ROM ขนาดใหญ่ 64GB ที่มาพร้อมกับชิป Qualcomm octa-core ที่มีความเร็ว แรงและมั่นใจในทุกประสิทธิภาพ
- สเปกภายในของ OPPO A53 ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 460 ของ Qualcomm ผลิตบนสถาปัตยกรรม 11 นาโนเมตร ที่สามารถโชว์ประสิทธิภาพได้อย่างเกินคาดและมาพร้อมกับการประมวลผลภาพที่เร็วขึ้น ลดโอกาสสภาพเสียหายต่อเฟรมได้มากกว่า
- กล้องหน้าที่ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เก็บทุกช็อต สวยเป๊ะ เป็นธรรมชาติด้วยอัลกอริธึมอัจฉริยะ
- กล้องหลัง ที่มาพร้อมกับเลนส์ Macro สามารถจับได้ทุกรายละเอียด เก็บได้ทุกความคมชัด ส่วนเลนส์ Depth ที่สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลายได้อย่างมืออาชีพเลยและเป็นธรรมชาติแบบไม่หลอกลวง

- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 18 วัตต์ ที่ช่วยให้ OPPO A53 (2020) นั้นสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานและชาร์จเร็วมากกว่าที่เคย ซึ่งทาง OPPO ได้เคลมว่า รองรับการโทรได้นานถึง 52 ชั่วโมง, ฟังเพลงต่อเนื่อง 37 ชั่วโมงและดูวีดีโอได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 20.8 ชั่วโมง
- ลำโพงสเตอริโอคู่และ Dirac 2.0 ให้ทุกเสียงนั้นมีความสมจริงยิ่งขึ้น
ประสิทธิภาพการใช้งานของ OPPO A53
ต้องขอบอกก่อนว่า ออปโป้ A53 นั้นเป็นรุ่นแรกที่เพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยความจำ (RAM) ให้จัดสรรระบบหลักได้ตรงจุดและลดความหน่วงในการใช้งาน ซึ่งการใช้งานของสมาร์ทโฟนรุ่นอยู่ในระดับพอใช้ได้ ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป ดูวีดีโอหรือจะเล่นเกม การสัมผัสและการกดปุ่มนั้นก็ไหลลื่นพอสมควร แต่ในบางครั้งก็ไม่ค่อยเสถียรเท่าไรนัก ซึ่งก็ไม่ได้เกิดผลกระทบต่อการใช้งานแต่อย่างใด ด้วยราคาในเรทนี้แล้วกับสเปกที่ให้มาก็ถือว่าคุ้มอยู่ไม่ใช่น้อย แถมยังมีฟีเจอร์ยัดเข้ามาอีกเพียบ และ ออปโป้ A53 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 460 ผลิตบนสถาปัตยกรรม 11 นาโนเมตร ที่โชว์ประสิทธิภาพได้อย่างเกินคาดและมอบประสบการณ์การใช้งานได้อย่างประทับใจ

ประสิทธิภาพในการเล่นเกมบน OPPO A53
เมื่อเราได้ทำการทดสอบจากการเล่นเกมแล้วสามารถเปิดกราฟิกได้ในระดับสูงสุดทั้งหมด รวมไปถึงเฟรมเรทระดับสูงด้วย ก็ถือว่าเล่นได้อยู่ แต่เฟรมเรทอาจจะเหวี่ยงบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าใครไม่ค่อยจะซีเรียสเรื่องเฟรมเรทเท่าไร ก็ลองปิดเฟรมเรทสูงดูนะเพื่อให้การเล่นเกมนั้นคล่องตัวที่สุด ส่วนการเล่นเกมที่ไม่ต้องใช้เฟรมเรทสูงหรือเกมรถแข่งก็สามารถเล่นได้อย่างสบายๆ แต่ก็มีอาการหน่วงและกระตุกในบางครั้ง แนะนำให้ปรับการแสดงผลกราฟิกอยู่ในระดับกลางหรือไม่ก็ต่ำสุด เพื่อให้การเล่นเกมนั้นมีความลื่นไหลมากขึ้นและลดการกระตุกในขณะที่เล่นเกม

กล้องหลังที่ถ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงาม ให้ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัว (AI-Powered Triple Camera) โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสง f/2.2 + เลนส์ Macro ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสง f/2.4 + เลนส์ Depth ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสง f/2.4 แถมกล้องหลังยังรองรับฟังก์ชัน Stylish Filters พร้อมอัปเดทฟิลเตอร์ภาพถ่าย 15 แบบ และมีฟิลเตอร์สำหรับถ่ายวิดีโอพร้อมเอฟเฟ็กต์โทนสีภาพยนตร์

คุณภาพของกล้อง OPPO A53 นั้นอยู่ในระดับพอใช้ได้ สามารถถ่ายภาพในช่วงกลางวันออกมาได้อย่างสวยงาม และสามารถซูมได้สูงสุด 6X แต่ความคมชัดอาจจะลดน้อยลงไปบ้าง แต่ก็ถือว่าโอเคในเรทราคานี้ ได้ภาพขนาดนี้ก็ถือว่าคุ้มอยู่นะ ส่วนเลนส์ Macro นั้นก็สามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดี รูปภาพที่ถ่ายออกมานั้นมีความคมชัดและมีความละเอียดมาก ถือว่าการทำงานของเลนส์ Macro นั้นผ่านฉลุยไปได้ ไม่มีหักคะแนนแต่อย่างใด







ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ความน่าประทับใจและความน่าสนใจของรุ่นนี้ คือ จากที่ได้ทดสอบกล้องหลังมาสักระยะนึงแล้ว รู้สึกได้ว่าการถ่ายภาพของรุ่นนี้ถือว่าทำออกมาได้เป็นอย่างดี สีไม่ค่อยเพี้ยนเท่าไร แถมเมื่อเราขับรถ (ทดสอบถ่ายในขณะที่ขับรถ ความเร็วไม่เกิน 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) การถ่ายภาพนั้นก็ยังคงความสวยงามและมีความคมชัดเหมือนเดิม โดยไม่ได้พึ่งโหมดเสริมแต่อย่างใด ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ขับขี่ที่ไม่ต้องจอดรถ เพียงแค่หยิบ OPPO A53 ขึ้นมาก็สามารถแชะภาพได้


และสามารถถ่ายวีดีโอได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบ Full HD เลย ที่ให้ความละเอียดสูงสุด 1080 พิกเซล ที่ 30fps

ทดลองถ่ายภาพด้วยโหมด Macro ทำให้ภาพนั้นมีความเป็นธรรมชาติและให้ความคมชัด
OOOP A53 นั้นมาพร้อมกับโหมด Macro ที่สามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างสวยงาม ซึ่งทาง OPPO ทำออกมาได้เป็นอย่างดีเป็นการเบลอพื้นหลังที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว และให้ทั้งความชัดและความเนียนมากพอสมควร ที่ไม่แพ้รุ่นอื่นๆ เลย ไม่ว่าจะถ่ายจากกล้องหน้าหรือกล้องหลังก็ตามแต่





ทดสอบการถ่ายภาพตอนกลางคืน ที่สามารถเก็บภาพได้อย่างสวยงาม
ในส่วนของการถ่ายภาพในตอนกลางคืนสำหรับ OPPO A53 นั้นถือว่าทำออกมาได้ดีและรู้สึกถึงความคุ้มค่าของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้พอสมควร ซึ่งภาพที่ถ่ายออกมานั้นให้ความชัดเจนและมีความละเอียด แถมยังมีความสว่างมากขึ้นกว่าเดิม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ถ่ายภาพด้วย ซึ่งก็ถือว่ายังเป็นอันดับต้นๆ ในสมาร์ทโฟนราคาเดียวกันที่สามารถถ่ายภาพในเวลากลางคืนที่สวยงดงามที่สุด ซึ่งถ้าหากเทียบกับราคาที่ต้องจ่ายไปในหลักไม่ถึง 6,000 บาท ก็ถือว่า OPPO A53 นั้นมีความคุ้มค่าอยู่นะ




กล้องหน้า ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มาพร้อมรองรับ AI Beauty2.0 ที่ให้ความสดใสมากกว่าที่เคย
กล้องหน้าของ OPPO A53 นั้นให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสง f/2.0 สามารถถ่ายภาพได้เป็นนธรรมชาติและสามารถช่วยจับทุกรายละเอียดบนใบหน้า รวมถึงยังมาพร้อมกับโหมด AI Beauty ที่ช่วยประมวลผลให้ภาพและวัตถุต่างๆนั้นสวยงาม มีสีสันสดใสมากกว่าที่เคย แถมใบหน้านั้นก็ดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติและให้ความสว่างทั่วใบหน้าอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าผู้หญิงอย่างเราต้องชอบโหมด AI Beauty อยู่แล้วแหละ จากเดิมต้องแต่งอยู่หลายแอป แต่ครั้งนี้แชะเดียวไม่ต้องพึ่งแอปก็สามารถลงโซเชียลได้เลยจ๊ะ


ระบบประมวลผลและหน่วยความจำภายใน
OPPO A53 นั้นได้มอบประสิทธิภาพอันทรงพลัง สนุกได้ไม่สะดุดด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 460 ที่มีความเร็วที่ 1.8GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 610, RAM 4GB แบบ LPDDR4X ที่สามารถใช้งานทั่วไปหรือเล่นอินเทอร์เน็ตได้ ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้วล่ะ และ ROM 64GB สามารถเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุด 256GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติติการล่าสุด Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS 7.2

อีกทั้ง ยังเต็มอิ่มทุกอรรถรสด้วยลำโพงสเตอริโอคู่และ Dirac 2.0 มอบเสียงดังที่กระหึ่ม สะใจและสมจริงมากยิ่งขึ้น
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ที่รองรับการโทรได้นานสูงสุด 52 ชั่วโมงและรองรับการชาร์จเร็ว 18 วัตต์
ทุกวันนี้เรื่องแบตเตอรี่ถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญเป็นอย่างมากยิ่งใช้งานได้นานเท่าไรยิ่งดี เพราะเนื่องจากสมัยนี้การทำงานล้วนอยู่บนสมาร์ทโฟนไปซะหมด ถ้าหากแบตเตอรี่นั้นหมดเร็วอาจจะส่งผลให้ผู้ใช้งานนั้นไม่พอใจและการตัดสินใจนั้นอาจจะเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้ แต่ ออปโป้ A53 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและสามารถใช้งานได้อย่างไหลลื่นเลยทีเดียว ซึ่งทาง OPPO นั้น ได้เคลมว่า สามารถโทรได้นานถึง 52 ชั่วโมง, ฟังเพลงต่อเนื่อง 37 ชั่วโมงและดูวีดีโอได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 20.8 ชั่วโมง

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมาพร้อมกับโหมดประหยัดพลังงานขั้นสุด ในกรณีนี้ถ้าหากแบตเตอรี่เหลือน้อยแล้ว ความถี่ของ CPU และแสงหน้าจอพื้นหลังจะปรับลงโดยอัตโนมัติทันที เพื่อให้ผู้ใช้งานยังคงใช้ฟีเจอร์เร่งด่วนได้อย่างไม่สะดุด และถ้าหากแบตเตอรี่เหลือเพียง 5% เท่านั้น ก็ยังสามารถรองรับเพลงในตัวเครื่องได้นาน 6.5 ชั่วโมงหรือรับสายได้ 1.54 ชั่วโมงเลยทีเดียว และถ้าหากอยู่ใน Sleep Mode แล้วเหลือแบตเตอรี่แค่ 2% ก็ยังคงสแตนด์บายพร้อมใช้งานได้ข้ามคืนยาวนานถึง 8 ชั่วโมง อะๆ ยังไม่หมดนะ ออปโป้ A53 สามารถยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในสถานการณ์ฉุกเฉินและลดการใช้พลังงานระหว่างพักเครื่องอีกด้วย

ความบันเทิงที่สมจริงยิ่งกว่าที่เคย
ออปโป้ A53 (2020) ไม่เพียงแต่ติดตั้งลำโพงอัลตร้าไลน์ที่มีความกว้างของคลื่นเสียงที่ดังกว่า ลำโพงคู่ด้านบนและด้านล่างของสมาร์ทโฟนก็ยังให้เสียงสเตอริโอที่สมบูรณ์แบบพร้อมทุกการดูวีดีโอและเล่นเกม แถมยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Dirac 2.0 ที่ปรับเสียงดิจิทัลแบบล้ำสมัย โดยผู้ใช้งานสามารถแต่งเอฟเฟกต์เสียงสำหรับแอปได้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์, เกม, เพลงและโหมดอัจฉริยะ


การใช้งาน GPS ระบบนำทาง ไม่มั่ว ไม่หลง แม่นยำนะจ๊ะ
ในส่วนของการใช้งานระบบนำทางหรือ GPS นั้น OPPO ก็สามารถทำออกมาได้ดี ซึ่งจากการที่ได้ทดลองใช้ระบบนำทางบน ออปโป้ A53 แล้วนั้นก็สามารถทำผลงานออกมาได้เป็นอย่างดีและมีความแม่นยำอยู่พอสมควร ซึ่งเราก็ทดลองใช้ GPS ในเส้นทางปกติและการใช้งานระบบ GPS นั้นก็ไม่มีปัญหาในการที่จะหลงทิศหลงทางแต่อย่างใด และไร้ความหน่วงอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการจับสัญญาณของเครื่องด้วยนะจ๊ะ

จะคุ้มหรือไม่ ถ้าหากต้องควักเงินจ่ายเพื่อซื้อ OPPO A53??
ถือว่า OPPO A53 เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว เพราะด้วยคุณสมบัติที่ให้มาแล้วถือว่าครบถ้วนเลยแหละ เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบดูหนัง, ฟังเพลง, ท่องเว็บในโลกออนไลน์หรือจะอ่านหนังสือบนสมาร์ทโฟน ก็สามารถดูได้อย่างเต็มจอเลยแหละ ยิ่งมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่อึดแล้วล่ะก็…ไม่ต้องพูดถึงเลย ใช้งานได้อย่างยาวนานได้เลย โดยม่าต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่จะหมดระหว่างวัน ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและสามารถใช้งานได้อย่างไหลลื่นเลยทีเดียว ซึ่งทาง OPPO นั้น ได้เคลมว่า สามารถโทรได้นานถึง 52 ชั่วโมง, ฟังเพลงต่อเนื่อง 37 ชั่วโมงและดูวีดีโอได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 20.8 ชั่วโมง

ส่วนเรื่องการดีไซน์ของตัวเครื่องนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ OPPO การออกแบบหรือการดีไซน์นั้นจะต้องสวยอยู่แล้วและก็ไม้แพ้ใคร ก็อย่างที่ได้กล่าวไปนั่นแหละว่า ออปโป้ A53 นั้นมีตัวเครื่องที่โค้งมน 3 มิติ พร้อมยังได้รับการดีไซน์กรอบเคลือบเมทัลลิกสีเงิน ตัววงแหวนของกล้องหลังนั้นเคลือบด้วยสุญญากาศ สะท้อนความบางเบาและมีความประณีตที่สุด ซึ่งฝาหลังของรุ่นนี้ใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนตเคลือบผิวมันเงาที่ให้ความสัมผัสคล้ายกับกระจก ซึ่งมีการนำเทคนิคการกสลักและการเคลือบแบบใหม่มาใช้ จึงทำให้ฝาหลังสะท้อนแสงและเล่นสีไล่ระดับสายตามากขึ้น ด้วยรูปลักษณ์ที่โปร่งใสสะท้อนแรงบันดาลใจมาจากสีและแสง

ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นเล็กก็ตาม แต่โดยส่วนตัวคือชอบเรื่องการดีไซน์ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง เพราะให้ความพรีเมียม ดูแพง และเครื่องที่ได้มานั้นเป็นสีฟ้า Fancy Blue อีก ดีไซน์สวย ตัวเครื่องจับถนัดมือด้วยตัวเครื่องที่มีขนาด 163.9 x 75.1 x 8.4 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเบาเพียง 186 กรัม
ส่วนเรื่องหน้าจอนั้น OPPO จัดให้แบบไม่หวงเลย มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว ที่สามารถดูหนังได้อย่างเต็มตา หน้าจอเจาะรูสำหรับวางกล้องเซลฟี่ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคหรือเกะกะสายตาอะไรมากนักและการแสดงผลของภาพนั้นก็มีความคมชัด สวยงามและให้ความละเอียด HD+ (1600 x 720 พิกเซล) ค่ารีเฟรชเรท 90Hz พร้อม Touch Sampling Rate 120Hz ในอัตราส่วนหน้าจอ 20:9

ซึ่งถ้าหากเทียบกับแบรนด์อื่นในราคาประมาณนี้ก็อาจจะได้ขนาดหน้าจอที่ 5.8 นิ้ว หรือ 6.3 นิ้ว (โดยประมาณ) ต้องบอกเลยว่าเมื่อเราดูวีดีโอหรือจะเล่นเกมคือเต็มตาเต็มจอมากจริงๆ ทำให้การดูวีดีโอนั้นมีความเพลิดเพลิน ไม่รู้สึกหงุดหงิดกับคำว่าหน้าจอเล็กอีกต่อไป เรียกง่ายๆ ว่าฟินกว่าการดูจอเล็กอย่างแน่นอนและมาพร้อมกับสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคหน้าจอได้อย่างรวดเร็วทันใจ

แถมยังรองรับ AI Brightness ระบบปรับแสงอัจฉริยะ ปกป้องดวงตา โดยปรับความสว่างของหน้าจอได้อัตโนมัติ ตามสภาพแวดล้อม และการใชงานตามความต้องการ
ซึ่งถ้าหากพูดถึงความคุ้มค่าหรือไม่ก็ขอตอบตรงๆ เลยแล้วกันว่า ความคุ้มค่านั้นจะตอบโจทย์สำหรับการใช้งานโดยทั่วไป, เล่นเกม, ดูหนัง, ถ่ายรูป, ฟังเพลง ซึ่งเหล่านี้ก็ถือว่าคุ้มค่าสำหรับราคานี้แล้ว แถมยังตอบโจทย์กับผู้ที่ต้องการหาซื้อสมาร์ทโฟนในราคาที่ไม่สูงมากนักเพียง 5,499 บาท แต่มาพร้อมกับคุณสมบัติภายในที่ครบครันทุกการใช้งาน ยิ่งสถานการณ์และเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวอยู่ ทุกคนล้วนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของ ออปโป้ A53 ได้อย่างง่ายๆ

ส่วนเรื่องการใช้งานก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละ ถือว่า OPPO ทำออกมาได้อย่างดีและน่าพอใจ ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 460, RAM 4GB, ROM 64GB ซึ่งการใช้งานต่างๆ ก็ค่อนข้างไหลลื่นดี แม้จะมีอาการหน่วงบ้าง แต่ถือว่าเกินความคาดหมายที่คิดไว้เยอะอยู่เหมือนกัน แถมผลคะแนนทดสอบ Benchmark ต่างๆ เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนระดับราคาเดียวกันแล้วก็ถือว่าไม่แย่และไม่ธรรมดานะจ๊ะ รวมถึงขนาดของแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 5,000 mAh ก็สามารถใช้งานทั่วไปได้ทั้งวันอย่างต่อเนื่องและรองรับระบบชาร์จเร็ว 18W

ประสิทธิภาพการเล่นเกมนั้นที่สามารถเปิดกราฟิกได้ในระดับสูงสุดทั้งหมด รวมไปถึงเฟรมเรทระดับสูงด้วย ก็ถือว่าเล่นได้อยู่ แต่เฟรมเรทอาจจะเหวี่ยงบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าใครไม่ค่อยจะซีเรียสเรื่องเฟรมเรทเท่าไร ก็ลองปิดเฟรมเรทสูงดูนะเพื่อให้การเล่นเกมนั้นคล่องตัวที่สุด ส่วนการเล่นเกมที่ไม่ต้องใช้เฟรมเรทสูงหรือเกมรถแข่งก็สามารถเล่นได้อย่างสบายๆ แต่ก็มีอาการหน่วงและกระตุกในบางครั้ง

และเรื่องการถ่ายนั้นถือว่าทำออกมาได้เป็นอย่างดี ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมานั้นมีความคมชัดและมีความละเอียด แถมยังมีความสว่างมากขึ้นกว่าเดิม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ถ่ายภาพด้วย แต่ก็ถือว่ายังเป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่ไม่เป็นรองใครในสมาร์ทโฟนราคาเดียวกันที่สามารถถ่ายภาพในเวลากลางคืนที่สวยงดงามที่สุด

ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยจริงๆ และสามารถตอบโจทย์สายเอ็นเตอร์เทนด้วยความคุ้มค่า คุ้มราคาในทุกๆ ด้าน ไม่ว่ะจะเป็นเรื่องสเปกที่ทรงพลังที่ให้ความบันเทิงแบบไม่มียั้ง ดีไซน์ที่โดดเด่น กล้องที่เป็นที่สุดทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง แถมยังมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ที่สามารถดูหนังหรือจะเล่นเกมได้อย่างเต็มจอและมีแบตเตอรี่ที่มความจุ 5,000 mAh ที่ทาง OPPO ก็ได้เคลมเอาไว้แล้วว่าสามารถใช้งานได้อย่างยาวนนานต่อเนื่องและเพียงพอสำหรับการใช้งานในแต่ละวันอีกด้วย
สำหรับใครที่สนใจ ออปโป้ A53 สามารถซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายนนี้เป็นต้นไป ที่ร้าน OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วไประเทศ ในราคา 5,499 บาท สำหรับวันนี้ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ก่อนนะทุกคน ไว้รอรีวิวรุ่นต่อไปครั้งหน้า อย่าลืมติดตามกันด้วยนะ สวัสดีค่ะ!!!
นำเสนอบทความโดย : Stepgeek.TV
ที่มา : OPPO