หลังจากที่เปิดตัว iPhone SE (2020) ไปเมื่อคืน ทำเอาหลายคนถึงกับช็อคเมื่อเห็นราคาที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ของ Apple ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 14,900 บาท ส่วนการดีไซน์ของ iPhone SE (2020) ก็เหมือนกับ iPhone 8 ซึ่งล่าสุด Apple ได้ประกาศและสั่งหยุดขาย iPhone 8 และ 8 Plus หลังจากที่เปิดตัว iPhone SE (2020) โดยรายละเอียดของสินค้าได้ถูกถอดออกจากเว็บไซต์ Apple ไปเรียบร้อยแล้ว
iPhone SE (2020) นั้น มาพร้อมกับชิปเซ็ต A13 Bionic ที่ใช้เหมือนกับ iPhone 11 series, รองรับ Wi-Fi 6 และ LTE ในระดับ Gigabit และยังสามารถกันน้ำได้ในระดับ 1 เมตร เป็นระยะเวลานาน 30 นาทีอีกด้วย ซึ่งถ้าเทียบกับ iPhone 8 แล้วมันก็ต่างกันอยู่เล็กน้อย อย่างเช่น iPhone 8 ใช้ชิปเซ็ต A11 Bionic และ ROM มีให้เลือกแค่ 2 รุ่น คือ 64GB และ 128GB
ส่วนรูปทรงและขนาดของตัวเครื่องนั้นเท่ากันเป๊ะๆ (ความสูง 138.4 มม. ความกว้าง 67.3 มม. ความหนา 7.3 มม. และน้ำหนัก 7.3 มม.) แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของ iPhone 8 นั้นก็คือ เทคโนโลยี 3D Touch ซึ่ง iPhone SE (2020) ได้เปลี่ยนมาใช้เป็น Haptic Touch แทน
ในเรื่องกล้องหน้าและกล้องหลังก็ยังคงยึดฟีเจอร์เหมือนกับ iPhone 8 ทุกอย่างเลย โดยกล้องหลัง ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 ในขณะที่กล้องหน้า ให้ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ส่วนราคาขายของ iPhone SE (2020) นั้นก็ถูกกว่า iPhone 8 เสียอีก ดังนั้นแล้ว ทาง Apple จึงเห็นว่าไม่มีประเด็นไหนที่ทั้ง 2 รุ่น จะมาแข่งขันกันในรายชื่อของบริษัทนั่นเอง ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ iPhone 8 ไม่ได้ไปต่อ
นอกจากนี้ ถึงแม้ว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus นั้นจะหยุดขายบนเว็บไซต์ Apple แล้ว แต่อาจจะยังพอหาซื้อได้จากร้านค้าและตัวแทนจำหน่ายบางรายนะจ๊ะ สำหรับใครที่อยากซื้อลองไปหาซื้อกันได้
นำเสนอข่าวโดย : StepGeek.TV
ที่มา : gsmarena, macrumors