Apple ได้ประกาศจัดงานการประชุมนักพัฒนาทั่วโลกประจำปี WWDC 2020 หรือ Worldwide Developers Conference 2020 ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาและจัดขึ้นในรูปแบบดิจิทัลครั้งแรก ซึ่งก็มีชุมชนนักพัฒนาของ Apple ทั่วโลกกว่า 23 ล้านคนจะได้มารวมตัวกันแบบระยะไกล เพราะเนื่องจากเกิดการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 และในวันนี้ Apple ก็ได้เปิดตัว iOS 14, iPadOS 14, macOS, tvOS 14 และ watchOS 7 ภายในงาน WWDC 2020
iOS 14
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่ผ่านมา เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 13 ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ภายในงาน WWDC เลยทีเดียว และปีนี้อีกเช่นเคย เหล่าสาวก iOS ก็ยังคงจะให้ความสนใจในเรื่องซอฟต์แวร์ iOS
มาเริ่มกันที่ iOS 14 กันก่อนเลย ซึ่งทาง Apple ก็ยังคงใช้ชื่อ iOS 14 อยู่เหมือนเดิม แต่ก็มีฟีเจอร์ในรูปแบบใหม่และมีการเปลี่ยนหน้าโฮมสกรีนในรูปแบบใหม่
- App Library ที่จะจัดกลุ่มแอปในลักษณะเดียกันไว้อยู่รวมกัน เหมาะสำหรับคนที่มีแอปเยอะๆ ที่สามารถจัดการหน้าแอปได้สะดวกมากขึ้นและสามารถค้นหาแอปได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แถมยังสามารถเรียกแอปที่เราใช้งานบ่อยๆ มาแสดงด้านบนได้อีกด้วย
- Widgets สามารถเลื่อนไปวางอยู่หน้าโฮมได้และสามารถปรับขนาดของ Widget ได้อีกด้วย
- รองรับการเล่นวีดีโอ ที่สามารถดู Youtube บน iPhone ได้ ในขณะที่เราทำงานหรือเปิดใช้งานแอปอื่นๆ อยู่ โดยวีดีโอนั้นจะแสดงเป็นหน้าจอเล็กและวางอยู่มุมจอ แถมยังสามารถแสดงที่หน้าโฮมได้อีกด้วย
- นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุง Siri ที่สามารถเรียกได้เลยทุกหน้า โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่หน้าจอสีดำเหมือนเดิม และยังส่งข้อความเสียง แถมรับรู้ข้อมูลได้มากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงยังมีการรับรองการแปลภาษาได้หลายภาษา ที่ให้ความสะดวกมากกว่าเดิม โดยที่ต้องต่ออินเทอร์เน็ตแต่อย่างใด
- ในส่วนของ Message นั้น ได้มีการเพิ่ม Animoji ใหม่มากขึ้น, มีการปรับปรุงการสนทนาแบบกลุ่มให้ดูง่ายขึ้นและสามารถ Mention คนในการสนทนาแบบกลุ่มได้
- Apple Maps ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ซึ่งมีระบบที่ดีขึ้นและเพิ่มความแม่นยำในการนำทางที่ดีมากขึ้น และรอบนี้ทาง Apple ก็ได้มีการเพิ่มระบบนำทางรถจักรยานอีกด้วย ที่จะเริ่มใช้ที่เมืองนิวยอร์ก, Los Angeles, San Francisco Bay Area, Shanghai และ Beijing รวมถึง มีการเพิ่ม EV Routing เข้าไปและบอกจุดบริการที่ชาร์จไฟอีกด้วย
- Carplay สามารถปรับเปลี่ยนวอลเปเปอร์ได้ และมีการเพิ่ม CarKey เข้าไปที่สามารถทิ้งกุญแจไว้ที่บ้านได้เลยและสามารถใช้ iPhone เป็นกุญแจแทน สำหรับปลดล็อคหรือจะสตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งต่อไปก็ไม่ต้องพกกุญแจรถอีกต่อไป โดยรถยนต์ที่รองรับการใช้งานคือ BMW 5 ในปี 2021
อุปกรณ์ที่รองรับ iOS 14
- iPhone 11 series ทุกรุ่น ได้แก่ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max
- iPhone XS ทุกรุ่น ได้แก่ iPhone XS, iPhone XS Max
- iPhone XR
- iPhone X
- iPhone 8 และ iPhone 8 Plus
- iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
- iPhone 6S และ iPhone 6S Plus
- iPhone SE รุ่นแรก และ iPhone SE รุ่นที่ 2
- iPod Touch รุ่นที่ 7
iPadOS 14
iPadOS 14 นั้นจะรองรับการทำงานที่ร่วมกับ Apple Pencil ให้มากขึ้นกว่าเดิมและเน้นความเสถียรของระบบ เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยลง
- ในแอปพลิเคชั่นรูปภาพมีการบริหารจัดงานได้ดีขึ้น เพื่อเปลี่ยนอัลบั้มหรือย้ายที่เก็บได้ง่ายขึ้น
- ในช่องการค้นหานั้นได้รับการปรับปรุงในรูปแบบใหม่และมี Universal Search ใหม่ ที่สามารถค้นหาได้ทุกอย่างและค้นหาได้ง่ายกว่าเดิม
- มีการปรับปรุง Siri และการโทรเข้าใหม่ โดยหากมีการโทรเข้าจะแสดงผลไว้ที่ส่วนบนของหน้าจอ ส่วน Siri นั้นจะแสดงผลที่มุมขวามือด้านล่างแทน
- มาพร้อมกับ Apple Pencil รองรับการเขียนด้วยลายมือแล้วแปลงเป็นตัวอักษร ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ได้ระบุภาษาที่รองรับอย่างแน่ชัด แต่มีการรองรับภาษาอังกฤษและภาษาจีนอย่างแน่นอน แถมยังสามารถวาดรูปทรงเลขาคณิตด้วยลายมือแล้วแปลงเป็นเส้นได้อย่างแม่นยำและสามารถคัดลอกลายมือแล้วนำไปวาง ทำให้กลายเป็นข้อความในทันที นอกจากนี้ ยังสามารถแปลงข้อความได้อีกด้วย
อุปกรณ์ที่รองรับ iPadOS
- iPad Pro ขนาด 9 นิ้ว (ปี 2020)
- iPad Pro ขนาด 11 นิ้ว (ปี 2020)
- iPad Pro ขนาด 9 นิ้ว (ปี 2018)
- iPad Pro ขนาด 9 นิ้ว (ปี 2017)
- iPad Pro ขนาด 9 นิ้ว (ปี 2015)
- iPad Pro ขนาด 11 นิ้ว (ปี 2018)
- iPad Pro ขนาด 5 นิ้ว (ปี 2017)
- iPad Pro ขนาด 7 นิ้ว (ปี 2016)
- iPad รุ่นที่ 7 (ปี 2019)
- iPad รุ่นที่ 6 (ปี 2018)
- iPad รุ่นที่ 5 (ปี 2017)
- iPad Air รุ่นที่ 3 (ปี 2019)
- iPad Air รุ่นที่ 2 (ปี 2014)
- iPad mini รุ่นที่ 5 (ปี 2019)
- iPad mini รุ่นที่ 4 (ปี 2015)
***ส่วน iPad ที่รองรับ iPadOS 13 นั้นยังได้ไปต่อใน iPadOS 14
watchOS 7
นอกจากจะมีระบบปฏิบัติการ iOS 14 และ iPadOS 14 ไปแล้ว ก็ยังมี watchOS 7 อีกด้วย ที่เพิ่มฟีเจอร์ที่มุ่งเน้นไปด้านสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการติดตามการนอนหลับและคุณภาพในการนอน เพื่อให้ผู้ที่สวมใส่ Apple Watch ได้ปรับปรุงรูปแบบการนอนให้มีคุณภาพดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงยังมีการเพิ่มตรวจจับการล้างมือ
- นักพัฒนาสามารถพัฒนากลไกหน้าปัดของตัวเอง แล้วปล่อยดาวน์โหลดลงบนเว็บไซต์หรือใน App Store ซึ่งผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดกลไกหน้าปัดมาใช้งานได้เลย แถมผู้ใช้ยังสามารถแชร์หน้าปัดที่เราปรับแต่งได้ (Face Sharing)
- สามารถค้นหาเส้นทางการปั่นจักรยานได้, มีการเพิ่มการออกกำลังกาย ด้วยการเต้น, Cooldown และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงมีการเปลี่ยนชื่อแอปจาก Activity มาเป็นแอป Fitness
- เพิ่มเติมมีการตรวจจับการนอนหลับ หากถึงเวลานอนหน้าจอ Apple Watch ก็จะหรี่แสงลง และพอถึงเวลาตื่นนอน Apple Watch จะมีการแจ้งเตือนด้วยการสั่น แถมยังสามารถเก็บข้อมูลการนอนของผู้ใช้งานได้อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าผู้ใช้งานจะนอนได้ตรงเวลาและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมการตรวจจับการล้างมือแบบอัตโนมัติ โดยจะมีการนับถอยหลังในการล้างมือตามระยะเวลาที่กำหนด
tvOS 14
Apple ได้ประกาศเปิดตัว tvOS 14 อย่างเป็นทางการในงาน WWDC 2020 ที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ พร้อมยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกมากมาย แถมยังเปิดตัว Apple TV+ ที่เพิ่มคอนเทนต์หรือรายการพิเศษให้รับชมมากขึ้นและจะรองรับสมาร์ททีวีของ Sony ในเร็วๆ นี้อีกด้วย
- มีการเพิ่มแอป HomeKit เข้าไปใน Apple TV ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้, สั่งงานและเช็คค่าอุปกรณ์ต่างๆ ได้จาก Apple TV ได้เลย ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานมากขึ้น
- รองรับฟีเจอร์ Picture-in-Picture (PIP) ที่สามารถเข้าแอปออกกำลังกายแล้วพร้อมดู YouTube หรือดูภาพยนตร์ในหน้าจอเล็กไปด้วย
- tvOS จะรองรับ AirPlay ที่มีคุณภาพระดับ 4K
macOS
macOS 11.0 โดยใช้ชื่อว่า Big Sur ที่มาพร้อมกับการปรับปรุงการดีไซน์ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ที่มีหน้าจอเรียบง่ายและสวยงามมากขึ้น รวมถึงยังมีการปรับประสิทธิภาพของแอปต่างๆ ให้ดีมากขึ้นอีกด้วย
- macOS มีการดีไซน์หน้าจอใหม่ ที่ให้ไอคอนและการแสดงผลหน้าต่างที่มีความโค้งมน, มีการปรับดีไซน์ Toolbar ใหม่ ให้ดูมีความเรียบง่ายและแถบการควบคุมมีการปรับให้สวยขึ้นกว่าเดิม
- สามารถปรับแต่ง Widgets โดยการเลือกแอปเพื่อย้ายไปยังตำแหน่งที่ต้องการ และสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
- แอป iMessage มีการออกแบบใหม่, รองรับสติ๊กกอร์ Animoji และมีการเพิ่มเอฟเฟกต์
- มีการปรับแต่งหน้าตาใหม่บนแอป Apple Maps และสามารถค้นหาพื้นที่ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม รวมถึงเพิ่มฟีเจอร์ Look Around ที่สามารถดูเส้นทางได้แบบสมจริง
- แอป Safari ดูมีความเรียบง่ายและสวยงาม งานนี้ ทาง Apple ได้เคลมว่า Safari เป็นเว็บบราวเซอร์ที่เร็วกว่า Chrome ถึง 50% และใช้พลังงานน้อยกว่า เน้นความเป็นส่วนตัวมากกว่าและป้องกันรหัสผ่านที่บันทึกไว้ได้อย่างปลอดภัย รวมถึงยังสามารถตั้งค่าภาพพื้นหลังในบราวเซอร์ Safari ได้ โดยลากรูปภาพมาวางที่พื้นหลังได้เลย แถมยังรองรับแปลภาษาได้ทั้งหน้าเว็บเลย
อุปกรณ์ที่รองรับ macOS 11.0 Big Sur
- MacBook (ปี 2015 หรือใหม่กว่า)
- MacBook Air (ปี 2013 หรือใหม่กว่า)
- MacBook Pro (ปี 2013 หรือใหม่กว่า)
- Mac mini (ปี 2014 หรือใหม่กว่า)
- iMac (ปี 2014 หรือใหม่กว่า)
- iMac Pro (ปี 2017 หรือใหม่กว่า)
- iMac Pro (ปี 2013 หรือใหม่กว่า)
นอกจากนี้ Apple ได้ประกาศวันปล่อย Developer Beta สำหรับ iOS 14, iPadOS 14, watchOS 7, macOS Big Sur และ tvOS 14 อย่างเป็นทางการแล้ว และจะปล่อยอัปเดต Public Beta ให้กับนักพัฒนาได้เข้าร่วมทดสอบในช่วงเดือนกรกฎาคม 2020 นี้ สำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการนั้นคาดว่าอยู่ในช่วงปลายปี 2020
นำเสนอข่าวโดย : StepGeek.TV