Samsung Galaxy Z Fold3 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Samsung Galaxy Unpacked: Get ready to unfold ไปเรียบร้อยแล้ว โดยสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้ได้มีการปรับปรุงจาก Galaxy Z Fold2 ไปพอสมควร ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่ามีอะไรที่น่าสนใจกันบ้างกับสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้รุ่นใหม่รุ่นนี้กันครับ
ตัวเครื่องกันนำ้และมีความทนทานมากขึ้น

หลังจากที่รุ่นแรก และรุ่นที่ 2 ไม่ได้กันน้ำ ทางซัมซุงก็ได้รับฟังฟีดแบคและปัญหาจากผู็ใช้งานเพื่อพัฒนาสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ให้ดีขึ้น จึงมีการพัฒนา Z Fold3 กันน้ำได้แล้ว โดยจะมีมาตรฐาน IPX8 ป้องกันน้ำกระเด็นหรือหกใส่โดยไม่ตั้งใจ
นอกจากด้านกันน้ำแล้ว ตัวเครื่องยังมีการเปลี่ยนใช้วัสดุที่แข็งแรงขึ้น โดยจะเปลี่ยนมาใช้ Armor Aluminum ที่มีความแข็งแรงขึ้น 10% เป็นตัวบอดี้หลักของตัวเครื่อง และมีการใช้กระจก Gorilla Glass Victus แข็งแรงกว่า Gorilla Glass 6 ถึง 50% และมีการใช้ฟิล์มแบบใหม่ ที่มีการออกแบบโครงสร้างเลเยอร์ใหม่ เพื่อความทนทานที่มากขึ้นสำหรับการพับงอ

รองรับการใช้งานปากกา S Pen

หลังจากที่ปีนี้ได้มีการประกาศหยุดพัฒนาสมาร์ตโฟนตระกูล Galaxy Note รุ่นใหม่ และมีการนำ S Pen มาใช้กับ Galaxy S21 Ultra เมื่อต้นปีที่ผ่าน และ Z Fold3 รุ่นนี้ก็รองรับการใช้งานปากกา S Pen แล้ว โดยจะรองรับการใช้งานปากกา S Pen Fold Edition เท่านั้น สามารถใช้งานจด ขีดเขียนได้เลยไม่ต้องเชื่อมต่อ และไม่ต้องชาร์จแบต แต่ทว่าไม่สามารถใช้งาน Air Action ออกท่าทาง Gesture ต่างๆ เหมือนกับ S Pen ซีรีส์ Galaxy Note ก่อนหน้านี้ แต่ยังรองรับการใช้งาน Air Command และไม่สามารถนำ S Pen รุ่นเก่ามาใช้งานกับ Z Fold3 ได้
ตัวปลายปากกาของ S Pen Fold Edition จะมีความนุ่มและมนมากขึ้น และเป็นแบบ Auto-Retracatble ที่สามารถหดหัวปากกาได้ เมื่อตรวจพบกว่ามีการใช้แรงกดที่มากเกินไป เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายกับหน้าจอที่ไม่ได้ใช้กระจกแบบหน้าจอสมาร์ตโฟนทั่วไป
นอกเหนือจากนี้ ก็รองรับการใช้งานปากกา S Pen Pro ที่มีขนาดปากกาที่ใหญ่ขึ้น จับถนัดมือมากขึ้น และ S Pen Pro สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ มีปุ่มสลับการใช้งานระหว่างอุปกรณ์มาให้
หน้าจอรีเฟรชเรท 120Hz ทั้งด้านนอกและด้านใน

มีการปรับปรุงหน้าจอด้านนอกให้ดีขึ้น โดยเป็นรีเฟรชเรท 120Hz เพื่อการแสดงผลที่สมูทลื่นไหลมากขึ้นกว่ารุ่นที่แล้ว และหน้าจอด้านในยังคงเป็น 120Hz เช่นกัน เมื่อมีการใช้งานหน้าจอ Cover Screen ด้านนอก และเปลี่ยนมาใช้งานหน้าจอใหญ่ ก็จะมีการเปิดใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ลื่นไหล 120Hz ส่วน Touch Sampling Rate สำหรับหน้าจอด้านใน ก็จะเป็น 240Hz เหมาะสำหรับการเล่นเกม
กล้องหน้าซ่อนใต้หน้าจอ

เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น ซัมซุงจึงซ่อนกล้องหน้าได้เนียนตากว่าเดิม ด้วยการนำกล้องไปไว้ใต้หน้าจอแสดงผล ทำให้เวลารับชมภาพยนตร์, เล่นเกม หรือใช้งานด้านอื่นๆ ไม่มีกล้องหน้ามาให้รบกวนสายตา ซึ่งแบบเดิมจะเป็นการเจาะรูหน้าจอแสดงผลไว้
การทำงานแบบ Multitask และ App Optimization At Device Level

ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 7.6 นิ้ว ทำให้การใช้งานหลายๆ แอปพลิเคชันพร้อมกันได้อย่างไม่แออัดหน้าจอเกินไป และใน Z Fold3 มีการปรับแต่ง UX ใหม่ เพื่อให้การใช้งานหน้าจอใหญ่ได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น มีการเพิ่ม Taskbar เข้ามาที่มีลักษณะเหมือนคอมพิวเตอร์เข้ามาเพื่อเลือกสลับการใช้แอปฯ ต่างๆ ได้สะดวกขึ้น ในด้าน Multitask ก็ทำงานได้สะดวกขึ้น จากเดิมสามารถลากไฟล์ข้ามแอปฯ ระหว่าง 2 หน้าจอได้แล้ว ใน Z Fold3 สามารถลากลิงค์เพื่อมาเปิดบนเว็บเบราเซอร์ได้อีกหน้าจอได้ทันที และใน Z Fold3 จะมี App Optimization At Device Level เพื่อเป็นการเปิดใช้งานทุกแอปพลิเคชันในเครื่อง สามารถใช้งานแบบ Multi window ได้ ซึ่งตอนนี้ทางซัมซุงก็มีพาร์ทเนอร์หลายๆ แอปพลิเคชันที่รองรับการใช้งานแบบ Foldable Screen แล้ว
ในด้านขุมพลังก็มีการใช้ชิประดับท็อปอย่าง Qualcomm Snapdragon 888 ขนาด 5 นาโนเมตร มาพร้อมกับ RAM 12GB และมีหน่วยความจำ ROM 256GB และ 512GB ให้เลือก กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัว เลนส์หลัก, Ultra wide และ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่ากันหมด แบตเตอรี่ขนาด 4,400 mAh ชาร์จเร็ว 25W
และตอนนี้ ทางซัมซุงประเทศไทย ก็เปิดทำการพรีออเดอร์ Galaxy Z Fold3 แล้ว โดยมีราคา 57,900 บาท สำหรับรุ่น 256GB และ 61,900 บาท สำหรับรุ่น 512GB ที่ samsung.com
สเปค Samsung Galaxy Z Fold3
- ขนาดตัวเครื่อง (เมื่อกางหน้าจอ) 158.2 x 128.1 x 6.4 มิลลิเมตร
- ขนาดตัวเครื่อง (เมื่อพับหน้าจอ) 158.2 x 67.1 x 16 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 271 กรัม
- หน้าจอด้านใน Dynamic AMOLED 2X แบบ Infinity Flex ขนาด 7.6 นิ้ว ความละเอียด 2208 x 1768 พิกเซล จอรีเฟรชเรท 120Hz ความหนาแน่นของพิกเซล 374 ppi ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus
- หน้าจอด้านนอก Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด 2268 x 832 พิกเซล จอรีเฟรชเรท 120Hz ความหนาแน่นของพิกเซล 387 ppi ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus
- ชิปเซ็ต Snapdragon 888 ขนาด 5 นาโนเมตร
- RAM 12GB
- ROM 256GB/512GB แบบ UFS 3.1
- กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 รองรับกันสั่น OIS + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 สามารถถ่ายมุมกว้างได้ 123 องศา + เลนส์ Telephoto ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 สามารถซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่า, ซูมแบบ Digital ได้ 10 เท่า และรองรับกันสั่น OIS
- กล้องหน้าด้านใน (ซ่อนใต้หน้าจอแสดงผล) ให้ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
- กล้องหน้าด้านนอก ให้ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f.2/2
- แบตเตอรี่ขนาด 4,400 mAh
- รองรับลำโพงสเตอริโอคู่ มาพร้อมกับระบบเสียง Dolby Atmos
- รองรับสแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างของตัวเครื่อง
- รองรับ Dual SIM (nano SIM และ eSIM)
- รองรับ 5G
- รองรับกันน้ำ IPX8
- รองรับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย One UI 3
- รองรับปากกา S Pen
- มีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีเขียวและสีเงิน (ฝาหลังเป็นพื้นผิวแบบด้าน)
- ราคา 57,900 บาท สำหรับรุ่น 256GB และ 61,900 บาท สำหรับรุ่น 512GB