• แอปพลิเคชัน
  • เกม
  • Tips & Tricks
  • โปรโมชัน
StepGeek
  • หน้าแรก
  • ข่าว
  • รีวิว
  • พรีวิว
  • บทความ
  • Tips & Tricks
  • ดูวิดีโอ StepGeek
No Result
View All Result
StepGeek
  • หน้าแรก
  • ข่าว
  • รีวิว
  • พรีวิว
  • บทความ
  • Tips & Tricks
  • ดูวิดีโอ StepGeek
No Result
View All Result
StepGeek
No Result
View All Result
Home บทความ

6 สมาร์ตโฟนที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากที่สุดประจำเดือนมิถุนายน – OnePlus Nord CE 5G ครองบัลลังก์เป็นอันดับ 1

Admin G by Admin G
วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน 2021 เวลา 11:24 น.
in บทความ
2
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterLINE

นับตั้งแต่ต้นปีจนถึง ณ ปัจจุบัน เราก็ได้พบกับสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่อยู่หลายรุ่นทั้งระดับเริ่มต้นจนไปถึงระดับเรือธงที่มาพร้อมกับสเปกระดับเทพ, กล้องหลังที่มีประสิทธิภาพและรองรับชาร์จเร็ว รวมถึงเหล่าผู้ผลิตสมาร์ตโฟนยังแข่งขันกันในเรื่องของราคาอีกด้วย ยิ่งราคาย่อมเยามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะได้รับการตอบรับออกมาเป็นอย่างดี แถมสเปกก็ดีด้วยเช่นกัน

ในวันนี้ทีมงาน StepGeek ได้รวบรวม 6 สมาร์ตโฟนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในกลุ่มผู้บริโภคอย่างเราประจำเดือนมิถุนายน 2021 ซึ่งแบรนด์ OnePlus ก็เพิ่งจะเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ได้ยืนหนึ่งบนบัลลังก์ไปเรียบร้อยแล้ว

OnePlus Nord CE 5G

OnePlus Nord CE (CE : Core Edition) 5G ได้ประกาศเปิดตัวไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ที่ได้รับการต่อยอดและพัฒนามาจาก Nord รุ่นแรก แต่อาจจะมีการปรับลดสเปกลงเล็กน้อย ซึ่งราคาก็จะขายถูกกว่าเดิมอีกด้วย

มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว จอรีเฟรชเรท 90Hz ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 750G ของ Qualcomm ขนาด 8 นาโนเมตร, RAM 6GB/8GB/12GB, ROM 64GB/128GB/256GB แบบ UFS 2.1 และกล้องหลัง 3 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Omnivision + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา + เลนส์ Depth Camera ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล

ส่วนกล้องหน้า ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี่ขนาด 4,500 mAh รองรับชาร์จเร็ว 30 วัตต์ สามารถชาร์จจาก 0% – 70% ภายในระยะเวลา 30 นาที

รองรับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย OxygenOS 11 ส่วนการออกแบบตัวเครื่องนั้นทำมาจากพลาสติกทั้งหมดทั้งด้านข้างและด้านหลังของตัวเครื่อง แต่หน้าจอใช้วัสดุเป็นกระจก

Xiaomi Redmi Note 10 Pro

Redmi Note 10 Pro ที่มาพร้อมกับหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว จอรีเฟรชเรท 120Hz และอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส 240Hz หน้าจอเจาะรูสำหรับวางกล้องหน้า ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล

ซึ่งรูที่เราเห็นบนหน้าจอแสดงผลนั้นจะที่ไม่รบกวนสายตาในขณะที่ใช้งานหรือเล่นเกม เพราะมีขนาด 2.96 มิลลิเมตรเท่านั้น ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 รองรับ HDR10 และสามารถเร่งความสว่างจอได้สูงสุดถึง 1200nits

ชิปเซ็ต Snapdragon 732G, RAM 6GB/8GB แบบ LPDDR4X, ROM 128GB แบบ UFS 2.2 สามารถเพิ่ม microSD Card สูงสุด 512GB, แบตเตอรี่ขนาด 5,020 mAh รองรับการชาร็จเร็ว 33 วัตต์ (แถมที่ชาร์จมาให้ในกล่องฟรี!!)

สามารถชาร์จ 59% ภายในระยะเวลา 30 นาที และสามารถชาร์จเต็ม 100% ภายในระยะเวลา 74 นาทีและรองรับสแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างของตัวเครื่อง

กล้องหลังมีทั้งหมด 4 ตัว โดยกล้องหลัก มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HM2 ให้ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 สามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้ 118 องศา + เลนส์ Tele-Macro ให้ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 สามารถซูมได้ 2 เท่า + เลนส์ Depth Camera ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล

Xiaomi Redmi Note 10

มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 หน้าจอเจาะรูตรงกึ่งกลางบนหน้าจอแสดงผลสำหรับวางกล้องเซลฟี่

ใช้ชิปเซ็ต  Snapdragon 678 ของ Qualcomm, RAM 4GB/6GB, ROM 64GB/128GB สามารถเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุด 512GB และกล้องหลังมีทั้งหมด 4 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX582 รูรับแสง f/1.79 + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 สามารถถ่ายมุมกว้างได้ 118 องศา  + เลนส์ Macro ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 + เลนส์ Depth Camera ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4

ส่วนกล้องหน้าให้ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 33 วัตต์ (แถมมาให้ในกล่องฟรี!!!) ซึ่งทางแบรนด์ได้เคลมว่า สามารถใช้งานได้นานถึง 2 วันเลยทีเดียว และรองรับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12

POCO X3 Pro

POCO X3 Pro เป็นเวอร์ชั่น 4G ที่มีรูปร่างและลักษณะคล้ายกับ POCO X3 NFC ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดีไซน์ของกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว, รองรับสแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างของตัวเครื่องและหน้าจอได้รับการเจาะรูตรงกึ่งกลางบนหน้าจอแสดงผล

มาพร้อมกับสเปกแรง ด้วยหน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ จอรีเฟรชเรท 120Hz และ Touch Sampling Rate 240Hz รองรับ HDR10 และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 6 หน้าจอเจาะรูตรงกึ่งกลางบนของหน้าจอแสดงผลสำหรับวางกล้องหน้า

ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 860, RAM 6GB/8GB, ROM 128GB/256GB รองรับ microSD Card ได้สูงสุด 1TB และขนาดแบตเตอรี่ 5,160 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 33 วัตต์ (ชาร์จเต็ม 100% ภายในระยะเวลาเพียง 59 นาที)

สามารถใช้งานได้นานถึง 2 วัน ซึ่งทาง POCO ได้เคลมว่าสามารถเล่นเกมได้นานถึง 11 ชั่วโมง, ฟังเพลงได้นาน 117 ชั่วโมง, ดูวิดีโอ 18 ชั่วโมงและถ่ายวิดีโอได้นาน 6.5 ชั่วโมง

มีระบบระบายความร้อน LiquidCool 1.0 Plus, รองรับสแกนลายนิ้วมือด้านข้างของตัวเครื่อง, รองรับสแกนใบหน้า, รองรับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12 ตั้งแต่แกะกล่อง

และจะมีทั้งหมด 3 สีให้เลือก ได้แก่ สี Metal Bronze, สีน้ำเงิน Frost Blue และสีดำ Phantom Black

ทั้งนี้ กล้องหลังมีทั้งหมด 4 ตัว วางอยู่ในรูปทรงกลมกึ่งกลางบนของด้านหลังตัวเครื่องพร้อมกับไฟแฟลช LED โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX582 รูรับแสง f/1.79 + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา รูรับแสง f/2.2 + เลนส์ Macro ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพในระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร + เลนส์ Depth Camera ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล  ส่วนกล้องหน้า ให้ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และรองรับ Night Mode

Poco M3 Pro 5G

POCO M3 Pro 5G เพิ่งจะประกาศเปิดตัวที่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ที่มาพร้อมกับสเปกที่สุดคุ้มและราคาประหยัดที่มีความคุ้มค่าที่สุดในตลาดสมาร์ตโฟน ขายเริ่มต้นเพียง 4,999 บาท

เป็นรุ่นที่ได้รับการอัปเกรดมาจากรุ่น POCO M3 และเป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี 5G หน้าจอแสดงผล LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล)

หน้าจอเจาะรู DotDisPlay สำหรับวางกล้องหน้า จอรีเฟรชเรท 90Hz ความสว่างของจอ 500nits ที่คล้ายกับ Redmi Note 10 5G

ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 5G ซึ่งคาดว่าเป็นชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 700 ขนาด 7 นาโนเมตร มี RAM 4GB/6GB, ROM 64GB/128GB แบบ UFS 2.2 และกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว

โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล + เลนส์ Depth Camera ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล + เลนส์ Macro ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และมีไฟแฟลช LED

ส่วนกล้องหน้า ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 18 วัตต์ สามารถชาร์จผ่านพอร์ต USB-C และสามารถใช้งานได้นานถึง 2 วัน

รองรับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12 ตั้งแต่แกะกล่องและรองรับสแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างของตัวเครื่อง

Samsung Galaxy S21 Ultra 5G

ถึงแม้ว่าจะเป็นเรือธงที่เปิดตัวมานานแล้ว แต่ก็ยังได้รับความสนใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในรุ่น Ultra นั้น เป็นรุ่นท็อปสุดของซีรี่ส์ ที่มาพร้อมกับกล้องระดับโปรที่ล้ำสมัยที่สุด โดยให้ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล

หน้าจอแสดงผลแบบอัจฉริยะที่สว่างที่สุดและรองรับปากกา S-Pen ในตระกูล S-Series เป็นครั้งแรก และมาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED 2X ขนาดใหญ่ 6.8 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ (3200 x 1440 พิกเซล)

จอรีเฟรชเรท 120Hz ความสว่างของหน้าจอสูงสุด 1500 nits หน้าจอครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus ซึ่งนับว่าเป็น Gorilla Glass ที่แข็งแรงที่สุด

โดยรุ่นท็อปนี้จะมีสีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำและสีเงิน บนวัสดุพื้นผิวด้านแบบ Haze Finish สุดคลาสสิก รวมถึงหน้าจอมีความลื่นไหลจากอัตรารีเฟรชเรท 120Hz ที่สามารถปรับระดับที่ 10Hz จนถึง 120Hz ตามเนื้อหาอัตโนมัติ

กล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล มาพร้อมเซ็นเซอร์ Samsung HM3 แบบ Nano Super-PD ขนาดพิกเซล 0.8um ที่มีขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.33″ รูรับแสง f/1.8 และรองรับระบบกันสั่น OIS + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มาพร้อมเซ็นเซอร์ IMX563 รูรับแสง f/2.2 + เลนส์ Telephoto (1) ให้ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล สามารถซูมแบบออปติคอลได้ 10 เท่า รูรับแสง f/4.9 + เลนส์ Telephoto (2) ให้ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 สามารถซูมแบบออปติคอลได้ 3 เท่า และมีระบบโฟกัสภาพแบบ Laser AF Time-of-Flight

และมีอีกสิ่งหนึ่งสำหรับรุ่น Ultra นั่นก็คือ รองรับปากกา S-Pen ที่สามารถใช้จดบันทึกบนหน้าจอได้คล้ายกับสมาร์ทโฟนในรุ่น Galaxy Note Series และจะมีเฉพาะในรุ่น Ultra เท่านั้นที่รองรับปากกา S-Pen

และแบตเตอรี่ขนาดเท่ากับ Galaxy S20 Ultra ที่มีขนาด 5,000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 25 วัตต์

นำเสนอข่าวโดย : StepGeek.TV
ที่มา : gsmarena

Tags: mobileOnePlus Node CE 5GPOCO M3 Pro 5GPOCO X3 ProSamsung Galaxy S21 Ultra 5GSmartphoneXiaomi Redmi Note 10Xiaomi Redmi Note 10 Pro
ShareTweetShare
Admin G

Admin G

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ

iPhone 14 Series มาพร้อมกับจอรีเฟรชเรท 120Hz และ RAM 6GB ทั้ง 4 รุ่นรวด
ข่าว

iPhone 14 Series มาพร้อมกับจอรีเฟรชเรท 120Hz และ RAM 6GB ทั้ง 4 รุ่นรวด

มกราคม 20, 2022
1
เปิดตัว vivo Y55 5G อย่างเป็นทางการแล้วที่ประเทศไต้หวัน มาพร้อมชิป Dimensity 700 และแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh
ข่าว

เปิดตัว vivo Y55 5G อย่างเป็นทางการแล้วที่ประเทศไต้หวัน มาพร้อมชิป Dimensity 700 และแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh

มกราคม 18, 2022
15
โชว์ราคาขาย Samsung Galaxy Tab S8 Series ทั้งหมด 3 รุ่นรวด ราคาเริ่มต้นที่ 25,800 บาท
ข่าว

โชว์ราคาขาย Samsung Galaxy Tab S8 Series ทั้งหมด 3 รุ่นรวด ราคาเริ่มต้นที่ 25,800 บาท

มกราคม 15, 2022
11

พรีวิว รีวิวมือถือ อุปกรณ์ไอที

รีวิว Samsung Galaxy S21 FE 5G เน้นถ่ายเซลฟี่และบอดี้บางเบา ราคาเริ่มต้น 22,900 บาท
รีวิว

รีวิว Samsung Galaxy S21 FE 5G เน้นถ่ายเซลฟี่และบอดี้บางเบา ราคาเริ่มต้น 22,900 บาท

by Admin G
มกราคม 12, 2022
44
รีวิว realme 9i ดีไซน์ทรง “Stereo Prism Design” ยัดชิป Snapdragon 680, แบตขนาดใหญ่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33 วัตต์และใส่ลำโพงคู่รองรับ Hi-Res ขายในราคาต่ำกว่าหมื่นบาท
รีวิว

รีวิว realme 9i ดีไซน์ทรง “Stereo Prism Design” ยัดชิป Snapdragon 680, แบตขนาดใหญ่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33 วัตต์และใส่ลำโพงคู่รองรับ Hi-Res ขายในราคาต่ำกว่าหมื่นบาท

by Admin G
มกราคม 11, 2022
33
รีวิว realme narzo 50i สมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก แต่ที่ให้ไม่เล็กเลยทั้งแบต 5,000 mAh และขนาดจอ 6.5 นิ้ว ดีไซน์ตัวเครื่องบางเฉียบ ขายในราคา 3,999 บาท
รีวิว

รีวิว realme narzo 50i สมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก แต่ที่ให้ไม่เล็กเลยทั้งแบต 5,000 mAh และขนาดจอ 6.5 นิ้ว ดีไซน์ตัวเครื่องบางเฉียบ ขายในราคา 3,999 บาท

by Admin G
พฤศจิกายน 12, 2021
113
รีวิว realme GT Neo2 5G ขึ้นชื่อเป็นสุดยอด Flagship Killer รุ่นใหม่ มาพร้อมจอ E4 AMOLED 120Hz, ยัดชิป SD870 5G, ลำโพงสเตอริโอคู่ดังกระหึ่มและแบต 5,000 mAh สามารถใช้งานได้ทั้งวัน ราคา 13,990 บาท
รีวิว

รีวิว realme GT Neo2 5G ขึ้นชื่อเป็นสุดยอด Flagship Killer รุ่นใหม่ มาพร้อมจอ E4 AMOLED 120Hz, ยัดชิป SD870 5G, ลำโพงสเตอริโอคู่ดังกระหึ่มและแบต 5,000 mAh สามารถใช้งานได้ทั้งวัน ราคา 13,990 บาท

by Admin G
พฤศจิกายน 10, 2021
121
รีวิว realme C25Y ยัดชิป Unisoc T618 แบตอึดใช้งานได้นาน 48 วัน กล้องชัด ดีไซน์มินิดรอป ขายราคา 5,999 บาท
รีวิว

รีวิว realme C25Y ยัดชิป Unisoc T618 แบตอึดใช้งานได้นาน 48 วัน กล้องชัด ดีไซน์มินิดรอป ขายราคา 5,999 บาท

by Admin G
พฤศจิกายน 2, 2021
36

ติดต่อเรา

www.stepgeek.net
Email : stepgeektv.onli[email protected]

บทความล่าสุด

iPhone 14 Series มาพร้อมกับจอรีเฟรชเรท 120Hz และ RAM 6GB ทั้ง 4 รุ่นรวด

iPhone 14 Series มาพร้อมกับจอรีเฟรชเรท 120Hz และ RAM 6GB ทั้ง 4 รุ่นรวด

มกราคม 20, 2022
Lenovo ThinkBook พร้อมระบบปฏิบัติการณ์อัจฉริยะ Windows 11 พร้อมวางจำหน่ายในไทย

Lenovo ThinkBook พร้อมระบบปฏิบัติการณ์อัจฉริยะ Windows 11 พร้อมวางจำหน่ายในไทย

มกราคม 20, 2022
สื่อนอกโชว์เครื่อง MacBook Air รุ่นใหม่ มาพร้อมบอดี้โค้งมน, จอรอยบากและแป้นพิมพ์มาในโทนสีขาว

สื่อนอกโชว์เครื่อง MacBook Air รุ่นใหม่ มาพร้อมบอดี้โค้งมน, จอรอยบากและแป้นพิมพ์มาในโทนสีขาว

มกราคม 19, 2022

หมวดหมู่

  • Freebies
  • StepGeekTV Online
  • Tips & Tricks
  • ข่าว
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
  • ข่าวโปรโมชั่น
  • บทความ
  • พรีวิว
  • รีวิว
  • เกม
  • แอปพลิเคชัน
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่องาน StepGeek

© 2019 StepGeek

No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • ข่าว
  • รีวิว
  • พรีวิว
  • บทความ
  • Tips & Tricks
  • ดูวิดีโอ StepGeek

© 2019 StepGeek

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In

Add New Playlist

This website uses cookies. By continuing to use this website you are giving consent to cookies being used. Visit our Privacy and Cookie Policy.