จบเทศกาลสงกรานต์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ เพื่อนๆ ทุกท่านได้กลับบ้านไปเยี่ยมเยียนครอบครัวกันเรียบร้อยกันแล้วอย่างแน่นอน เรียกได้ว่า กลับไปเติมตเ็มความสุขกันมาเต็มเปี่ยม และกลับมาดำเนินชีวิตกันต่อ วันนี้ก็ถึงคิวการแนะนำสมาร์ทโฟนรุ่นเด็ดๆ ในประจำเดือนเมษายน 2562 กันบ้าง ว่ามีรุ่นไหนน่าซื้อ หรือน่าใช้งานกันบ้าง โดยในครั้งนี้จะเป็นการแนะนำ 5 สมาร์ทโฟนครบเครื่องทุกการใช้งานที่มีราคาไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งต้องบอกเลยว่า ปัจจุบันสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ครบเครื่องทุกการใช้งานนั้นมีอยู่หลายรุ่นด้วยกัน ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ในวันนี้ทางทีมงานเลยได้รวบรวมสมาร์ทโฟนที่มีสเปกเครื่องใกล้เคียงกับเรือธง แต่มีราคาย่อมเยามาแนะนำให้ทุกท่านได้รับทราบข้อมูลกัน ส่วนจะมีรุ่นไหนกันบ้างนั้น ขอเชิญทุกท่านไปรับชมพร้อมกันได้เลยครับ
1. Samsung Galaxy A50
– ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ 3D Glassic ไล่ระดับสี โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 158.5×74.7×7.7 มิลลิเมตร
– หน้าจอแสดงผลแบบ Infinity-U Super AMOLED ความละเอียดระดับ 2340×1080 พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้ว
– ใช้ชิปเซ็ต Exynos 9610
– หน่วยความจำแรมขนาด 6 GB
– หน่วยความจำภายในขนาด 128 GB รองรับการเพิ่มการ์ดแบบ microSD ได้สูงสุด 512 GB
– กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/2.0
– กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ 3 เลนส์ (Triple-Camera) โดยกล้องตัวแรกความละเอียด 25 ล้านพิกเซล (Main Camera) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/1.7, กล้องตัวที่สองความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (Depth Camera) ซึ่งมีขนาดรูรับแสง F/2.2, กล้องตัวที่สามความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (Ultra-Wide) ซึ่งมีมุมมองกว้าง 123 องศา พร้อมขนาดรูรับแสง F/2.2, รองรับ AI Scene Optimizer, รองรับฟังก์ชัน Flaw Detection การตวจจับจุดด่างดำ และมีไฟแฟลช LED
– รองรับ Samsung Pay
– รองรับ Bixby Home, Bixby Vision, Bixby Voice กับ Bixby Reminder
– รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
– รองรับระบบแสกนใบหน้า และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
– แบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็วแบบ 15W
มาเริ่มกันที่สมาร์ทโฟน A-Series จากทาง Samsung เป็นอันดับแรกอย่าง Samsung Galaxy A50 โดย Samsung Galaxy A50 ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นต่อยอดในตระกูล A-Series ที่มีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายเรื่องตั้งแต่หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่แบบ Infinity-U, ตัวเครื่องดีไซน์แบบ 3D Glassic ไล่ระดับสี ซึ่งเวลากระทบกับแสง จึงทำให้ด้านหลังมีความเงางามเป็นพิเศษ, กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ 3 เลนส์ (Triple-Camera) ที่สามารถถ่ายภาพมุมกว้าง หรือวิวทัวทัศน์ต่างๆ ได้ดั่งใจ และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ใช้งานได้ยาวนาน โดยสรุปแล้ว Samsung Galaxy A50 น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีประสิทธิภาพครบเครื่องทุกการใช้งาน และมีราคาในระดับหมื่นต้นๆ ซึ่ง Samsung Galaxy A50 ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งยังวางจำหน่ายในราคาเพียง 11,490 บาท และที่พิเศษไปกว่านั้นยังมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าด้วยการลุ้นชมฟรี Blackpink Exclusive Show จำนวน 700 ที่นั่ง เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2562 อีกด้วย (สามารถอ่านรีวิว Samsung Galaxy A50 ได้ที่นี่)
2. OPPO F11 Pro
– ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Glossy ที่มีความเงางามเป็นพิเศษ
– หน้าจอแสดงผลแบบ LTPS TFT Panoramic Screen ความละเอียด 2340×1080 พิกเซล ในอัตราส่วน 19.5:9 บนขนาด 6.5 นิ้ว ทำให้มีพื้นที่การแสดงผลมากถึง 90.90%
– ใชชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek Helio P70 พร้อมรองรับเทคโนโลยี Hyper Boost สำหรับรีดเร้นศักยภาพตัวเครื่องให้ทำงานประสิทธิภาพสูงสุด
– หน่วยความจำแรมขนาด 6 GB
– หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB
– ใช้ระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 9.0 Pie พร้อมครอบทับด้วย ColorOS เวอร์ชัน 6.0
– กล้องดิจิทัลด้านหน้าเป็นแบบ Rising ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/3.1 นิ้ว ที่มีเม็ดพิกเซลขนาด 1 ไมครอน พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.0, รองรับเทคโนโลยี A.I. Beauty
– กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) โดยกล้องตัวแรกมีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/2.25 นิ้ว ที่มีเม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.79 ส่วนกล้องตัวที่สองมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/5 นิ้ว ที่มีเม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.4 นอกจากนี้ กล้องดิจิทัลด้านหลังยังใช้โครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์, รองรับระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF, รองรับเทคโนโลยี Ball-bearing Closed-loop VCM ช่วยขยับกล้องให้ตรงกับวัตถุโฟกัส เพื่อให้โฟกัสได้รวดเร็ว และโฟกัสแม่นยำมากยิ่งขึ้น, รองรับเทคโนโลยี AI Scene กับ AI Ultra-Clear Engine, รองรับโหมดถ่ายภาพ Portrait, รองรับโหมดถ่ายภาพกลางคืน (Ultra Night Mode) และมีไฟแฟลช LED
– รองรับระบบสแกนใบหน้า กับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– แบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูง (VOOC Flash Charge 3.0) ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วกว่าเดิมถึง 20% และสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็ม 100% ภายในเวลา 80 นาที
สำหรับ OPPO F11 Pro มีการอัปเกรด และพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ให้ดีขึ้นหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของกล้องดิจิทัลด้านหลังที่มีการอัปเกรดมากกว่าให้สามารถถ่ายภาพในที่มืดได้ดีภายใต้นิยามว่า “ถ่ายได้แม้ในที่แสงน้อย” ซึ่งจากการทดสอบก็พบว่ากล้องดิจิทัลด้านหลังของ OPPO นั้นถ่ายภาพได้ดี คมชัดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย (Ultra Night Mode) ภาพถ่ายก็มีรายเอียดที่ครบ คมชัด และแสงโดยรอบก็ดูธรรมชาติ และเหตุผลที่ OPPO F11 Pro นั้นสามารถถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดี ก็เนื่องด้วยกล้องดิจิทัลด้านหลังนั้นมีเม็ดพิกเซล กับเซ็นเซอร์ของกล้องขนาดใหญ่ ช่วยให้เก็บแสงต่างๆ ได้ดี อีกทั้งยังมีระบบโฟกัสที่ดี กับความละเอียดกล้องที่สูงมากถึง 48 ล้านพิกเซล จึงส่งผลให้ภาพถ่ายที่ออกมานั้นน่าประทับใจอย่างที่ได้เห็นกันนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ ทำให้ OPPO F11 Pro มีความโดดเด่นที่กล้องดิจิทัลด้านหลังไม่น้อย ส่วนทางด้านฟีเจอร์อื่นๆ ทั้งในเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่องสุดเงางามไล่ระดับสีได้, สเปกเครื่องเร็วแรงใช้งานได้ไหลลื่น, หน้าจอแสดงผล Panoramic Screen ใหญ่เต็มตา, กล้องดิจิทัลด้านหน้า 16 ล้านพิกเซล, รองรับเทคโนโลยี Hyper Boost สำหรับรีดเร้นศักยภาพฮาร์ดแวร์ และมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยี VOOC Flash Charge 3.0 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ล้วนพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ให้ผู้ใช้นั้นสามารถใช้งานได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังวางจำหน่ายในราคาสุดคุ้มเพียง 10,990 บาท เท่านั้น! (สามารถอ่านรีวิว OPPO F11 Pro ได้ที่นี่)
3. Huawei Nova 4
– ตัวเครื่องเป็นกระจกโค้งมนแบบ 3D
– รองรับ 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับเทคโนโลยี VoLTE
– ชิปเซ็ต Kirin 970
– หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G72
– หน่วยความจำภายในขนาด 128 GB
– หน่วยความจำแรมขนาด 8 GB
– ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 9.0 Pie
– หน้าจอแสดงผลแบบ Punch Display ซึ่งช่วยให้มีพื้นที่การแสดงผลมากถึง 86.3% โดยมีความละเอียดสูงถึง 2310×1080 พิกเซล บนขนาด 6.4 นิ้ว
– กล้องถ่ายภาพด้านหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล ซึ่งมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.0 พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI
– กล้องถ่ายภาพด้านหลังแบบ3 เลนส์ (Triple-Camera) ที่มีความละเอียด 20+16+2 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8, F/2.2 กับ F/2.4 ตามลำดับ อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี AI และไฟแฟลช LED นอกจากนี้ ยังมีโหมด Super Night สำหรับถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้
– มีระบบสแกนใบหน้า และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอ
– แบตเตอรี่ขนาด 3650 mAh
– ราคา 16,990 บาท
อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นต่อยอดรุ่นเด็ดที่ทาง StepGeek.TV ได้ถูกคัดเลือกมานั้นคือ Huawei Nova 4 โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีความโดดเด่นหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์กระจกโค้งมนแบบ 3D สุดเงางาม, หน้าจอ Punch Display แบบใหม่ช่วยให้รับชมคอนเทนท์ได้เต็มตามากยิ่งขึ้น, ใช้ชิปเซ็ตระดับท็อป Kirin 970 พร้อมหน่วยความจำแรมขนาด 8 GB กับหน่วยความจำภายในขนาด 128 GB พร้อมรองรับเทคโนโลยี GPU Turbo 2.0 ที่เล่นเกม หรือใช้งานต่างๆ ได้อย่างไหลลื่น, มีกล้องดิจิทัลด้านหน้า 25 ล้านพิกเซล, มีกล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ 3 เลนส์ และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 3650 mAh เรียกได้ว่า เป็นสมาร์ทโฟนที่มีฮาร์ดแวร์ระดับเรือธงในร่างสมาร์ทโฟนระดับ อีกทั้งยังเปิดวางจำหน่ายในราคาที่จับต้องได้ง่ายเพียง 16,990 บาท เท่านั้น! ซึ่งคุ้มค่าเป็นอย่างมาก (สามารถอ่านรีวิว Huawei Nova 4 ได้ที่นี่)
4. Huawei P30 Lite
– ดีไซน์ 3D Curved Glass
– หน้าจอแสดงผลแบบ LTPS IPS LCD Drewdrop Display ความละเอียด 2312×1080 พิกเซล ที่มีอัตราส่วน 19.5:9 บนขนาด 6.15 นิ้ว
– ใช้ชิปเซ็ต Kirin 710
– ชิปกราฟิกแบบ Mali-G51 MP4
– หน่วยความจำภายในขนาด 128 GB
– หน่วยความจำแรมขนาด 6 GB
– รับระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 9 Pie
– กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.0 พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI
– กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ 3 เลนส์ (Triple-Camera) โดยกล้องตัวแรกความละเอียด 40 ล้านพิกเซล ซึ่งมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.8, กล้องตัวที่สอง (Ultra-wide) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.4 และกล้องตัวที่สาม (Telephoto) ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ซึ่งมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.4 นอกจากนี้ ยังรองรับเทคโนโลยี AI และมีไฟแฟลชแบบ Dual-LED
– รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด
– รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังเครื่อง กับระบบสแกนใบหน้า
– แบตเตอรี่ขนาด 3340 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูง 18W
ถึงแม้จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูล P30-Series แต่ Huawei P30 Lite ก็มีฟีเจอร์ต่างๆ ให้ใช้งานหลากหลายไม่แพ้กัน เริ่มตั้งแต่ ตัวเครื่องดีไซน์โค้งมนแบบ 3D ให้จับได้ถนัดมือ พร้อมทั้งมีการไล่เฉดสีเพื่อเพิ่มความสวยงามอีกด้วย, ใช้หน้าจอแสดงผลแบบ Drewdrop ความละเอียด 2312×1080 พิกเซล ที่มีขนาด 6.15 นิ้ว ถึงแม้จะมีความกว้างไม่มากนัก แต่ด้วยเทคโนโลยี Drewdrop จึงช่วยให้แสดงผลได้กว้างเต็มพื้นที่, ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Kirin 710 กับหน่วยความจำแรมขนาด 6 GB สามารถตอขโจทย์การใช้งานต่างๆ ได้ไหลลื่นอย่างแน่นอน, ทางด้านกล้องดิจิทัลถึงแม้จะไม่ใช่ระดับเดียวกับ P30 กับ P30 Pro แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานสามารถถ่ายภาพออกมาได้คมชัดสมจริงอย่างแน่นอน และมีแบตเตอรี่ 3340 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูง 18W สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน ซึ่งหากเทียบสิ่งที่มีอยู่บน Huawei P30 Lite กับราคาวางจำหน่าย 10,990 บาท บอกได้เลยว่า เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นนึงที่มีความคุ้มค่าไม่น้อยเลยทีเดียว
5. Vivo V15 Pro
– ตัวเครื่องเป็นดีไซน์แบบ Spectrum Ripple ที่มีความเงางามเป็นพิเศษ พร้อมลวดลายค้ลายคลื่นสัญญาณ และไล่ระดับสีได้
– ตัวเครื่องมีขนาด 157.25×74.71×8.21 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 185 กรัม
– หน้าจอแสดงผลแบบ Ultra FullView Super AMOLED ในอัตราส่วน 19.5:9 บนขนาด 6.39 นิ้ว ครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Glass
– ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 675 AIE
– ชิปกราฟิก Adreno 612
– ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie (Funtouch OS เวอร์ชัน 9)
– หน่วยความจำแรมขนาด 6 GB
– หน่วยความจำรอม 128 GB พร้อมรองรับ microSD สูงสุด 256GB
– รองรับสแกนนิ้วใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanning) และระบบสแกนใบหน้า
– กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบ Pop-up ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI
– กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ 3 เลนส์ (Triple Camera) ได้แก่ กล้องตัวแรกความละเอียด 48 ล้านพิกเซล กล้องตัวที่สองความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเลนส์แบบ AI Super Wide-Angle และกล้องตัวที่สามความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเลนส์แบบ Depth Sensor นอกจากนี้ ยังใช้เซ็นเซอร์แบบ Quad Pixel Sensor ที่เป็นเทคโนโลยีเม็ดพิกเซลแบบ four-in-one pixel คือ การรวมเม็ดพิกเซล 4 พิกเซล ให้เป็น 1 พิกเซล ซึ่งจะมีประโยชน์ตรงที่เก็บแสงได้ดี, เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.25 นิ้ว ที่มีรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.8, เม็ดพิกเซลขนาด 1.6 ไมครอน, รองรับเทคโนโลยี AI Triple Camera และไฟแฟลชแบบ Dual-LED
– รองรับฟังก์ชัน Game Cube สำรหรับรีดเร้นศักยภาพฮาร์ดแวร์ให้ทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพ ช่วยให้เล่นเกมได้ดีขึ้นมากถึง 300%
– รองรับการเชื่อมต่อแบบ OTG
– รองรับการใช้ได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด
– แบตเตอรี่ขนาด 3700 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูง (Dual-Engine Fast Charging แบบ 18W) ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 24% ได้ภายในเวลา 15 นาที
บอกได้เลยว่าปีนี้ Vivo กลับได้มาอย่างยิ่งใหญ่ก็คงไม่ผิด ด้วยการเปิดตัว Vivo V15 Pro พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ล้ำๆ ให้สายตาแฟนทั่วโลกได้ตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เนื่องด้วย Vivo V15 Pro มีการปรับปรุง และพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ให้ดีขึ้น รวมถึงดีไซน์ ที่มีการเปลี่ยนใหม่เป็น Spectrum Ripple ซึ่งช่วยให้ตัวเครื่องมีความสวยงามมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใส่ไว้ให้ใช้งานอีกด้วย เช่น เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้จอ, กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบ Pop-up ความละเอียด 32 ล้าพิกเซล ที่สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ได้ออกสวยอย่างเป็นธรรมชาติมากๆ, กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ Triple-Camera ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ที่ใช้เซ็นเซอร์แบบ Quad Pixel Sensor ที่ทำงานร่วมกับฟีเจอร์ AI Super Night Mode ได้เป็นอย่างดีสามารถถ่ายภาพออกมาได้คมชัด และมีสีสันที่สดใสสมจริง นอกจากนี้ ยังมีหน้าจอแสดงผลแบบไร้ขอบแบบ Ultra FullView Super AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว ที่มีพื้นที่การแสดงผลเต็มขอบช่วยให้เล่นเกม หรือชมภาพยนตร์ได้อย่างเพลิดเพลิน, ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 675 AIE บวกกับ RAM 6 GB พร้อมทำงานร่วมกับฟังก์ชัน Game Cube ซึ่งทาง Vivo ได้เครมไว้ว่าช่วยให้เล่นเกมได้ดีขึ้นถึง 300% เลยทีเดียว สายเกมเมอร์ต้องถูกใจอย่างแต่นอน และสุดท้ายคือมีแบตเตอรี่ขนาด 3700 mAh พร้อมรองรับชาร์จเร็ว ที่ช่วยให้ใช้งานต่างๆ ได้ยาวนานดั่งใจ ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ดังที่กล่าวมา หากเทียบกับราคาค่าตัวเพียง 14,999 บาท บอกได้เลยว่า คุ้มค่าเป็นอย่างมาก (สามารถอ่านรีวิว Vivo V15 Pro ได้ที่นี่)
ก็จบลงไปแล้วนะครับ สำหรับการแนะนำ 5 สมาร์ทโฟนระดับกลางใช้งานเล่นลื่นๆ ที่มีราคาไม่เกิน 15,000 บาท ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าสมาร์ทโฟนที่ทางทีมงาน StepGeektv แนะนำนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น และทีมงานเล็งเห็นว่าสมาร์ทโฟนที่เลือกมาแนะนำมีความน่าสนใจจริงๆ ซึ่งการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่องหนึ่งเพื่อใช้งานก็ขึ้นอยู่กับสไตล์ของผู้ใช้แต่ละคนว่าต้องการสมาร์ทโฟนแบบไหน เพื่อให้ได้สมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์การใช้งานของตนเองมากที่สุด (สามารถเข้าไปเลือกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นที่ต้องการได้ที่ StepGeek Shop) วันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ
นำเสนอบทความโดย : StepGeekTV