รู้กันอยู่ว่าตอนนี้กำลังเผชิญกับวิกฤตชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่ขาดแคลนทั่วโลก ซึ่งก็สร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับทั้งไลน์ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอที, สมาร์ตโฟน, แท็บเล็ตและอุตสาหกรรมรถยนต์ ด้วยสาเหตุหลักๆ นั้นมาจาก 3 ปัจจัยที่ทำให้ชิปนั้นขาดแคลน นั่นก็คือ
การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่นำไปสู่การแย่งซัพพลายชิปเซมิคอนดักเตอร์ระหว่างอุตสาหกรรมรถยนต์และผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์, การกักตุนชิปเซมิคอนดักเตอร์จากประเทศจีนและความต้องการที่สูงขึ้นจากผู้ผลิตสมาร์ตโฟนและสมาร์ตโฟน 5G

โดยปัญหาเหล่านี้คือการทุ่มงบเพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้งบประมาณที่สูงเป็นอย่างมาก เพราะเนื่องจาก เทคโนโลยีการผลิตเซมิคอนดักเตอร์นั้นมีรายละเอียดที่ซับซ้อนสุดๆ ทั้งยังต้องใช้ระยะเวลาในการจัดตั้งโรงงานผลิตนานเป็นพิเศษอีกด้วย

ล่าสุด Pat Gelsinger ซีอีโอของ Intel ได้ออกมาพูดถึงเรื่องวิกฤตชิปเซ็ตที่ขาดแคลนทั่วโลกอยู่ ณ ตอนนี้ ว่า ชิปเซ็ตนั้นจะยังคงขาดแคลนไปอีก 2-3 ปี ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องส่งผลกระทบต่อเกือบจะทุกส่วนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ตั้งแต่รถยนต์, สมาร์ตโฟนและแล็ปท็อป

ในขณะที่ Qualcomm ได้เคยออกมาพูดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เผยว่าชิปเซ็ตสมาร์ตโฟนนั้นได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก และทางบริษัทก็หวังว่าการขาดแคลนนั้นจะจบลงภายในสิ้นปี 2021 รวมไปถึงผู้ผลิตสมาร์ตโฟนหลายอื่นๆ ต่างก็ได้รับผลกระทบตามๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น Xiaomi หรือ Samsung ที่ขาดแคลนชิป Snapdragon 750G และ Snapdragon 720G ที่จะนำมาใช้ใน Galaxy A Series

นอกเหนือจากสมาร์ตโฟนแล้ว ยังมีเครื่องเล่นเกมคอนโซลที่โดนหางเลขไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น Xbox Series X และ S, PlayStation 5 และ GPU ล่าสุดของ Nvidia ที่แทบจะไม่มีของอยู่ในสต็อกแล้ว ซึ่งทางฝั่งรัฐบาลสหรัฐอเมริกา Joe Biden ได้ประกาศแผนการที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องชิปเซ็ตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยจะลงทุนเม็ดเงินมหาศาลที่จะสร้างโรงงานแห่งใหม่ในรัฐแอริโซนา ในประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อเพิ่มกำลังในการผลิต

ทั้งนี้ โรงงานที่ทางฝั่งรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้วางแผนไว้ก็คงใช้ระยะเวลานานเป็นพิเศษเพื่อที่จะจัดตั้งโรงงานผลิต ซึ่งก็ทำให้ทาง Intel ได้คาดการณ์และมีความเห็นว่า เราอาจจะต้องเผชิญกับวิกฤตชิปขาดแคลนแบบนี้ไปอีก 2-3 ปี
นำเสนอข่าวโดย : StepGeek
ที่มา : androidauthority