ก่อนที่จะเข้าสู่การเปรียบเทียบสเปกของทั้ง 2 รุ่น ระหว่าง OnePlus Nord และ OnePlus Nord CE 5G ต้องขอเกริ่นก่อนว่าวันพลัสเป็นบริษัทสตาร์ทอัพของสัญชาติจีนที่เกิดมาในยุค 2013 ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องแบบไม่มีวันหยุด ซึ่งตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา วันพลัสก็ได้สร้างชื่อเสียงของตัวเองได้ด้วย “ความต่าง” ทั้งด้านราคาและช่องทางการขาย รวมไปถึงแคมเปญต่างๆ ที่ส่งมอบให้กับผู้บริโภค

ทั้งนี้ OnePlus เองก็มีสโลแกนที่ว่า “Never Settle” ที่ผสมผสานกับแนวคิดการใช้งานแบบ Fast & Smooth ที่มีความเร็วแรง ลื่นไหล เน้นสเปก ฟังก์ชั่นการใช้งานและการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงและการดีไซน์ที่เรียบง่ายเป็นหลัก แบบว่าครบเครื่องในเครื่องเดียว และมีการเน้นฟีเจอร์หรูเหมือนของฝรั่งและเกาหลี แต่เปิดขายในราคาสุดจะประหยัดแบบกระเป๋าไม่ฉีก เพียงหลักหมื่นต้นๆ ที่ผู้บริโภคอย่างเราจะพอรับไหว ซึ่งเป็นการเข้าใจและเข้าถึงความรู้สึกของผู้บริโภคอย่างยิ่ง

และเมื่อเทียบกับราคาสมาร์ตโฟนที่สูงลิ่ว (ขอไม่พูดชื่อรุ่นนะคะ อิอิ) ก็ทำให้แบรนด์ของผู้ผลิตสมาร์ตโฟนสัญชาติจีนอย่าง OnePlus ได้เข้ามาเฉิดฉายอยู่ในวงการธุรกิจสมาร์ตโฟน ทั้งนี้ ทางบริษัทเองก็ได้ประกาศเปิดตัวสมาร์ตโฟนไปแล้วถึง 9 รุ่นด้วยกัน ตั้งแต่ OnePlus One (เปิดตัวเมื่อปี 2014) จนถึง OnePlus 9 และมีการวางขายไปแล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจุดเด่นของแบรนด์นี้ก็คือ จะผลิตสมาร์ตโฟนที่มีคุณภาพดีที่สุดออกมาเพียงปีละ 1 รุ่นเท่านั้น

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังเพิ่มความปังเข้าไปอีก โดยทางวันพลัสเจ้าของฉายา “นักฆ่าเรือธง” ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดสมาร์ตโฟนระดับกลางและได้ประกาศเปิดตัววันพลัส Nord เมื่อเดือนสิงหาคม 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็น Lite Flagship รุ่นแรกของแบรนด์และเป็นสมาร์ตโฟนคุณภาพที่มาพร้อมกับสเปกระดับเทพและมอบประสบการณ์ที่เทียบเท่าได้กับสมาร์ตโฟนเรือธง แต่ขายในราคาที่ต่ำกว่า 10,000 บาท และสามารถทำยอดขายทะลุเพดาน

หลังจากนั้นทางวันพลัสก็ได้ต่อยอดแห่งความสำเร็จโดยการเปิดตัว วันพลัส Nord CE 5G ในปี 2021 โดยทาง Oliver Zhang ได้กล่าวถึงปรัชญาการออกแบบว่า CE นั้นย่อมาจาก Core Edition ที่มีจุดเด่นก็คือ รองรับการชาร์จเร็ว, หน้าจอ AMOLED, จอรีเฟรชเรท 90Hz และรองรับการเชื่อมต่อ 5G อีกทั้งยังใช้วัสดุที่มีคุณภาพและใช้ AG Matte ที่สามารถป้องกันรอยนิ้วมือได้อย่างหมดจด

ทั้งนี้ สมาร์ตโฟนทั้ง 2 รุ่นที่กล่าวไปทั้งหมดจะมีข้อดีและจุดเด่นที่แตกต่างกันไป แต่ขอบอกเลยว่าทั้ง 2 รุ่นนี้ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่ได้รับความสนใจในกลุ่มผู้บริโภคอยู่ไม่น้อยเชียวแหละ ในวันนี้ทีมงาน StepGeek ได้ทำการเปรียบเทียบสเปกระหว่าง วันพลัส Nord และ วันพลัส Nord CE 5G ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่วนประเทศไทยจะเปิดตัวในวันที่ 29 มิถุนายน 2021 มาฝากเพื่อนๆ ชาว StepGeek ได้ดูกัน!!!
สเปก วันพลัส Nord
- ขนาตัวเครื่อง 158.3 x 73.3 x 8.2 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 184 กรัม
- หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2400 x 1080 พิกเซล) ค่ารีเฟรชเรท 90Hz อัตราส่วนของจอ 20:9 รองรับ HDR 10/10+ ครอบทับด้วยกระจกแข็ง Corning Gorilla Glass 5
- ชิปเซ็ต Snapdragon 765G 5G
- RAM 8GB/12GB แบบ LPDDR4X
- ROM 128GB/256GB แบบ UFS 2.1
- กล้องหลัง 4 ตัว โดยกล้องหลัง มาพร้อมเซนเซอร์ Sony IMX586 ที่ให้ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.75 มาพร้อมกับระบบกันสั่น OIS และ EIS + เลนส์ Ultra-Wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.25 สามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้ 119 องศา + กล้อง Depth ให้ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 + เลนส์ Macro ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้า 2 ตัว กล้องหลัก มาพร้อมเซนเซอร์ Sony IMX616 ที่ให้ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.46 + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45 สามารถถ่ายมุมกว้างได้ 105 องศา
- ขนาดแบตเตอรี่ 4,115 mAh รองรับชาร์จไว Warp Charge 30T fast charging (5V/6A)
- รองรับสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
- รองรับ 2.4G/5G
- รองรับ Bluetooth 5.1
- รองรับระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Oxygen OS
- มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สี Blue Marble และสีเทา Gray Onyx

สเปก วันพลัส Nord CE 5G
- ขนาตัวเครื่อง 159.2 x 73.5 x 7.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 170 กรัม
- หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2400 x 1080 พิกเซล) ค่ารีเฟรชเรท 90Hz อัตราส่วนของจอ 20:9
- ชิปเซ็ต Snapdragon 750G ของ Qualcomm ขนาด 8 นาโนเมตร
- GPU Adreno 619
- RAM 6GB/8GB/12GB แบบ LPDDR4X
- ROM 128GB/256GB แบบ UFS 2.1
- กล้องหลัง 3 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Omnivision + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.3 สามารถถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา + เลนส์ Depth Camera ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้า ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.5
- แบตเตอรี่ขนาด 4,500 mAh รองรับชาร์จเร็ว Warp Charge 30T Plus สามารถชาร์จจาก 0% – 70% ภายในระยะเวลา 30 นาที
- รองรับสแกนลายนิ้วมือด้านข้างของตัวเครื่อง
- รองรับพอร์ต USB-C
- รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
- รองรับ 2.4G/5G
- รองรับ Bluetooth 5.1
- รองรับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย OxygenOS 11
- มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สี Blue Marble และสีเทา Gray Onyx

สมาร์ตโฟนในตระกูล วันพลัส Nord Series ทั้ง 2 รุ่นนั้น มีสเปกที่คล้ายกันซะเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวเครื่องที่ไม่ค่อยจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากเท่าไหร่ รวมไปถึงสเปกบางอย่างที่ยังคงถอดแบบจาก วันพลัส Nord รุ่นแรกเลย แต่ก็มีบางส่วนที่แตกต่างกันอย่างเช่น ชิปเซ็ต, กล้องถ่ายภาพทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง, ขนาดแบตเตอรี่และอื่นๆ อีกเล็กๆ น้อยๆ
ขนาดตัวเครื่องที่มีความแตกต่างอยู่เล็กน้อย
ขนาดของตัวเครื่องที่ยังคงขนาดตัวเครื่องที่ใกล้เคียงกันมาก ซึ่งถ้าหากนำมาวางคู่กันแทบจะไม่ค่อยจะแตกต่างกันเลย ส่วนน้ำหนักของตัวเครื่อง วันพลัส Nord รุ่นแรก จะหนักกว่า วันพลัส Nord CE 5G ที่มีน้ำหนักอยู่ที่ 170 กรัม

หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ที่ให้สามารถรับชมคอนเทนต์ได้อย่างเต็มตาเต็มจอ
ส่วนหน้าจอแสดงผลของ วันพลัส Nord และ วันพลัส Nord CE 5G จะมีจุดขายที่เหมือนกัน ที่มาพร้อมกับขนาดใหญ่ด้วยขนาด 6.44 นิ้ว และขนาด 6.43 นิ้ว ตามลำดับ และหน้าจอของทั้ง 2 รุ่นนั้น ให้ความละเอียด Full HD+ (2400 x 1080 พิกเซล) ค่ารีเฟรชเรท 90Hz อัตราส่วนของจอ 20:9 ซึ่งแน่นอนว่า จะได้รับชมคอนเทนต์ได้อย่างเต็มตาเต็มจอและเพลิดเพลินไปกับการดูหนัง-ดูซีรี่ส์หรือจะสนุกกับการเล่นเกมอย่างแน่นอน อีกทั้งยังได้รับจอที่มีคุณภาพสูงอีกด้วย

กล้องถ่ายภาพที่มีความแตกต่างกัน (ทั้งกล้องหน้า-กล้องหลัง)
เริ่มกันที่ วันพลัส Nord กันก่อนเลยที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา มาพร้อมกับกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว จัดวางเรียงเป็นโมดูลด้านข้างซ้ายมือของตัวเครื่อง โดยกล้องหลัก มาพร้อมเซนเซอร์ Sony IMX586 ที่ให้ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.75 มาพร้อมกับระบบกันสั่น OIS และ EIS + เลนส์ Ultra-Wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รับแสง f/2.25 สามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้ 119 องศา + กล้อง Depth ให้ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 + เลนส์ Macro ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ที่สามารถถ่ายภาพได้ในระยะใกล้สุดถึง 4 เซนติเมตร รวมถึงมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพกลางคืน Nightscape ที่สามารถถ่ายภาพออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ, ถ่าย Super Macro, UltraShort HDR และ Portrait mode พร้อมทั้งยังสามารถถ่ายวีดีโอได้ในระดับ 4K ที่ 30fps

ส่วนกล้องหลังของ วันพลัส Nord CE 5G ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปไม่กี่วันผ่านมา ลดเหลือ 3 เลนส์เท่านั้น โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Omnivision + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.3 สามารถถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา + เลนส์ Depth Camera ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 แต่ถึงแม้ว่าจะเหลือเพียง 3 เลนส์ แต่เลนส์หลักที่ให้ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล (มากกว่ารุ่น OnePlus Nord) สามารถรองรับการถ่ายภาพได้อย่างสวยงามและมีความคมชัด รวมไปถึงเลนส์ Ultra-wide ก็สามารถเก็บภาพได้อย่างครบถ้วนด้วยมุมกว้าง 119 องศา เหมือนกับรุ่น OnePlus Nord และเลนส์ Depth Camera ที่ยัดมาให้ก็ยังสามารถถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งโดยรวมแล้ว OnePlus Nord CE 5G ก็ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่น่าสนใจเหมือนกัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กล้องหลักของ วันพลัส Nord ก็สามารถเก็บแสง สีสันออกมาได้เป็นอย่างดี ซึ่งภาพที่ได้นั้นจะเป็นโทนธรรมชาติ ไม่ได้เร่งให้สีสันสดใสกว่าความเป็นจริงเหมือนกับกล้องอื่นๆ ซึ่งสำหรับภาพบางประเภทอย่างการถ่ายภาพอาหารหรือวิวทิวทัศน์ หรือคนที่ชอบภาพสดๆ อาจจะต้องเร่งสีขึ้นบ้าง
ในขณะที่ กล้องหน้าของทั้ง 2 รุ่น มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยวันพลัส Nord จะเป็นเลนส์คู่ มาพร้อมกับ AI Camera ที่ให้การถ่ายภาพนั้นมีความคมชัดและละเอียดมากขึ้น โดยกล้องหลัก มาพร้อมเซนเซอร์ Sony IMX616 ที่ให้ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.46 + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45 สามารถถ่ายมุมกว้างได้ 105 องศา สามารถถ่ายภาพเซลฟี่กับเพื่อนๆ หรือจะถ่ายเซลฟี่กับวิวต่างๆ ได้กว้างมากขึ้น

ส่วนกล้องหน้าของ Nord CE 5G จะมีเพียงเลนส์เดียว ที่ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.5 ซึ่งก็ได้รับการติดตั้งเป็นแบบเจาะรูเหมือนกับ Nord
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่และสามารถชาร์จเต็มภายใน 30 นาที
เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง OnePlus Nord และ OnePlus Nord CE 5G จะมีอีกหนึ่งสิ่งที่แตกต่างกันนั่นก็คือ ความจุของแบตเตอรี่ ซึ่ง OnePlus Nord จะมีขนาดแบตเตอรี่อยู่ที่ 4,115 mAh และรองรับชาร์จไว Warp Charge 30T fast charging (5V/6A) สามารถชาร์จจาก 0% – 70% ภายในระยะเวลา 22 นาที

ส่วน OnePlus Nord CE 5G จะมีขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าอยู่ที่ 4,500 mAh รองรับชาร์จเร็ว Warp Charge 30T Plus สามารถชาร์จจาก 0% – 70% ภายในระยะเวลา 30 นาที
นอกจากนี้ ชิปเซ็ตของทั้ง 2 รุ่นก็มีความแตกต่างกัน ซึ่งในรุ่น OnePlus Nord ใช้ชิปเซ็ตระดับกลางตัวแรงอย่าง Snapdragon 765G 5G ของ Qualcomm ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตร ซึ่งเป็นชิปเซ็ต Premium B ที่มีความแรงและรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในราคาที่ย่อมเยา รวมถึงประหยัดหลังงานมากขึ้นและยังเน้นความสามารถด้านเกมมิ่งเพิ่มเข้ามาอีกด้วย

ส่วนในรุ่น OnePlus Nord CE 5G ใช้ชิปเซ็ตระดับกลาง Snapdragon 750G ของ Qualcomm ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 8 นาโนเมตร ที่มีการประมวลผล CPU (Kryo 570) ที่สูงขึ้นกว่าเดิม 20% และมี GPU แบบ Adreno 619 ที่สูงกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ 10% รวมทั้ง ยังสามารถรับรองคอนเทนต์ HDR และช่วยให้การเล่นเกมบนสมาร์ตโฟนระดับกลางดีขึ้นกว่าเดิม และที่สำคัญก็คือ ชิปเซ็ต Snapdragon 750G นั้นจะมีราคาที่ถูกกว่าชิปเซ็ต Snapdragon 765G ซึ่งทำให้ราคาขายของ Nord CE 5G นั้นมีราคาถูกลงและถูกกว่า OnePlus Nord

ราคาขาย OnePlus Nord CE 5G เริ่มต้นเพียง 299 ยูโร หรือประมาณ 11,400 บาท (อ้างอิงราคาจากฝั่งยุโรป) ส่วนราคาขายในประเทศไทย รอลุ้นกันในวันที่ 29 มิถุนายนนี้นะจ๊ะ ส่วนราคาขาย OnePlus Nord ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อเดือนสิงหาคม 2020 ที่ผ่านมา เริ่มต้นที่ 14,990 บาท


อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสมาร์ตโฟนทั้ง 2 รุ่น นั้นจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้างเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสเปก, กล้องถ่ายภาพ, ความจุของแบตเตอรี่ รวมไปถึงราคาขาย แต่ทาง OnePlus เองก็ยังคงเน้นและเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ยังคงเน้นในเรื่องสเปกที่จัดเต็มและฟีเจอร์เป็นหลัก เพื่อตอบโจทย์และความต้องการให้กับผู้บริโภค รวมไปถึงการดีไซน์ที่เน้นความเรียบง่าย แต่ไม่ตกเทรนด์ ถือไปไหนมาไหนก็ไม่อายใครและราคาขายที่ยังคงย่อมเยา ตามตอนเซ็ปต์ของ OnePlus