สวัสดีครับ OnePlus ได้แถลงข่าวเปิดตัวสมาร์ตโฟนระดับกลางรุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า OnePlus Nord CE 5G เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา และกล่าวถึงสเปคที่สำคัญออกมาด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ 90Hz, ใช้ Snapdragon 750G 5G และชาร์จเร็วแบบ 30W
ซึ่งจากสเปคคร่าวๆ ที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก และล่าสุกเครื่องจริงของ OnePlus Nord CE 5G ก็ได้มาอยู่ในมือของพวกเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้รีบจัดทำบทความรีวิวมาให้ทุกท่านได้รับชมกัน หากพร้อมกันแล้ว ขอเชิญรับชมกันได้เลย
สเปก OnePlus Nord CE 5G

- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว จอรีเฟรชเรท 90Hz
- ชิปเซ็ต Snapdragon 750G ของ Qualcomm ขนาด 8 นาโนเมตร
- RAM 6GB/8GB/12GB
- ROM 128GB/256GB แบบ UFS 2.1
- กล้องหลัง 3 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Omnivision + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล + เลนส์ Mono Camera ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (F/2.45) ซึ่งใช้เซ็ตเซอร์รับภาพแบบ Sony IMX471 มีเม็ดพิกเซลขนาด 1 ไมครอน พร้อมระบบกัยสั่น EIS
- แบตเตอรี่ขนาด 4,500 mAh รองรับชาร์จเร็ว 30 วัตต์ สามารถชาร์จจาก 0% – 70% ภายในระยะเวลา 30 นาที
- รองรับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย OxygenOS 11
- รองรับพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- รองรับสแกนลายนิ้วใต้หน้าจอแสดงผล
ดีไซน์ตัวเครื่อง

รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว อีกทั้งยังมีค่ารีเฟรชเรทที่ 90Hz พร้อมด้วยความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล

ด้านหน้าส่วนบนมีกล้องหน้า ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างๆ

ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบ On Screen

ด้านล่างของเครื่องมีช่องหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟน, ช่องเชื่อมต่อกับสาย USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล และลำโพงเสียงภายนอก

ด้านขวามีปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ

ด้านซ้ายมีถาดใส่ซิมการ์ด และปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง

ตัวเครื่องมีดีไซน์ที่สวยงามเป็นอย่างมาก

และมีกล้องหลัง 3 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Omnivision + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล + เลนส์ Mono Camera ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
จุดขายสำคัญของ OnePlus Nord CE 5G
มาพูดถึงจุดขายกันบ้าง ซึ่งก็มีอยู่หลายส่วนด้วยกัน เริ่มจากหน้าจอแสดงผลแบบ Fluid AMOLED Display ที่มีค่ารีเฟรชเรทสูงถึง 90Hz กับความละเอียด 2400×1080 พิกเซล บนขนาด 6.43 นิ้ว ช่วยให้รับชมคอนเทนท์ได้เต็มตา แถมยังมีการทัขสกรีนที่ลื่นไหลทันใจ นับว่าเป็นหน้าจอที่ดีมากๆ เลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับสเปกเครื่องเหนือกว่าคู่แข่งบางรุ่นอีกด้วย แถมยังรองรับการเล่นเกมได้แบบเพลิดเพลิน
และที่พี่เศษไปกว่านั้นคือนั้น คือ วางจำหน่ายในราคาที่จับต้องได้ง่าย ด้านกล้องถ่ายภาพก็มีความละเอียดสูง รองรับการถ่ายภาพได้หลากหลายทั้งด้านหน้าด้านหลัง ในส่วนของดีไซน์ ก็ต้องยอมรับว่ามีการปรับปรุงให้สวยขึ้นกว่าเดิม ดูหรูหราพรีเมียมมากขึ้น และสุดท้ายคือให้แบตเตอรี่มาขนาดใหญ่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน พร้อมรองรับการชาร์จเร็วแบบ Warp Charge 30T (5V/6A) จะไม่ทำให้คุณพลาดทุกการติดต่ออย่างแน่นอน
หน้าจอ FHD+ Refresh Rate 90 Hz ดีไหม?
สำหรับหน้าจอแสดงผลจะเป็นแบบ Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว ที่มีความละเอียด Full HD+ (2400 x 1080 พิกเซล) ซึ่งหน้าจอแสดงผลของรุ่นนี้มีการแสดงผลสีสันคมชัด และเที่ยงตรง ที่ผ่านมาตรฐาน Display P3 เลยทีเดียว

ทำให้ผู้ใช้สามารถรับชมคอนเทนท์ต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลินโดยเฉพาะการชมภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ ด้วยความที่มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ทาง OnePlus ก็เล็งเห็นถึงความสำคัญในการปกป้องหน้าจอ จึงได้ครอบทับหน้าจอด้วยกระจกแบบ Gorilla Glass เพื่อป้องกันแรงกระแทก หรือสิ่งของมากระทบจนเกิดรอยขีดข่วน ไม่เพียงแค่นั้น ตัวหน้าจอแสดงผลยังรองรับเทคโนโลยี HDR10+ ซึ่งช่วยให้แสดงผลสีสันต่างๆ นั้นสมจริงดั่งตาเห็นเลยก็ว่าได้ โดยผ่านตามมาตรฐาน sRGB และ DCI-P3

และพิเศษไปกว่านั้น OnePlus Nord CE 5G ยังรองรับการแสดงผล Refresh Rate ที่ 90Hz โดยเทคโนโลยีนี้มีการแสดงผลภาพได้ 90 ภาพภาย 1 วินาที และจากการทดสอบด้วยการเล่นเกม ก็พบว่าหน้าจอแสดงผลสามารถแสดงผลได้เนียนตาเป็นอย่างมาก สามารถเล่นได้ต่อเนื่องอย่างเพลิดเพลิน บอกได้เลยว่า สาวกเล่นเกมจะต้องชื่นชอบหน้าจอแสดงผลของรุ่นนี้ อย่างแน่นอน โดยสมาร์ทโฟนในปัจจุบันที่มีราคาใกล้เคียงกันบางรุ่น ยังไม่มีหน้าจอแบบนี้เลยก็ว่าได้ และหากเทียบกับราคาค่าตัว ก็บอกได้เลยว่า คุ้มค่าเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังรองรับฟังก์ชันการลดแสงสีฟ้า สำหรับใช้งานในสภาวะแสงน้อยได้ ทำให้สามารถใช้นอนอ่าน E-Book หรือรับชมซีรี่ย์ ก่อนนอนได้อย่างสบายๆ
ประมวลผลเร็วแรงด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 750G
สำหรับชิปประมวลผลในการขับเคลื่อนการทำงานจะใข้เป็นรุ่น Snapdragon 750G ซึ่งจัดอยู่ในระดับกลางท็อป โดยจะประมวลผลได้ดีขึ้นทั้ง CPU และ GPU เลยทีเดียว

โดยจากการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน GeekBench 5 พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ คะแนน สำหรับการประมวลผลแบบ Single-Core และ คะแนน สำหรับการประมวลผลแบบ Multi-Core จากการทดสอบจะเห็นได้ว่าได้คะแนนสูงเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เนื่องด้วยมีสเปกเครื่องในระดับที่ดีนั่นเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้งานต่างๆ ที่จะตอบโจทย์การใช้งานต่างๆ แม้จะเป็นการใช้งานที่มีการประมวลผลสูงได้ไหลลื่นแน่นอน

และจากการทดสอบด้วยเล่นเกมต่างๆ รวมไปถึงเกมยอดฮิตตอนนี้อย่าง ROX ก็ถือว่าทำได้ตรงจุดมากๆ เพราะว่า CPU รุ่นนี้ได้รับการยอมรับทั้งเรื่องการใช้งานทั่วไป ระบบเน็ตเวิร์ค และแน่นอนเรื่องการเล่นเกม ที่ได้รับการยอมรับจากเกมเมอร์ทั่วโลก ซึ่งทำงานร่วมกับชิปกราฟิก Adreno 619 ที่สามารถเล่นเกมได้ดีรุ่นนึงสำหรับสมาร์ทโฟนระดับกลาง
มี RAM 12GB+ROM 128GB
ถือเป็นอีกหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับหน่วยความจำแรมที่สูงสุดคือ มีหน่วยความจำแรมมากถึง 8GB อีกทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกๆ ที่ให้หน่วยความจำแรมมามากถึงขนาดนี้ เรื่องการใช้งานคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย ด้วยหน่วยความจำแรมมากถึง 8GB สามารถใช้งานต่างๆ ได้ดีเหลือเฟือแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น การเปิดใช้งานแอปพลิเคชันพร้อมๆ กันหลายแอปพลิเคชัน เล่นเกม หรือการเปิดเบราว์เซอร์หลายๆ หน้าต่าง ก็ใช้งานได้รวดเร็ว

ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีหน่วยความจำภายในขนาด 128GB ซึ่งเป็นเวอร์ชัน UFS 2.1 ที่มีความสามารถในการอ่าน หรือเขียนได้รวดเร็วทันใจ เรียกได้ว่า การบันทึกภาพ หรือการอ่านไฟล์ต่างๆ รวดเร็วทันใจอย่างแน่นอน (ไม่สามารถเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกได้) และเพียงพอต่อการใช้งานในระยะยาวแบบไม่ต้องกังวลเรื่องหน่วยความจำเต็มจนทำให้เครื่องประมวลผลช้าลงแต่อย่างใด
และไม่จำเป็นต้องพึ่งหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD อีกด้วย ซึ่งหากใช้งานหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ที่เป็นรุ่นที่การอ่าน หรือเขียนความเร็วต่ำ ก็จะทำให้การอ่านข้อมูลช้ากว่าเดิม อาจทำให้รู้สึกรำคาญใจได้ แต่หากท่านใดรู้สึกว่าพื้นที่ไม่เพียงพอ ก็สามารถใช้บริการฝากไฟล์ต่างๆ รวมได้ เช่น Google Drive หรือ One Drive เป็นต้น
กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 เลนส์จะถ่ายภาพได้ดีขนาดไหน?
สำหรับกล้องดิจิทัลด้านหลังจะเป็นแบบ 3 เลนส์ (Triple-Camera) โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล (F/1.79) มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Omnivision + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีมุมมองกว้าง 119 องศา และเลนส์ Mono Camera ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4) นอกจากนี้ ยังมีระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF+CAF และไฟแฟลช LED
ซึ่งจากข้อมูลเลนส์กล้องจะเห็นได้ว่ารุ่นนี้ไม่มีเลนส์ Telephoto ออกไป จึงทำให้เป็นการซูมแบบซอฟต์แวร์ได้ที่ 10x และถึงแม้จะเป็นกล้อง 3 เลนส์ แต่ก็มีการอัปเกรดในเรื่องของระบบโฟกัสภาพที่ดีขึ้น, AI ชาญฉลาดมากขึ้น อีกทั้งการปรับค่ากล้องก็ง่าย สะดวก หรือเพียงแค่เปลี่ยนโหมดก็ช่วยให้สามารถถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ในการถ่ายภาพโหมดกปกติ สีสันของอาหาร หรือวิวทิวทัศน์ต่างๆ ก็ตรงดั่งที่ตาเห็น ไม่มีผิดเพี้ยนอีกด้วย ด้าน Interface กล้องดิจิทัลด้านหลังมีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย โดยสามารถเลือกปรับเลือกเลนส์เพื่อถ่ายภาพได้ตามใจชอบ

ทางด้านการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน จากภาพจะเห็นได้ว่าตัวแบบมีรายละเอียดที่ชัดเจน รายละเอียดเส้นขนคมชัด ตัดขอบกับฉากหลังได้อย่างเนียน ส่วนฉากหลังก็เบลอได้ดีอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยให้ผู้ใช้ภาพถ่ายได้หลากหลายมากขึ้นได้

อีกหนึ่งจุดเด่นคือ การถ่ายภาพ Ultra-Wide โดยจากการทดสอบพบว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้สามารถถ่ายภาพมุมกว้างออกมามีรายละเอียดของภาพที่คมชัด เรียกได้ว่า ทาง OnePlus ทำซอฟต์แวร์ในจุดนี้ออกมาดีไม่น้อย จึงทำให้ภาพมุมกว้างถึงมีความคมชัดได้ระดับนี้ เนื่องด้วยสมาร์ทโฟนบางรุ่นยังถ่ายภาพมุมกว้างออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติ

ด้วยความที่มีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ พร้อมทั้งรูรับแสงที่กว้าง จึงมีความโดดในเรื่องของการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี โดยจากการทดสอบก็พบว่าสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยผ่านโหมดถ่ายภาพกลางคืนออกมาได้อย่างคมชัด สีสันแสงต่างๆ ก็ดูสดใส พร้องทั้งเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างคมชัด และไม่มีนอยส์ให้พบเจอ ไม่เพียงแค่นั้น ด้วยความที่มีรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.79 บวกกับโหมดถ่ายภาพกลางคืนที่ดีขึ้นกว่าเดิม แม้จะเป็นในที่แสงน้อยได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และสามารถถ่ายภาพได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง เพียงแค่เลือกโหมดถ่ายภาพกลางคืนก็สามารถถ่ายภาพได้ทันที
ถ่ายวิดีโอเป็นยังไงบ้างนะ?
สำหรับกล้องดิจิทัลด้านหลังจะสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ 4K Ultra HD 30fps และจากที่ได้ทดสอบก็พบว่าไฟล์วิดีที่ได้ค่อนข้างมีความคมชัด สีสันสดใส เห็นรายละเอียดครบ เรียกได้ว่า ตรงดั่งตาเห็น
และจากการทดสอบถ่ายวิดีโอก็พบว่า สามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ครบ และมีความชัดเจนเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ดี รุ่นนี้ไม่มีระบบกันสั่นมาให้ใช้งาน เวลาถ่ายวิดีโอ จึงจำเป็นต้องถือมือนิ่งๆ หรือหาขาตั้งกล้องมือถือมาช่วยก็จะทำให้วิดีโอนิ่งขึ้นได้
กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล รุ่นเดิม?
สำหรับ กล้องดิจิทัลด้านหน้านั้นไม่ได้เป็นแบบ Pop-up เหมือนรุ่นก่อนหน้านี้ แต่ยังคงใช้กล้องดิจิทัลรุ่นเดิมที่มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ IMX471 ที่มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.45 ซึ่งเป็นรุ่นเดิมที่ใช้บน OnePlus 8 เลยก็ว่าได้ โดยเหตุผลที่ทาง OnePlus ไม่ได้อัปเกรดกล้องดิจิทัลด้านหน้า นั่นก็ว่าเพราะกล้องดิจิทัลตัวนี้นั่นยังตอบโจทย์ในการถ่ายภาพเซลฟี่ที่ดีในทุกสภาวะแสง และเคยได้คะแนนจาก DxOMark แบบรวมอยู่ที่ 86 คะแนน เลยทีเดียว จึงการันตีเรื่องการถ่ายภาพได้ดีอย่างแน่นอน และที่พิเศษไปกว่านั้น ยังมีเซ็นเซอร์สำหรับตรวจจับเมื่อเครื่องตก ตัวกล้องจะทำการเก็บเข้าอัตโนมัติทันที
สำหรับ Interface กล้องถ่ายภาพด้านหน้าก็มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลายอย่าง เช่น โหมดถ่ายภาพหน้าสวย หรือโหมดถ่ายภาพสติกเกอร์ โดยในโหมดถ่ายภาพหน้าสวยก็ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI อย่างลงตัว ซึ่งเข้ามาช่วยปรับแต่งในเรื่องของผิวเนียน หรือลบรอยด่างดำ เพื่อให้ได้ภาพเซลฟี่ที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด และอีกหนึ่งจุดเด่นของกล้องดิจิทัลด้านหน้า คือ มีระบบกันสั่นแบบ EIS พร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด Full HD 60fps ซึ่งเหมาะกับการนำไปถ่าย VLOG เป็นอย่างมาก ก็ช่วยให้วิดีโอนิ่ง และน่าสนใจมากขึ้นได้
ซึ่งจากการทดสอบก็สามารถถ่ายภาพออกมาได้เนียนอย่างเป็นธรรมชาติเลยทีเดียว โดยสามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างเนียนตา และเป็นธรรมชาติ
GPS แม่นยำแม่นยำใช้ได้เลย!
สำหรับเสาสัญญาณ GPS บน OnePlus Nord CE 5G ก็นับว่ามีความแม่นยำใช้ได้เลยทีเดียว สามารถจับเสาสัญญาณได้เยอะ และหากเป็นการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน Google Maps ก็สามารถนำทางได้อย่างแม่นยำเที่ยงตรง แต่หากเป็นในกรณีเดินทางใต้ทางด่วน หรือใต้สะพาน จุดนำทางอาจจะมีการเคลื่อนผิดเพี้ยนบ้างเล็กน้อย ก็จุดนี้ก็ขึ้นอยู่กับการทำงานร่วมกับสัญญาณโทรศัพท์ด้วยนั่นเอง แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าทำงานได้ดีเป็นที่น่าพอใจ
มีระบบเสียง Dirac
ทางด้านลำโพงเสียงนั้นเป็นแบบเดี่ยว คือ มีเฉพาะด้านล่างตัวเครื่อง แต่เสียงที่ได้ก็ดังมาก แต่จะออกไปทางทุ้มๆ หน่อย นอกจากนี้ ยังมีระบบเสียง Dirac ซึ่งเป็นระบบเสียงที่ใช้ในโรงภาพยนตร์ ทำให้การเล่นเกม หรือชมภาพยนตร์ ได้ราวกับอยู่ในโรงภาพยนตร์เลยก็ว่าได้

ซึ่งจากการทดสอบด้วยการฟังเพลง หรือชมภาพยนตร์ เสียงที่ได้ก็กระหึ่มเร้าใจ ราวกับชมภาพยนตร์อยู่ในโรงภาพยนตร์เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ ยังให้เสียงที่ดังไม่แหลมจนเกินไป ซึ่งดีกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน อีกทั้งเสียงที่ดูแน่นกว่าลำโพงตัวเดียว พร้อมกับคุณภาพ ทางทีมงานคิดว่าดีมาก ไม่ผิดหวังแน่นอน
รองรับ WiFi 5GHz ด้วยนะ!

อีกหนึ่งข้อดี คือ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน WiFI ที่คลื่นถี่ 5GHz ได้ ซึ่งประโยชน์ของการเชื่อมต่อ WiFi ที่คลื่นความถี่นี้ได้คือ สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายได้ที่ระดับ 300GB ขึ้นไปได้นั่นเอง โดยจะทำให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกมได้อย่างไหลลื่นไร้อาการหน่วงให้รำคาญใจอีกต่อไป แต่ทั้งนี้ และทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับเร้าเตอร์ของผู้ใช้ด้วยว่าสามารถกระจายสัญญาณ WiFi 5GHz ได้หรือไม่ หากทำได้ก็จะสามารถใช้งานความเร็วของอินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
แบตอึดขึ้น และชาร์จเร็วมาก
มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh ซึ่งมากกว่า OnePlus 8 อยู่เล็กน้อย แต่ก็ถือเป็นความจุเพียงพอต่อการใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานตลอดทั้งวัน โดยจากการทดสอบด้วยการใช้งานตลอดระยะเวลา 1 วันเต็ม ไม่ว่าจะเป็น เล่นแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก, ดูคลิปบน Youtube, ถ่ายภาพ หรือท่องเว็บไซต์ต่างๆ ก็พบว่าแบตเตอรี่อึดในระดับที่น่าพอใจ อาจเป็นเพราะว่า OnePlus มีสเปกเครื่องระดับท็อปจึงจัดการใช้งานแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างดี

และเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ก็ไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด เนื่องด้วยรุ่นนี้รองรับเทคโนโลยี Warp Charge 30T (30W) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วทันใจ ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ 50% ได้ ภายในเวลาอันรวดเร็ว เรียกได้ว่า เสียบชาร์จไว้ แล้วอาบน้ำแต่งตัว แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวๆ ตลอดทั้งวันแน่นอน และอีกหนึ่งความน่าสนใจคือ ตัวเครื่องจะไม่สะสมความร้อน ช่วยให้ใช้งานได้ต่อเนื่องแบบลื่นๆ เลยทีเดียว ** ข้อเสียจากการเกิดความร้อนสะสมที่ตัวเครื่อง จะทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานนั้นลดลง **
ฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ
มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Oxygen OS ซึ่งมีการปรับปรุง และพัฒนาให้ดีขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานต่างๆ ได้ไหลลื่น และมีฟีเจอร์ให้ใช้งานมากมาย นอกจากนี้ ยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC ได้
สามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้หลากหลาย
มีบริการจากทาง Google ให้ใช้งานอย่างครบครัน
สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชันได้ รวมถึงสามารถปรับค่าการแสดงผลสีสันบนหน้าจอได้อีกด้วย
ในส่วนของการเปิดใช้งานเว็บเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตก็สามารถแสดงเนื้อหาต่างๆ ได้ครบถ้วน
สามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ กับระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าได้
และสามารถสั่งงานด้วยท่าทางได้
รองรับฟังก์ชัน Game Mode สำหรับเร่งประสิทธิภาพฮาร์ดแวร์เพื่อช่วยในการเล่นเกมได้อย่างไหลลื่น
ตัวอย่างภาพจากกล้องดิจิทัลด้านหลัง
โหมดปกติ โหมดปกติ โหมดปกติ
ภาพถ่ายสภาวะแสงน้อย ภาพถ่ายสภาวะแสงน้อย
ภาพถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ ภาพถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ

ตัวอย่างภาพจากกล้องดิจิทัลด้านหน้า
ภาพถ่ายเซลฟี่ ภาพถ่ายเซลฟี่
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
สรุปผลการทดสอบของ OnePlus Nord CE 5G
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับการรีวิว OnePlus Nord CE 5G สมาร์ตโฟน Series ใหม่จากค่ายวันพลัส โดยจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาก็ต้องบอกเลยว่ารุ่นนี้เป็นสมาร์ทโฟนตัวท็อประดับกลางที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเป็นอย่างมาก
เริ่มตั้งแต่หน้าจอแสดงผลแบบ Fluid AMOLED ที่มีความคมชัดระดับ Full HD+ ช่วยให้ภาพที่ได้จากการเล่นเกม หรือภาพยนตร์นั้นสดใสไม่น้อย นอกจากนี้ ยังมีค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz ทำให้ภาพการเปลี่ยนฉาก หรือการเล่นเลื่อนหน้าเว็บไซต์ เรียกได้ว่าเนียนตาเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีระบบเสียง Dirac ที่ให้พลังเสียงราวกับอยู่ในโรงภาพยนตร์ ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสในการใช้งานไปอีกระดับ แต่อย่างไรก็ดี เสียงก็จะออกแนวกว้างๆ ทุ้มๆ หน่อย ซึ่งก็อยู่ในระดับที่รับได้
ทางด้านกล้องถ่ายภาพก็นับว่าถ่ายภาพออกมาได้ดีทั้งกล้องดิจิทัลด้านหน้า และด้านหลัง ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย, แสงปกติ หรือจะเป็นการถ่ายภาพมุมมองกว้างก็ตาม ภาพถ่ายที่ได้ก็มีความคมชัด สีสันสมจริง อีกทั้งยังมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย ช่วยให้ถ่ายภาพได้อย่างเพลิดเพลิน ซึ่งรวมถึงการถ่ายภาพ Portrait ด้วยเช่นกัน ซึ่งจากการทดสอบก็พบว่าภาพถ่ายที่ได้มีการตัดขอบตัวแบบ กับฉากหลังได้อย่างเนียนตา
ด้านสเปกเครื่องตอบโจทย์ได้ดีเกินคาด ด้วยความที่มีสเปกเครื่องในระดับสูง อีกทั้งยังมีฟังก์ชัน Game Mode สำหรับรีดเร้นศักยภาพฮาร์ดแวร์ให้ทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพได้ ทำให้เล่นเกมที่มีกราฟิกสวย ได้อย่างไหลลื่น นอกจากนี้ ยังจัดการเรื่องระบายความร้อนมาให้ภายในเครื่อง เรียกได้ว่า สามารถเล่นเกมกราฟิกสูงๆ ได้ต่อเนื่องได้แบบไม่ตัวกังวลว่าเครื่องจะหน่วงแต่อย่างใด อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี 5G ตอบโจทย์อินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ยุคใหม่ได้อีกด้วย
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีแบตเตอรี่ที่มากขึ้นเป็น 4500 mAh ช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวันอย่างแน่นอน และหากแบตเตอรี่ใกล้จะหมดก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็วทันใจด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็ว
โดย OnePlus Nord CE 5G น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับท็อปที่มีสเปกครบสำหรับตอบโจทย์การใช้งานระดับสูงได้ครบทุกด้าน และมีราคา 12,990 บาท บาท ซึ่ง รุ่นนี้ ถือเป็นตัวเลือกที่สมเหตุผลสมผลไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับวันนี้ ก็ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่โอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ OnePlus Nord CE 5G
– ดีไซน์สวยมีเอกลักษณ์ที่สวยงามน่าถือใช้งาน
– หน้าจอแสดงผลแบบ Fluid AMOLED ใหญ่คมชัดเต็มตา สีสันสดใส พร้อมรองรับ Refresh Rate 90 Hz
– สเปกเครื่องดีใช้งานต่างๆ ได้ครบครันไหลลื่น
– ใช้หน่วยความจำ ROM ขนาด 128GB แบบ UFS 2.1
– มีหน่วยความจำแรมมากถึง 8GB
– ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 10 ใหม่ล่าสุด
– กล้องดิจิทัลถ่ายภาพได้ดี คมชัด ทั้งด้านหลัง และด้านหลัง
– รองรับการเชื่อมต่อ WiFi ผ่านคลื่นความถี่ 5G
– ลำโพงคู่สเตอริโอ ด้วยระบบเสียง Dirac
– มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ใช้งานได้ยาวนาน พร้อมรองรับชาร์จได้เร็ว 33W
จุดที่ต้องพิจารณาของ OnePlus Nord CE 5G
– ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำแบบ microSD ได้
– ด้วยความที่เป็นหน้าจอขอบโค้งเวลาถือใช้งานบางครั้งอุ้งมือไปโดนหน้าจอ ทำให้เกิดอาการทัชไม่ติดบ้างบางครั้ง
– ไม่มีกันสั่น OIS